ไม่รอด! “ธปท.” เตรียมส่งข้อมูล “ดีอี” ปิด 10 แอปฯ เงินกู้เถื่อน

ไม่รอดแน่! “แบงก์ชาติ” เตรียมส่งข้อมูลให้ “ดีอี” ปิด 10 แอปฯ เงินกู้เถื่อน แอบเปิดให้โหลดบน Play Store แบบผิดกฎหมาย

ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้ตรวจสอบกูเกิล เพลย์สโตร์ (Google Play) หรือแพลตฟอร์มสำหรับดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน พบว่ามี 11 แอปพลิเคชันเข้าข่ายให้บริการด้านเงินกู้ผิดกฎหมาย

วันนี้ (1 ก.พ.68) นางสาวพีรจิต ปัทมสูต ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายคุ้มครอง และตรวจสอบบริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ต้นสัปดาห์ระหว่างวันที่ 3-7 ก.พ.68 ธปท.เตรียมส่งข้อมูล 11 แอปพลิเคชัน ที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้ส่งให้ ธปท.ตรวจสอบ ซึ่งพบว่า 10 แอปฯ ผิดกฎหมาย และมี 1 แอปฯ ดำเนินการถูกกฎหมาย

“ธปท.ตรวจสอบทั้ง 11 แอปฯ เรียบร้อยแล้ว จากนั้นจะส่งข้อมูล และระบุรายละเอียดความผิดที่ขัดต่อข้อบังคับของแบงก์ชาติให้กระทรวงดีอีดำเนินการต่อไป“นางสาวพีรจิตกล่าว

นางสาวพีรจิต ปัทมสูต ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายคุ้มครอง และตรวจสอบบริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

นางสาวพีรจิตกล่าวว่า ภายหลังจาก ธปท. ได้เจรจาร่วมกับกระทรวงดีอี สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)

ในเรื่องการปิดแอปฯ โดยกระทรวงดีอีระบุว่าหากต้องการปิดแอปฯ ต้องให้เจ้าหน้าที่ของ ธปท.เป็นผู้ส่งเรื่อง พร้อมกับข้อความทางกฎหมายถึงสาเหตุที่ต้องการปิดแอปฯ นั้นๆ จากนั้นจะส่งเรื่องกลับไปที่กระทรวงดีอีให้ดำเนินการปิดแอปฯ ที่ผิดกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม การดำเนินการกับแอปฯ ที่ผิดกฎหมายมี 2 สเต็ป คือ 1.การปิดแอปฯ และนำแอปฯ ออกจากแพลตฟอร์ม และ 2.การเอาผิดแอปฯ

นางสาวพีรจิตกล่าวว่า ซึ่ง ธปท.ได้หารือกับตำรวจ ซึ่งก็มีแอปฯ ที่ตำรวจต้องการเอาผิดด้วย แต่ถ้า ธปท.ส่งเรื่องไปให้ปิดแอปฯ เลย ตำรวจอาจจะขาดหลักฐานเอาผิดได้ เพราะเมื่อนำแอปฯ ออกจากแพลตฟอร์มจะไม่สามารถเก็บข้อมูลได้เลย

“จริงๆ แล้ว ธปท.ต้องการนำแอปฯ ที่พบว่าทำผิดกฎหมายลงจากแพลตฟอร์มก่อน ป้องกันการหลอกลวงประชาชน แต่อาจจะขัดต่อการดำเนินงานของตำรวจ”นางสาวพีรจิตกล่าว

อย่างไรก็ตาม หากประชาชนที่ใช้บริการไปแล้วเกิดความเสียหายให้แจ้งความที่สถานีตำรวจ หรือ ธปท.ได้เลย สำหรับการดำเนินคดีทางกฎหมายจะสามารถทำได้ก็เมื่อมีผู้เสียหายจากการให้บริการแอปฯ ดังกล่าว

“ยืนยันว่า ธปท.ไม่ได้นิ่งเฉย แต่ ธปท.ยังไม่พบว่าผู้ให้บริการได้ให้สินเชื่อจริง ซึ่ง ธปท.จะนำแอปฯ ลงได้เมื่อพบว่าแอปฯ นั้นๆ ให้บริการผิดกฎหมาย เช่น การคิดดอกเบี้ยเกินความเป็นจริง”นางสาวพีรจิตกล่าว

ทั้งนี้ สำหรับการเปิดให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล ภายใต้การกำกับของ ธปท. หากต้องการประกอบกิจการดังกล่าวต้องส่งเรื่องเข้าที่ ธปท.พิจารณาเสร็จแล้วจะส่งเรื่องไปที่กนะทรวงการคลัง เพื่อให้พิจารณาออกใบอนุญาต (ไลเซนส์) จากนั้นจะส่งเรื่องกลับมาที่ ธปท.ให้ไปแจ้งผู้ขอใบอนุญาตต่อไป

นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.)

นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) กล่าวว่า ภายหลังจากกระทรวงดีอีได้รับข้อมูลตรวจสอบแอปฯ ทั้งหมดที่ส่งกลับมาจาก ธปท.แล้ว กระทรวงดีอีจะส่งข้อมูลทั้งหมดไปที่แพลตฟอร์มให้ดำเนินการถอนการติดตั้งแอปฯ ที่ผิดกฎหมายทันที

ขณะเดียวกัน ส่วนที่พบว่ามีผู้เสียหายจากการใช้บริการแอปฯ ดังกล่าว กระทรวงดีอีจะส่งข้อมูลที่ได้รับจาก ธปท. รวมถึงข้อมูลของตำรวจที่เก็บหลักฐานของผู้เสียหายไว้ทั้งหมด รบรวมส่งให้ศาลพิจารณาคดี เพื่อเอาผิดกับผู้ให้บริการแอปฯ ต่อไป

“หลังจากดีอีส่งข้อมูลแอปฯ ไปที่แพลตฟอร์มแล้ว แอปฯ จะต้องถูกถอนออกทันที ส่วนแอปฯ ที่พบว่ามีผู้เสียหายร้องเรียนไว้จะดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อรับโทษตามความผิด”นายเวทางค์กล่าว