
โหวแดงขนาดนั้นเลยนะ!
เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.68 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ต่างประเทศ ctwant ได้ออกมารายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ หญิงจีน เกิดปัญหาเกี่ยวกับสีผิวของเธอที่ไม่เป็นธรรมชาติ แดงก่ำทั้งหน้าจนดูน่ากลัว งานนี้ทำเอาชาวเน็ตต่างตั้งข้อสงสัย ว่าเป็นอะไร?

จากการรายงานของสื่อนอก พบว่า หญิงสาววัย 37 ปี ในมณฑลจี๋หลิน ประเทศจีน โดยเธอเล่าว่า เธอแต่งหน้ามานานกว่า 20 ปีแล้วตั้งแต่เธอเรียนรู้การแต่งหน้าเมื่ออายุ 15 ปี และไม่เคยล้างเลย แล้วอยู่ดีๆผิวบนใบหน้าของเธอก็เริ่มแดงก่ำ ร้อน และคัน ซึ่งพอมีอาการก็ไม่ได้ไปหาหมอผิวหนังเลย แต่เธอกลับเลือกไปที่คลินิกเสริมความงามเพื่อรับยาเสริมผิวอีกด้วย
แต่ผู้หญิงคนนั้นบ่นว่าหลังจากฉีดยาไปไม่นาน ก็เกิดการเปลี่ยนสีของผิวหนังอย่างรุนแรงตั้งแต่รอยแดงเป็นสีม่วงและอาการร้อนและคันก็รุนแรงขึ้น เธอบอกกับสื่อว่าผิวหนังบนใบหน้าของเธอตอนนี้ เหมือนเปลือกแข็ง แข็ง คัน และแดง แถมยังบอกด้วยว่าตอนนี้ได้แต่อยู่ที่บ้านทุกวันและไม่กล้าออกไปเจอใคร
จากข้อมูลที่ตามมา ทราบว่า ผลที่ทำให้เกิดรอยแดงขนาดนี้บนใบหน้า เพราะว่าไม่ล้างเครื่องสําอางเป็นเวลานาน เนื่องจากเครื่องสําอางมักมีส่วนผสมและเม็ดสีมัน และเมื่อไม่ได้ล้างเครื่องสําอางเป็นเวลานาน ส่วนผสมเหล่านี้จะถูกผสมกับเหงื่อและน้ํามันผิวเพื่อสร้างเอนไซม์ที่ใช้งานอยู่ ซึ่งจะกลายเป็นสิ่งสกปรกที่เรียกว่า “ไขมันเปอร์ออกไซด์” ซึ่งจะอุดตันรูขุมขนและป้องกันไม่ให้ความมัน เหงื่อ และสิ่งสกปรกถูกระบายออกอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ เครื่องสําอางและสิ่งสกปรกที่ตกค้างอาจทําให้ผิวหนังระคายเคือง ทําให้เกิดอาการไม่สบายตัว เช่น แดง บวม คัน และแม้กระทั่งทําให้เกิดอาการแพ้ ทําให้เกิดรอยแดง คัน และแม้กระทั่งแผลพุพอง ส่วนผสมทางเคมีในเครื่องสําอางจะอยู่บนผิวหนังเป็นเวลานาน ซึ่งอาจทําลายเนื้อเยื่อผิวหนัง เร่งริ้วรอย และนําไปสู่การปรากฏตัวของริ้วรอยและริ้วรอยได้ในที่สุดค่ะ
เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็พิสูจน์ได้แล้วนะคะว่า การไม่ล้างหน้าขณะมีเครื่องสำอางอยู่ก็อันตรายมากๆค่ะ เนื่องจากมีสารเคมีมากมายที่อาจทำร้ายผิวของใบหน้าเราได้ อย่างไรก็ตามต้องหมั่นทำความสะอาดใบหน้าให้สะอาดด้วยนะคะ
ที่มา: เว็บไซต์ ctwant
https://www.ctwant.com/article/425268