ตีแผ่ “ขบวนการล่าช้างป่า” โศกนาฏกรรมบนผืนป่า เพื่อสนองตัณหาของมนุษย์  

ชัยวัฒน์ ตีแผ่ “ขบวนการล่าช้างป่า” ภัยคุกคามที่เกิดจากเงื้อมือมนุษย์ ปัญหาที่ยังแก้ไขไม่จบไม่สิ้น และสร้างความสะเทือนใจแก่กลุ่มคนรักช้างเป็นอย่างมาก..

ทุกวันนี้ยังคงมี

ช้าง…ที่ถูกทารุณกรรม

ช้าง…ที่ถูกพรากพ่อพรากแม่

ช้างที่ไม่ได้มีโอกาสใช้ชีวิตและตายไปโดยธรรมชาติ

แต่ถูกทำร้ายด้วยเงื้อมือ “มนุษย์” ผู้ที่ถูกยกย่องว่าเป็น “สัตว์ประเสริฐ”

นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตผู้อำนวยการสำนักอุทยาน ได้บอกเล่าเรื่องราว ขบวนการล่าช้างป่า ภัยคุกคามที่เกิดจากเงื้อมือมนุษย์ ปัญหาที่ยังแก้ไขไม่จบไม่สิ้น ที่สร้างความสะเทือนใจแก่กลุ่มคนรักช้างเป็นอย่างมาก

โดยวันที่ 1 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา นายชัยวัฒน์ ได้ออก Live ผ่านเฟสบุ๊ก ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร บอกเล่าเรื่องราวในผืนป่าแก่งกระจาน โดยเป็นเรื่องราวเมื่อครั้งหนึ่ง ขณะมีตำแหน่งเป็นผู้พิทักษ์ป่า ภายใต้กรมอุทยานฯ  ได้ออกมาเล่าเรื่องปัญหาภัยคุกคามช้างป่า ของกลุ่มขบวนการล่าช้างป่า และ การสวมตั๋วรูปพรรณช้างของกลุ่มนายทุน

นายชัยวัฒน์ เล่าว่า ขบวนการล่าช้างป่านั้น มีทั้งการล่าเพื่อเอาอวัยวะไปขาย โดยจะเลือกยิงเฉพาะตัวผู้ เพื่อเอาอวัยวะ เช่น งา งวง หาง อวัยวะเพศของช้างเพศผู้ นม และ กะโหลกส่วนหน้าของช้าง เพื่อนำไปทำของขลัง ยาชูกำลัง และ เสริมเสน่ห์เมตตามหานิยมตามความเชื่อ โดยจะใช้วิธีการยิงช้าง เพื่อตัดอวัยวะ หรือหากจะเอาลูกช้าง ก็จะทำการยิงยาสลบเพื่อนำลูกช้างออกจากป่า

กรณีที่จะนำลูกช้างออกจากป่าได้นั้น จะต้องยิงพี่เลี้ยงช้าง หรือ ยิงแม่ช้างให้ตายเสียก่อน และ ปล่อยไว้ประมาณ 2 – 3 วัน จากนั้นพรานจะเข้ามาคล้องช้าง ให้อาหาร กล้วย อ้อย เพื่อทำให้ช้างเชื่อง และติด

ยกตัวอย่าง ครั้งหนึ่งใน“การจับกุมกลุ่มขบวนการล่าช้างป่า” ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภาค 7 ได้ทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาในขบวนการล่าช้างป่า จำนวน 2 ราย เป็นชาวชนเผ่าสวนผึ้ง และ ชาวชนเผ่าพื้นที่บ้านป่าเด็ง ต.ป่าเด็ง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี จากการตรวจค้นครั้งนั้น พบอาวุธปืนอาร์ก้า 1 กระบอก และอาวุธปืน คาร์บิน 1 กระบอก ซึ่งผู้ต้องหาให้การว่า ได้ยิงช้างจริง และ ทำการถอดเอางา และ อวัยวะ ไปให้กับผู้สั่ง ที่บริเวณบ้านวลัย ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หนองพลับ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ครั้งนั้นผู้ล่าก็ได้เล่าให้ฟังถึงวิธีการ ขบวนการล่าช้างป่าไว้ว่า…

เปิดปากพรานล่าช้าง!

