เปิดใจ แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย กับนโยบายเศรษฐกิจ ที่กำลังเป็นกระแส

อีจัน Exclusive คุยกับ เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย กับนโยบายเศรษฐกิจ ที่กำลังเป็นกระแส เงินดิจิทัล 10,000 บาท มีเงื่อนไขอย่างไร

เลือกตั้ง 66 นี้ มีพรรคการเมืองและนักการเมืองหน้าใหม่ เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะจากวงการนักธุรกิจสู่วงการการเมือง ก็มีให้เห็น แถมสร้างแรงกระเพื่อมค่อนข้างมากเลยทีเดียว

อีจัน ได้มีโอกาสพูดคุยกับ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ที่อดีตเคยเป็นถึง CEO ของ แสนสิริ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ รายหนึ่งในประเทศไทย ที่ผันตัวมาลงเล่นการเมือง อยู่กับพรรคใหญ่อันดับต้นๆอย่างพรรคเพื่อไทย มาพร้อมนโยบายที่เป็นกระแสฮือฮาอย่างมากในปัจจุบัน อย่างนโยบาย แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทให้คนไทยทุกคน

โดยนายเศรษฐาเปิดเผยว่า นโยบายเงิน 10,000 บาท นั้น มีที่มาที่ไป ทั้งต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ โดยเกิดจากแนวคิดที่ว่า 7-8 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจในประเทศเติบโตได้ไม่ทั่วถึง รวยกระจุก จนกระจาย ถ้าเราไม่กระตุ้นครั้งใหญ่ มันจะไม่ได้ผลทั่วถึง จึงคิดว่าต้องให้ยาแรง และกระจายให้ทั่วถึง แล้วค่อยเอานโยบายอื่นมาเสริม

นโยบายนี้ คาดว่าจะใช้งบประมาณกว่า 5 แสนล้านบาท แต่ถ้าเทียบกับงบอื่นๆแล้ว ถือว่าไม่ใช่งบที่มากเกินไป อีกอย่าง รัฐจะได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจในครั้งนี้ ในแง่ของการจัดเก็บภาษี เราจะไม่ได้คิดภาษีเพิ่ม แต่ทุกการใช้จ่าย มันจะมีภาษีเข้าสู่ระบบ ผู้ประกอบการร้านค้า ได้ประโยชน์ เกิดการจ้างงาน ในส่วนของงบประมาณนั้น ก็จะขอแบ่งจากกระทรวงต่างๆมารวมๆกัน เพื่อไม่กระทบกับงบประมาณภาพรวมของกระทรวงมากนัก

ซึ่งนายเศรษฐากล่าวว่า เราจะไปหยอดน้ำข้าวต้มทีละ 500 ทีละ 1,000 บาท มันไม่ได้อะไรหรอก

ในส่วนกลางน้ำ คือการจัดการเรื่องของเงิน 10,000 บาทนี้ นายเศรษฐาบอกว่า เป็นใครก็ได้ที่เข้ามาดูแล เพราะเราจะวางระบบไว้ให้รัดกุม เงิน 10,000 บาทนี้ จะเข้ากระเป๋าเงินดิจิทัล โดยมีเงื่อนไขว่า ต้องใช้จ่ายภายใน 6 เดือน ในร้านค้าหรือบริการ ในระยะ 4 กม.จากที่อยู่ตามบัตรประชาชน ไม่สามารถเปลี่ยนมือได้ และเงื่อนไขในการใช้ของประชาชน เช่น หากคุณไม่ได้อาศัยอยู่ตามทะเบียนบ้าน หรือกรณีที่รอบๆทะเบียนบ้านคุณไม่มีร้านค้า ก็จะต้องพิจารณาเป็นเคสๆไป

“เหมือนคุณถือคูปองที่มีอายุ 6 เดือน ใช้ในระยะ 4 กม.ให้คนไม่ได้ ไม่ใช่คริปโต เปลี่ยนมือไม่ได้ เทรดในตลาดไหนไม่ได้”

