ด่วน! “ชัยวัฒน์” ถูกไล่ออก! ปมฮั้วประมูล สร้างหน่วยพิทักษ์คมกฤต ป่าแก่งกระจาน!

ป.ป.ช. ชี้ชัด! ชัยวัฒน์ ผิดวินัยร้ายแรง ฮั้วประมูล ฝ่ายเจ้าตัวยัน “สู้เพื่อป่า ไม่เคยทุจริต!”

เพจ facebook ชมรม สตรอง ต้านทุจริต ประเทศไทย รายงานว่า นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิต อักษร อดีต ผอ.สำนักอุทยาน
ล่าสุดถูกไล่ออกจากราชการ ในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักอุทยาน ปมฮั้วประมูล ก่อสร้างอาคารหน่วยพิทักษ์อุทยานแก่งกระจาน

เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา มีคำสั่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ 194/2568 เรื่อง ลงโทษกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ด้วย นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร เดิมเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ  

ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ ประเภทอำนวยการ ระดับสูง สังกัดกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ตำแหน่งเลขที่ 1026 เงินเดือน 74,320 บาท

คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนและมีมติชี้มูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริต และฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 85 (3) และ (4) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551ในการประชุมครั้งที่ 103/2566 เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2566 โดยให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการพิจารณาโทษทางวินัยตามฐานความผิดที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ และให้ถือสำนวนการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นสำนวนการสอบสวนทางวินัย ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน
บัดนี้ อ.ก.พ. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการประชุมครั้งที่ 3/2525 วันที่ 30 พฤษภาคม 2568 ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีคำวินิจฉัยว่านายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ได้กระทำความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ตามสำนวนรายงานการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดังนี้
กรณีที่ 1การจัดจ้างโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยาน (ห้วยคมกฤต) อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีผู้เข้าซื้อของเอกสารประกวดราคาและยื่นซองเอกสารประกวดราคาในโครงการดังกล่าว จำนวน 2 ราย คือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ท่ายางคอนสตรัคชั่น และห้างหุ้นส่วนจำกัด เพชรบุรียุทธนาก่อสร้าง โดยนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ได้ขอใช้ชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดทั้งสองจากนายสนอง กิจพ่วงสวรรณ ที่เป็นผู้ตัดสินใจและผู้สั่งการของทั้งสองแห่งแต่เพียงผู้เดียว โดยตั้งแต่ขั้นตอนการซื้อเอกสารประกวดราคา ยื่นซองประกวดราคา และเสนอราคา ไม่ได้เกิดจากห้างหุ้นส่วนจำกัดทั้งสองมีเจตนาที่จะแข่งขันกันอย่างแท้จริง แต่เกิดจากการตระเตรียมของนายชัยวัฒน์ เพื่อให้ดูเสมือนมีการแข่งขันตามกฎหมาย โดยมีเจตนาเพียงเพื่อให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ท่ายางคอนสตรัคชั่น เข้ามาเป็นคู่สัญญากับกรมอุทยานฯ

ภายหลังดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 ได้เบิกจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ท่ายางคอนสตรัคชั่น จำนวน 3,527,000 บาท ตามสัญญาจ้างเลขที่ 22/2556 ลงวันที่ 16 กันยายน 2556 แล้ว ต่อมาห้างฯ ได้มีการหักลบกลบหนี้กับนายชัยวัฒน์ ซึ่งเป็นหนี้ร้านท่ายางค้าไม้ จึงเหลือเงินค่าโครงการที่ต้องคืนให้นายชัยวัฒน์ โดยร้านท่ายางค้าไม้ได้จ่ายเช็คธนาคารกสิกรไทย เลขที่ 7921578 ลงวันที่ 28 พฤษภาคม 2557 เป็นเงินสดจำนวน 1,000,000 บาท ให้นายชัยวัฒน์