การเข้าไปยิงช้างป่า การเข้าป่ายิงช้างนั้น ไม่ได้มีพิกัดช้างที่แน่นอนแต่อย่างใด แต่จะเป็นการเดินเข้าไปในป่า ตามข้อมูลที่ทราบมาว่าช้างป่าอยู่บริเวณนั้น โดยกลุ่มคนร้ายจะเดินทางเข้าป่าหาช้างคราวละ 4 – 5 คน  หากเจอก็คือจัดการทันที หากเจอช้างที่มีลูก ในกรณีที่จะเอาลูกช้าง ก็จะเอาช่วงอายุลูกช้างที่หย่านมแล้ว ขนาดสูงประมาณ 7 ฟุต โดยจะยิงพี่เลี้ยง หากแม่ช้างยังหวงลูกช้างอยู่ก็จะยิงแม่ช้างด้วย!  

ยิงช้างทั้งโขลง เพื่อลูกช้าง 2 ตัว หากช้างลูก อยู่ในโขลงช้างที่มีจำนวนมาก กลุ่มผู้ล่าจะเลือกยิงแม่ช้างก่อน เพราะลูกจะไม่ไปไกลจากแม่ช้าง และ ถ้าช้างตัวอื่นที่อยู่ในโขลง ไม่ยอมออก แตก หรือวิ่งหนีไป ก็จะยิงช้างตัวอื่น ๆ ที่อยู่ในโขลง ต่อจำนวนของกลุ่มผู้ล่า ที่ยิงมากที่สุดใน 1 วัน คือ ยิงช้าง 7 ตัว ได้ช้างลูกมา 2 ตัว

ช้างป่าสวนผึ้งตัวสุดท้าย “…ช้างป่าสวนผึ้งตัวสุดท้าย ปี 2536 ที่คนร้ายชื่อ “นายพร” เป็นคนยิง และให้การว่าส่วนมากจะมีเถ้าแก่มารับไปทำ…” โดยที่มาของอาวุธที่ใช้ในการล่าช้างป่า นายพรเล่าว่า ปืนมาจาก จ.ราชบุรี เอาไปฝากไว้ที่อำเภอแก่งกระจาน ห้วยแม่เพรียง ใกล้ ๆ กับด่านสามยอด เลี้ยวขวาเข้าดงสับปะรด มีสี่แยกตัดจะมีกระท่อมที่เอาไว้เฝ้าป่ายางจะเอาปืนไปฝากไว้…”

ราคาและปริมาณการนำช้างป่าออกไปขายแต่ละครั้ง ช้างลูกที่เอาออกจากป่าของกลุ่มผู้ล่า จำนวน 7 – 8 ตัว/ปี โดยการขายช้างลูกที่มีลักษณะดี ที่มีขนาดความสูง 5 ฟุต จะได้ราคาตัวละ 6 – 7 แสนบาท!

ในส่วนของการยิงช้างเพื่อเอางานั้น ประมาณการไม่ได้ เนื่องจากขึ้นอยู่กับปริมาณของงาช้างที่ได้มา งาช้าง จะขายอยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 25,000 บาท ถ้ายาวมากกว่า 1 เมตร ราคากิโลกรัมละ 30,000 บาท          ในคดีช้างที่ขายอวัยวะช้าง ทั้งหมดได้เงิน 140,000 บาท โดยขายงาได้ 100,000 บาท ง่วงและปลายห่าง 4,000 บาท อวัยวะเพศ 30,000 บาท  (ราคาอยู่ที่กิโลละ 4,000 บาท 1 ตัว ตกประมาณ 7-8 กิโลกรัม)

เส้นทางเอาช้างป่าออก ตัวที่จับได้ที่ภาชีไปพักที่ทะลุพุโค เดินจากอุทยานแห่งชาติกระจาน จับได้ ก็ข้ามไปเดินที่พม่า ถ้าจับจากป่าเด็ง ห้วยสัตว์ใหญ่ ข้ามแม่น้ำเพชรบุรี ผ่านตะเก่วพาดู ช่องใกล้โป่ง ไปห้วยเต่าดำ หรือไม่ก็ไปโป่งแดง ออกแม่ประโดน ลงพุน้ำร้อน บ้านคา