ส่วนปลายน้ำ ถ้าประชาชนอยากได้เงินก้อนในลักษณะนี้อีก ก็บอกเลยว่าจะไม่มีอีกแล้ว เพราะอยากให้ประชาชนนำเงินตรงนี้ไปเป็นสารตั้งต้นในการทำมาหากินมากกว่า

นอกจากนี้ในเรื่องของการศึกษา นายเศรษฐากล่าวว่า ทีมงานมีการพูดคุยเรื่องนี้กันบ่อย รู้ว่าตอนนี้ระบบการบริหารจัดการไม่ดี คนที่มีทรัพยากรไม่พร้อม จะเข้าเรียนก็ลำบาก ตนจึงได้เคยริเริ่มทำ โปรแกรม Zero Dropout เพื่อให้เด็กทุกคนได้เรียน โดยใช้วิธีไปดูเด็กด้อยโอกาส และหาทางให้ได้เข้ามาสู่ระบบการศึกษาก่อน แล้วค่อยขยับไปเรื่องอื่นๆต่อ โดยเฉพาะเรื่องบุคคลากรการศึกษา ที่ต้องตั้งคำถามว่า การศึกษาตอนนี้ตอบโจทย์หรือไม่ อาจจะต้องปรับหลักสูตร เพิ่มสกิลผู้สอนให้ทันโลกปัจจุบัน

เมื่อถามว่า การเป็นนักธุรกิจ เคยสั่งงานลูกน้องมาก่อน ถ้าเกิดได้เป็นนายกรัฐมนตรี จะสั่งการแบบตอนที่เป็นนักธุรกิจได้หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ตอนนี้ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น ต้องเดินหน้าสร้างความเข้าใจในตัวนโยบายของพรรคก่อน เพื่อเข้าไปเป็นพรรคที่บริการจัดการรัฐบาลได้ ทุกคนของเราทำงานได้ เพราะเราทำงานเป็นทีม

“Ceo ไม่ใช่คนสั่งเด็ดขาดทุกเรื่อง ต้องทำงานเป็นทีม การทำงานเป็นทีมคือต้นตอความสำเร็จ”

อย่างไรก็ตาม ถ้าตนเองไม่ได้เป็นนายกฯ ก็คงจะเสียใจแต่ยอมรับได้ ถ้าเราไม่ได้เป็น แต่พรรคอื่นเป็น แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล แต่ตัวเองไม่ได้เป็นนายกฯ อันนี้ก็ไม่เสียใจ เพราะเราทำงานเป็นทีม ครอบครัวเพื่อไทยคุยกันตลอด ถกเถียงในทางสร้างสรรค์ แต่กว่าจะถึงจุดนั้น ตอนนี้มีเวลา 30 กว่าวันในการเดินหน้าหาเสียง ก็ต้องทำให้เต็มที่ก่อน

นายเศรษฐาทิ้งท้ายว่า ตัวเองเป็นคนชอบพูดคุยกับผู้คน เพราะจะเกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อหาทางออกของทุกปัญหา

“ผมเป็นคนชอบพูดคุยกับผู้คน เพราะทำให้เกิดข้อมูล เกิดข้อมูลก็เกิดปัญญา เกิดปัญญาก็เกิดทางออก”

“ถ้าคุณไม่รู้ปัญหาจริงๆก็ได้แต่พูดไปอย่างเดียว ผมจะไม่เลือกฟังแค่เสียงที่อยากได้ยิน”

การเลือกตั้งครั้งนี้ มั่นใจว่าตัวเองทำเต็มที่ และจะยอมรับสิ่งที่ประชาชนเลือก

var d=document,w=”https://tally.so/widgets/embed.js”,v=function(){“undefined”!=typeof Tally?Tally.loadEmbeds():d.querySelectorAll(“iframe[data-tally-src]:not([src])”).forEach((function(e){e.src=e.dataset.tallySrc}))};if(“undefined”!=typeof Tally)v();else if(d.querySelector(‘script[src=”‘+w+'”]’)==null){var s=d.createElement(“script”);s.src=w,s.onload=v,s.onerror=v,d.body.appendChild(s);}