กรณีที่ 2โครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยาน (ห้วยคมกฤต) อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ไม่เป็นไปตามรูปแบบรายการแนบท้ายสัญญา ไม่ได้ดำเนินการควบคุมงานตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 ซึ่งรายงานการควบคุมงานที่ช่างควบคุมลงนามไปนั้น เป็นการจัดทำโดยหัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุตามคำสั่งของนายชัยวัฒน์ เพื่อรับรองว่าการก่อสร้างเสร็จสิ้นตามสัญญา ทั้งที่ความจริงไม่ได้มีการควบคุมงานจริง ด้วยเหตุจากสภาพพื้นที่ที่ห่างไกล ประมาณ 40 กิโลเมตร และใช้เวลาเดินทางไป-กลับมากกว่า 3 ชั่วโมง ทำให้ควบคุมงานได้ยาก

นายชัยวัฒน์ ได้ลงนามในใบตรวจรับงานจ้างลงวันที่ 3 พฤษภาคม 2557 ว่าเสร็จเรียบร้อยตามสัญญา จนเป็นเหตุให้เกิดการเบิกจ่ายแก่ห้างฯ โดยเจตนาทำให้คณะกรรมการตรวจสอบไม่สามารถตรวจสอบได้อย่างถูกต้อง
ดังนั้น การกระทำของนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ถือเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 85 (1) และ (4) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

จึงมีมติให้ลงโทษ ไล่ออกจากราชการ ตามฐานความผิดที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูล
อาศัยอำนาจตามมาตรา 57 (5), มาตรา 97 วรรคสอง, มาตรา 100 และมาตรา 100/1 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และมาตรา 98 แห่ง พ.ร.บ.ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ประกอบข้อ 68, ข้อ 69, ข้อ 70 (3) ของกฎ ก.พ. ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. 2556 และข้อ 15 ของระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยวันออกจากราชการ พ.ศ. 2554

จึงสั่งลงโทษไล่นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2567 เป็นต้นไป

หากท่านจะฟ้องโต้แย้งคำสั่งนี้ ให้ฟ้องต่อศาลปกครองภายใน 90 วัน หรือจะอุทธรณ์ต่อ ก.พ.ค. ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ทราบหรือถือว่าทราบคำสั่ง โดยเลือกใช้สิทธิทางใดทางหนึ่งเท่านั้น
สั่ง ณ วันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2568

ขณะเดียวกัน นายชัยวัฒน์ ได้ออกมาโต้แย้งกรณีดังกล่าวว่า ตนเอง ยืนยันในความบริสุทธิ์ ตามที่ได้ชี้แจงมาตลอดก่อนหน้านี้

และกรณีนี้ เป็นการดำเนินการทางวินัยแก่ตนเอง ซึ่งจะยื่นอุทธรณ์ต่อ คณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรม หรือ กคพ. ของสำนักงานข้าราชการพลเรือนต่อไป

ขณะเดียวกัน คดีอาญาที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อตนเองนั้น ก็อยู่ระหว่างพิจารณาสู้คดีโดยศาลนัดไต่สวนกรกฎาคมนี้

หากคำตัดสินศาลอาญา มีผลเป็นบวก ก็จะนำคำตัดสินนั้นยื่นต่อศาลปกครองทันที

“การยอมรับ สิ่งที่เป็นระเบียบ ข้อกฏหมาย เมื่อใจมันมุ่งมั่น ที่จะสู้ เพื่อการปกป้องรักษา ทั้งป่า และสัตว์ป่า ทั้งกายและใจ ก็ต้องยอมรับ กับฝ่ายตรงข้าม ที่พร้อม ทิ่มแทง เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ 4 ที่พวกเขาพยายามทำ

บอกได้เต็มปากว่า ไม่เคยเสียใจเลย ที่ได้ทำหน้าที่หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ถึงบาดแผล จะมีหลายบาดแผล แต่กลับภูมิใจมากที่สุดในชีวิต ด้วยซ้ำ ว่า ตนได้ทำได้ดีที่สุดแล้ว”

และยังยืนยันคำเดิมว่า
เมื่อเลือกที่จะทำหน้าที่เพื่อป่า เพื่อสัตว์ป่า อย่างสุดชีวิต ก็พร้อมจะรับแรงกระแทก และยืนยัน ว่าไม่เคยรับเงินใครหรือ ทุจริตเรียกรับเงินใครในหน้าที่
ขอบคุณทุกท่านที่เป็นห่วง

“ ช่วงนี้ ..ปากดีไปหน่อย ”
พฤหัสบดี จะมีการชี้แจงกรณีดังกล่าวผ่าน Live ส่วนตัว