แหล่งรับลูกช้างป่า ช้างลูกจะเอาส่งจังหวัดกาญจนบุรี และ จังหวัดสุรินทร์

การสวมตั๋วรูปพรรณช้างป่า จะมีการโทรประสานกับผู้ออกตั๋วรูปพรรณ บอกลักษณะของช้าง และ ออกตั๋วรูปพรรณมาพร้อม โดยเมื่อนำช้างขึ้นรถกระบะมีโครงเหล็กล้อม เอาผ้าใบคลุม เข้าสู่ถนนใหญ่
ก็ไม่เกรงกลัวใด ๆ แล้ว และเมื่อช้างตายก็จะไม่ส่งคืนตั๋วรูปพรรณ

นี่เป็นตัวอย่างของไบ ที่นำมาแทนตั๋วรูปพรรณช้าง ไบ (ใบ) แทนตั๋วรูปพรรณช้าง ใน 2 ท้องที่ ที่ขอสำเนาจากปางช้างในจังหวัดกาญจนบุรี คือ ฉบับที่ 1/3402 เขียนที่ ว่าอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ลงวันที่ 10 มีนาคม 2516 และ ฉบับที่ 1/2436 เขียนที่ ว่าการอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ ลงวันที่ 6 กันยายน 2527 ปรากฏลายมือนายทะเบียนฯ ที่มีความคล้ายคลึงกันมาก อาจเป็นการปลอมแปลงตั๋วรูปพรรณช้าง ซึ่งการทำตั๋วรูปพรรณช้างได้นั้น ช้างจะต้องมี อายุถึง 8 ปี

กรณีตัวอย่างการสวมตั๋วรูปพรรณช้างป่า “พลายบุญ & พังสมศรี”

28 พ.ค. 2559 และ 8 มิ.ย. 2559 คณะเจ้าหน้าที่หน่วยฯ (พญาเสือ) เข้าตรวจยึดช้าง “พลายบุญ” และ “พังสมศรี” ภายในสวนสัตว์หัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์  จากการตรวจพบว่า…“พลายบุญ” มีรายละเอียดไม่ตรงกับตั๋วรูปพรรณช้าง (ส.พ.5) เล่มที่ 1861 ลงวันที่ 10 ม.ค. 2558 ออกให้ ณ อำเภอหัวหิน และไม่มีการฝังไมโครชิพ ตามตั๋วรูปพรรณ ช้างมีอายุ 12 ปี !!! แต่ “พลายบุญ” อายุไม่เกิน 2 ปี

และยังพบอีกว่า มีการแจ้งความเอกสารตั๋วรูปพรรณสูญหาย จากรายละเอียดรายการสัตว์พาหนะ ระบุว่าเกิดเมื่อปี พ.ศ. 2549 ซึ่งจะมีอายุ 10 ปี แต่ “พังสมศรี” มีอายุไม่เกิน 4 ปี และไม่มีการฝังไมโครชิพ  ตามรายละเอียดเอกสาร ช้างมีอายุ 10 ปี  แต่ “พังสมศรี” อายุไม่เกิน 4 ปี และไม่มีการฝังไมโครชิพ

15 พ.ย. 2561 ศาลจังหวัดหัวหิน ได้มีคำพากษาในคดีดังกล่าว ดังนี้

1. คดีอาญาที่ 445/59 ลงวันที่ 28 พ.ค. 2559“พลายบุญ” สั่งจำคุกจำเลย 12 เดือน ปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกรอลงอาญา 1 ปี ริบของกลาง

2. คดีอาญาที่ 481/59 ลงวันที่ 8 มิ.ย. 2559 “พังสมศรี” สั่งจำคุกจำเลย 12 เดือน ปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกรอลงอาญา 1 ปี ริบของกลาง

27 ก.พ. 2563 กรมอุทยานแห่งชาติฯ ส่งมอบช้างของกลางที่ตกเป็นของแผ่นดิน จำนวน 2 ตัว (พลายบุญ & พังสมศรี) ให้สถาบันคชบาลแห่งชาติ (ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง) รับไปไว้ใช้ในราชการ ปัจจุบัน พังสมศรี เติบโตและมีชีวิตที่ดีอยู่ที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง

