หมอเส รพ.มาสเตอร์พีซ ทุ่มงบ รวบเทคนิค รพ.เกาหลี เสริมทัพทีมแพทย์ไทย

ไม่ต้องบินไปศัลยกรรมถึงเกาหลี หมอเส โรงพยาบาลมาสเตอร์พีซ ทุ่มงบ รวบแพทย์ยอดฝีมือ “ โรงพยาบาลเกาหลี ” เสริมทัพทีมแพทย์ไทย แล้ว!

เป็นที่รู้กันดีว่าในแต่ละปีคนไทยบินไปผ่าตัดศัลยกรรมที่ประเทศเกาหลีกันเป็นจำนวนมาก

เม็ดเงินที่ออกไปไม่ต่ำกว่าหลักหลายพันล้านบาทต่อปี (ซึ่งอาจจะไม่สามารถประเมินตัวเลขจริงได้ร้อยเปอร์เซ็นต์)

นอกจากจะเป็นจำนวนเม็ดเงินไทยที่ไหลออกนอกประเทศในส่วนของค่าผ่าตัดแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายแฝงอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ค่าตั๋วเครื่องบินเดินทาง, ค่าที่พัก, ค่าใช้จ่ายการกินอยู่ และค่าเสียเวลา รวมถึงหลาย ๆ คนไม่รู้ว่า เมื่อคนไทยไปศัลยกรรม

ต้องโดนบวกค่า Agency เพิ่มอีก มากกว่า 30-50%

ซึ่งนับว่าเป็นเม็ดเงินที่มีมูลค่ามหาศาล

ไม่เพียงแต่คนไทยเท่านั้นที่หันไปนิยมศัลยกรรมเกาหลี แต่ความนิยมนี้แพร่หลายในเทรนด์ของชาวเอเชีย

ทั้งตลาดใหญ่ที่มีกำลังจ่ายมหาศาลอย่างประเทศจีน หรือจะเป็นเวียดนาม สิงคโปร์

แม้กระทั่งประเทศเพื่อนบ้านเราก็นิยมบินไปเพิ่มความสวยไกลถึงแดนกิมจิ

อ่านถึงตรงนี้ ลองคิดดูเล่น ๆ นะ ว่ามูลค่าเม็ดเงินที่วิ่งเข้าประเทศเกาหลีจะสูงขนาดไหนกัน?

อีจัน ได้คุยกับแพทย์หนุ่มไฟแรง คุณหมอเส นพ.ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล เจ้าของโรงพยาบาลศัลยกรรมมาสเตอร์พีช มั่นใจว่าชื่อนี้ไม่มีใครในวงการศัลยกรรมความงามไม่รู้จัก

คุณหมอ ได้เล่าให้ อีจัน ฟังถึงธุรกิจศัลยกรรมในปัจจุบัน ว่า

“จากปัจจุบันข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ยกให้ ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านความงามอันดับ ที่ 3 ของเอเชีย ในหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา ผมได้คุยกับลูกค้าต่างชาติเยอะมาก อย่างเช่น ลูกค้าคนจีนที่เป็นตลาดใหญ่ด้านความงาม ผมพบว่ามีลูกค้าคนจีนจำนวนมากอยากมาผ่าตัดที่ไทย เขาชอบเมืองไทยมาก ชอบการบริการ ชอบการท่องเที่ยว แต่สุดท้ายก็ไปศัลยกรรมที่เกาหลีอยู่ดี

ทำให้ผมตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะเป็นเรื่องความรู้สึกว่าหมอเกาหลีเก่งกว่า?

ซึ่งถ้าเราแก้ความเชื่อมั่นในจุดนี้ได้ จะมีตลาดลูกค้าต่างชาติอีกจำนวนมหาศาลที่พร้อมนำเม็ดเงินเข้าประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นอีก”

คุณหมอเล่าถึงจุดนี้เราเองต้องยอมรับว่าศัลยแพทย์ของเกาหลีเก่งจริง ๆ

เขามีความเชี่ยวชาญด้านการศัลยกรรมที่เกี่ยวข้องกับใบหน้า การแก้ไขโครงหน้าอย่างมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก

หากมองในไทย ก็มีแพทย์ไทยที่เชี่ยวชาญเช่นกัน แต่มีจำนวนน้อยกว่าบ้านเขา รวมถึงความชำนาญอาจจะยังไม่เทียบเท่ากับประเทศเกาหลี ในสายตาต่างชาติ

แต่ไม่ได้หมายความว่าศัลยกรรมเสริมความงามที่เกาหลีดีกว่าเราทั้งหมด เพราะแพทย์ประเทศไทยเราเอง ก็มีฝีมือศัลยกรรมผ่าตัดก็ไม่แพ้ใคร ยิ่งถ้าเป็นเรื่องศัลยกรรมที่เกี่ยวกับร่างกาย เช่น การดูดไขมัน, ศัลยกรรมเสริมหน้าอก

โดยเฉพาะการผ่าตัดแปลงเพศของไทย ถือว่าเป็นที่ยอมรับ จากทั่วโลกเช่นกัน

เรียกได้ว่าดีคนและจุด ฮุกกันคนละหมัด!

คุณหมอเส เล่าต่อว่า

“ผมยังมีความเชื่อเสมอว่าหมอไทยเก่งมาก และหากได้รับการฝึกและพัฒนาเทคนิคจากทางเกาหลีโดยแพทย์ระดับอาจารย์ที่มีประสบการณ์โดยตรง ฝีมือหมอไทยก็พัฒนาเทียบเท่าหมอเกาหลีได้ไม่ยาก เราต้องเอา Knowledge ตรงนี้ของเค้ามาฝึกฝนเพิ่มพูนทักษะของเราให้ได้”

การที่หมอไทยไปเรียนที่เกาหลีไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เพราะเกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว

แต่เพราะอะไรถึงยังรู้สึกว่าเทียบฝีมือเขาไม่ได้ในบางเรื่อง ซึ่งทุกคนต้องเข้าใจกระบวนการ Training หรือ Workshop ของหมอไทย เวลาไปเรียนที่เกาหลีก่อน ว่าเป็นการไป Take Course ระยะสั้น จะมีระยะเวลาการเรียนตั้งแต่ 1-2 วัน, 3-4วัน หรือ 7 วัน

โดยทั้งหมดเป็นการฟัง Lecture หรือไปยืนดูหมอเกาหลีผ่าตัดเท่านั้น (ไม่ผิดกฎหมายทั้งไทยและเกาหลี)

รวมถึงถ้าหมอเกาหลีบินมาจัด Workshop ในบ้านเรา เขาก็จะมาแค่ 1-2 วัน กับหัตถการผ่าตัดที่มีความซับซ้อนและเฉพาะทางสูงมากอย่าง แก้ไขโครงหน้า หากมีเวลาไม่กี่วันมักเป็นแค่การทำความเข้าใจเบื้องต้น

ยากที่จะเรียนรู้ได้ลึกซึ้งจนเกิดความชำนาญและเข้าใจทั้งหมด ยิ่งถ้าไม่เคยมีประสบการณ์ผ่าตัดด้านนี้มาก่อนยิ่งเป็นการยากที่จะเก่งได้

จึงเป็นที่มาของการ “คิดนอกกรอบแต่ไม่แหกกฎ”

ตัดสินใจลงทุนด้าน Business Partner กับทาง รพ.จากเกาหลี และสถาบันฝึกอบรมแพทย์ที่เกาหลีมาไว้ที่เมืองไทย

โดยไม่ได้เข้ามาในบทบาทของหมอผ่าตัด แต่เป็น “บทบาทของแพทย์ training ฝึกฝีมือทีมแพทย์ไทย” ภายใต้ รพ.ศัลยกรรมชื่อดังอย่างรพ.มาสเตอร์พีซ (Masterpiece Hospital) กันซะเลย

“ผมเปรียบเทียบเหมือนหมอเกาหลีเป็นโค้ช และหมอไทยเป็นนักเตะ เราเป็นสโมสรที่มีเป้าหมายคือแชมป์อันหนึ่ง จึงต้องลงทุนจ้างโค้ชที่มีฝีมือดีมาเป็นกุนซือ เพื่อพัฒนา ฝึกฝีมือนักเตะให้เก่ง เพิ่มศักยภาพของทีมและพาทีมไปสู่ระดับโลกให้ได้”

เฉกเช่นในเชิงธุรกิจหรือหน่วยงานราชการเอง ยังต้องมีการจ้างที่ปรึกษา Consult จากต่างประเทศที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องนั้น ๆ โดยเฉพาะเจาะจง เข้ามาเป็นที่ปรึกษา เพื่อให้เกิดการพัฒนาให้ทัดเทียมเป็นมาตรฐานเดียวกัน หรือเกิดเป็น Innovation ใหม่ที่ก้าวกระโดด

“ในวงการศัลยกรรมความงามก็เช่นเดียวกัน ที่ผมเชื่อเสมอว่าต้องมีการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่ง”

โมเดลนี้ผมยอมรับว่าไม่ได้คิดขึ้นมาเอง ผมได้แนวคิดมาจาก บริษัทระดับโลกอย่าง Huawei

Huawei ใช้เงินลงทุนด้าน R&D มากกว่า 30 % ทำให้บริษัทโตขึ้นอันดับต้น ๆ ของโลก แบบก้าวกระโดด สามารถสร้างการเติบโตอย่างรวดเร็ว ก้าวขึ้นมาติด Top 3 Brand ของตลาดสมาร์ทโฟนในระดับโลกได้

ลงทุนเพื่อปั้นทีมแพทย์ ที่แรกของไทย!

โรงพยาบาลศัลยกรรมมาสเตอร์พีซ เปิดเผยว่า

ตอนนี้ได้มีการร่วมมือกับสถาบันการอบรม Korean college of cosmetic surgery (KCCS) ซึ่งเป็นสถาบันที่มีแพทย์ชาวเอเชียหลายประเทศเชื่อมั่น ไม่ว่าจะ ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม จีน รวมถึงตัวคุณหมอเส และ ทีมแพทย์หลายท่าน ที่ รพ.มาสเตอร์พีช ก็มีโอกาสเดินทางไปเรียนที่นี่

ทั้งนี้ KCCS มีทีมแพทย์ไทย-เกาหลี เก่ง ๆ ระดับอาจารย์ชื่อดังหลายท่านอยู่ในสถาบัน

โดยทางเราจัดได้เป็น Center การพัฒนาทักษะแพทย์ภายในของ รพ. ซึ่งทำให้เกิดการฝึกฝนและพัฒนาทีมแพทย์ของเราอย่างต่อเนื่องมากกว่า 6 เดือนขึ้นไปในระยะยาว

ก่อให้เกิดการพัฒนาแตกต่างจากเดิมที่หมอเราต้องบินเกาหลีเพื่อ take course ระยะสั้นๆ แค่ครั้งละ 2-3 วัน

รวมไปถึง รพ.มาสเตอร์พีซ ได้มีการทำข้อตกลงกับร่วมกับโรงพยาบาลจากประเทศเกาหลี (FACE DESIGN MAXILLOFACIAL PLASTIC SURGERY )

เนื่องจากเรามีแผนธุรกิจในระยะยาวสำหรับการขยายธุรกิจ รพ. ที่ประเทศเกาหลีในอนาคตด้วย ซึ่ง FACE DESIGN เป็นโรงพยาบาลศัลยกรรมโครงหน้าที่ได้รับความนิยมทั้งในเกาหลีและจีน โดยเราเชิญคุณหมอที่เป็นศัลยแพทย์เฉพาะทางที่มีความเชี่ยวชาญจากประเทศเกาหลี มาควบคุมดูแลทีมแพทย์ไทยโดยเฉพาะ เพื่อปั้นทีมแพทย์ภายใน และเข้ามาในบทบาทของอาจารย์แพทย์ที่จะช่วยดูแลฝึกทักษะทีมแพทย์ภายในของเราเพื่อ Training ทีมแพทย์ไทยให้เก่งขึ้น

ควบคู่กับการการเป็นที่ปรึกษาด้านการขยาย รพ. ระยะยาวที่ประเทศเกาหลีในอนาคต ซึ่งคุณหมอเกาหลีจะได้ผลตอบแทนเป็นค่าลิขสิทธิ์ของเทคนิคการสอน ไม่ใช่ได้รับจากส่วนแบ่งรายได้จากการผ่าตัด

ด้วยกลยุทธ์นี้เองเมื่อทาง รพ. มีการปล่อยข่าวการรับสมัครแพทย์ เพื่อเข้าร่วมโปรเจคฯ ภายใน 3 ชั่วโมง มีแพทย์ติดต่อมา 27 คน

และ ภายในหนึ่งวันหลังประกาศมีถึง 60 คนที่สนใจสมัครเข้าร่วม

นับว่าได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก

“มีคนสอบถามเข้ามาเป็นจำนวนมากว่าหมอเกาหลีมาผ่าที่ไทยได้หรือ?

ซึ่งยืนยันว่าหมอเกาหลีไม่ได้มาผ่าตัดที่ไทย อย่างไรก็ตามผมไม่อยากให้เกิดความเข้าใจผิดเรื่องหมอเกาหลีมาผ่าตัดที่ไทยนะครับ ตอนนี้หลายคนอาจเข้าใจผิดอยู่

เจตนารมณ์คือเพื่อสร้างการพัฒนาฝีมือให้หมอไทยครับ

คุณหมอเส โรงพยาบาลศัลยกรรมมาสเตอร์พีซ เล่าต่อว่า

ก่อนที่จะตัดสินใจร่วมงานกับแพทย์จาก รพ.ศัลยกรรมจากประเทศเกาหลี ทาง รพ.ทำมาโดยตลอดอยู่แล้วในการฝึกฝนพัฒนาทีมแพทย์ภายในของ รพ. เพื่อให้มีทักษะที่ดีที่สุด เก่งขึ้น คิดค้นเทคนิคใหม่ เพื่อให้คนไข้ได้ผลออกมาดีที่สุด

โดยเป็นการเทรนด์กันภายใน รพ. รวมถึงการส่งแพทย์ไปเทรนด์ที่ต่างประเทศอยู่เสมอๆ

แต่ปัญหาคือเดิมเวลาไป Take Course เป็นการเทรนด์ที่ได้แต่ยืนดู เทียบไม่ได้กับการยืนประกบและ Comment ได้ ทันทีแบบ Real time แม้แพทย์เราจะพัฒนาฝีมืออยู่ตลอดแต่จะทำอย่างไรให้ทีมแพทย์ไทยเก่งขึ้นได้จริงๆ ก็มีแต่ต้องมีเชิญคน ที่เก่งจริงมาสอน

“ผมได้ไอเดียแรกตอนไปให้โปรฯ กอล์ฟสอน และกลับมาฝึกออกรอบเอง เล่นเท่าไรก็ไม่เก่งสักที สุดท้ายจึงจ้างโปรฯ กอล์ฟ มาเดินประกบคู่กับผมเลยตอนเวลาไปออกรอบ แต่โปรฯ ไม่ได้ตีให้ผม เพียงแค่สอนเทคนิค-ควบคุมและแนะแนวทางที่ทำให้ผมตัดสินใจตีได้ถูกต้อง ซึ่งทำให้การตีกอล์ฟของผมพัฒนาขึ้นแบบก้าวกระโดด จึงได้ไอเดียนี้มาต่อยอดในการคิดโปรเจคนี้ขึ้นมา ครับ”

สุดท้ายก็ตกผลึกได้ถึงวิธีที่จะพัฒนาศักยภาพแพทย์ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดจริงๆ

นั่นคือการมีที่ปรึกษาที่เป็นคนเก่งจริง เมื่อทีมแพทย์เราได้รับการสอนโดยตรง จากอาจารย์ที่ดีและเชี่ยวชาญโดยแท้จริงแบบ original แท้ๆ

เชื่อได้ว่าฝีมือแทพย์ไทยจะพัฒนาไปได้ไกลและรวดเร็ว จึงได้ตัดสินใจลงทุนในจุดนี้

ในเมื่อรู้ว่าคนไทยชอบไปผ่าตัดศัลยกรรมที่เกาหลี เพราะหมอเกาหลีเก่ง ๆ เยอะ บ้านเขาหมอดังเรื่องผ่าตัดใช่ไหม แต่ตัวหมอเกาหลีมาผ่าตัดที่ไทยไม่ได้ (ด้วยข้อจำกัดทางข้อกฎหมาย) จึงคิดต่อว่าทำอย่างไรจึงจะได้ความรู้ตรงนี้แบบแก่นแท้เพื่อให้หมอไทยได้พัฒนาให้เทียบเท่าเขาจริงๆ

ก็มีแต่ต้องได้รับความรู้โดยตรงจากหมอเกาหลีที่เป็นระดับอาจารย์แพทย์ ผมเชื่อในการ R&D การฝึกฝนการพัฒนาฝีมือแพทย์และทีมงาน ถ้าหมอเกาหลีผ่าไม่ได้ก็ไม่จำเป็นต้องเอาหมอเกาหลีมาผ่าตัด แต่เป็นการมาสอนทีมให้เก่งขึ้น

อีจัน ทิ้งท้ายด้วยคำถามว่า

“ตอนนี้ คุณหมอเส ตี Score เท่าไร Hadicap เท่าไรแล้ว?”

คุณหมอเสยิ้ม ๆ แล้วตอบมาว่า

“ขอเวลาอีก 2-3 เดือนแล้วจะกลับมาบอกนะครับว่าฝีมือถึงขั้นไหน”

งานนี้สายรักความงาม คงถูกใจไม่เบา เพราะไม่ต้องบินไปเสริมความงามเทคนิคศัลยกรรมสไตล์เกาหลีไกลบ้านแล้ว คุณหมอเส พาคุณหมอเกาหลี มาเผยเทคนิค และเสริมทักษะให้ถึงไทยเลยทีเดียวค่ะ