วิธีแก้ปัญหา ในมุมกลุ่มผู้ล่า และ แนวทางต้องห้าม ต้องควบคุมปางช้างให้ได้ก่อน เพราะกลุ่มผู้ล่า ลักลอบไปล่าช้างลูก เนื่องจากมีออเดอร์จากปางช้าง เพราะถ้าไม่มีรายการสั่งจากปางช้าง ก็ไม่มีแหล่งขาย เพราะปางช้างเองก็ต้องหาตั๋วรูปพรรณมาให้ ปางช้างหนึ่ง ๆ มีอัตราการเกิดของช้างเยอะขนาดนั้นเลยหรือไม่?

การจัดการกับกลุ่มผู้ล่าช้าง หากคิดว่า จะยิงกลุ่มผู้ล่าช้างให้หมด ๆ ไป ผู้ต้องหา 1 ในกลุ่มผู้ล่าช้าง กล่าวว่า ถือเป็นความคิดที่ผิดมหันต์ เพราะกลุ่มผู้ล่าช้าง คือผู้เชี่ยวชาญ และ ชำนาญในเส้นทางป่ามากกว่ากลุ่มเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จะไม่มีทางเห็นกลุ่มผู้ล่าเลย ขณะอยู่ในป่า เจ้าหน้าที่จะเป็นเพียงเป้านิ่งให้กลุ่มผู้ล่าจัดการเสียมากกว่า หากคิดจะจัดการกับกลุ่มผู้ล่าช้างด้วยวิธีนี้แล้วละก็ ถ้ากลุ่มผู้ล่าช้าง 1 คน ต่อเจ้าหน้าที่ 10 คน หากกลุ่มผู้ล่า คิดจะทำร้ายเจ้าหน้าที่ 7 คน ไม่สามารถออกจากป่าได้เลย เพราะอาวุธปืนของกลุ่มผู้ล่ามีแต่อาวุธที่มีคุณภาพ!

ข้อควรรู้! “กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับช้าง” แบ่งเป็น

กฎหมายที่ใช้ในการคุ้มครองช้างป่า คือ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562ช้าง (Elephas maximus) เป็น สัตว์ป่าคุ้มครอง ในลำดับที่ 126 โดยไม่หมายรวมกับช้างบ้าน ซึ่งเป็นสัตว์พาหนะตามกฎหมายว่าด้วยสัตว์พาหนะ และ กฎหมายที่ใช้กับช้างบ้าน คือ พ.ร.บ.สัตว์พาหนะ พุทธศักราช 2482 โดยช้างบ้าน เป็น สัตว์พาหนะ ซึ่งต้องทำตั๋วรูปพรรณ

นายชัยวัฒน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “แม้วันนี้ขบวนการนี้จะยังคงอยู่ และ เกิดขึ้นทุกวัน  ก็ไม่อยากให้เจ้าหน้าที่แต่ละคนย่อท้อ และ อยากส่งกำลังใจให้แก่ผู้พิทักษ์ป่า ที่อยู่ในป่าทุกคน ที่ต้องทำงานกับความเสี่ยง ทั้ง ๆ ที่บางคนได้รับเงินเดือนขั้นต่ำอยู่ที่ 9,000 บาท ชีวิตลำบากมาก การชดเชย ค่าทดแทนต่าง ๆ ก็แทบจะยังไม่มี แต่หัวใจของพวกเขานั้นมอบให้ธรรมชาติ ผืนป่า และสัตว์ป่าอยากให้ทุกคนมีพลังกายพลังใจ ในการที่จะปกป้องทรัพยากรธรรมชาติป่าไม้และสัตว์ป่าต่อไป และอยากให้ทุกคน ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ในการต้านภัยคุกคามสัตว์ป่า เพื่อไม่ให้มันเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า อนาคตหากป่าไม่เหลือ สัตว์ไม่เหลือ สุดท้ายแล้วคนจะไปเหลืออะไร?

เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัญหาต่าง ๆ ที่มันเกิดขึ้น ก็มนุษย์นี่แหละที่เป็นคนเริ่ม

ขอบคุณข้อมูล ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร