เคล็ดลับสร้างเงินจากมะเขือเทศ

เคล็ดลับการดูแลต้นมะเขือเทศให้เติบโตอย่างแข็งแรงและผลผลิตดี

จันลั่นทุ่งวันนี้จะพาทุกคนมาเรียนรู้การปลูกมะเขือเทศเพื่อสร้างเป็นรายได้ให้กับครอบครัว โดยวันนี้จะมาแจกความรู้ตั้งแต่เริ่มต้นจนเก็บผลผลิต จนเป็นรายได้เลยจ้า

ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่ามะเขือเทศรับประทานผลสดมีหลายพันธุ์ ทั้งขนาดผลเล็กและผลใหญ่ เช่น มะเขือเทศสีดา มะเขือเทศผลใหญ่ มะเขือเทศเชอร์รี่ มะเขือเทศราชินี ฯลฯ สามารถเริ่มเก็บเกี่ยวเมื่อต้นมีอายุประมาณ 70-90 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพันธุ์ อายุตั้งแต่เริ่มปลูกถึงเก็บเกี่ยวผลผลิตทั้งหมดประมาณ 4-5 เดือน

การจะเลือกปลูกมะเขือเทศพันธุ์ใดนั้นขึ้นอยู่กับความชอบ วิธีปลูกก็ไม่ยากทำได้เช่นเดียวกับผักสวนครัวทั่วไป โดยปลูกในพื้นที่ที่มีแสงแดดตลอดวัน ต้องพิถีพิถันเรื่องการเตรียมดินปลูกมากสักหน่อย เนื่องจากมะเขือเทศชอบดินที่มีการระบายน้ำดี อินทรียวัตถุสูง เมื่อเริ่มต้นด้วยดินปลูกที่ดี โอกาสสำเร็จก็ยิ่งสูง

มะเขือเทศขยายพันธุ์ง่ายด้วยการเพาะเมล็ด อาจลองนำเมล็ดจากผลที่สุกเต็มที่มาล้างเมือกลื่นออกให้หมด ผึ่งในที่ร่มให้แห้งแล้วหว่านเมล็ดลงในกระบะเพาะ ประมาณ 10 วันเมล็ดจะเริ่มงอกและแตกใบจริง หรือใช้เมล็ดพันธุ์ที่บรรจุซองจำหน่ายก็ได้ถ้าไม่มั่นใจว่าจะเพาะเมล็ดสำเร็จหรือไม่ ให้ลองเพาะในกล่องพลาสติกใสที่มีฝาปิด โดยโรยเมล็ดบาง ๆ ลงบนกระดาษทิชชู รดน้ำให้ชุ่มทิ้งไว้เพื่อสังเกตการณ์ เพียง 3-4 วัน เมล็ดจะเริ่มงอกและมีใบเลี้ยงเล็กๆ โผล่ให้เห็น ก็สามารถย้ายลงวัสดุปลูกต่อได้เช่นกัน

หลังจากเมล็ดงอกจนต้นกล้ามีอายุได้ 15 วันหรือเริ่มมีใบจริง ค่อยย้ายปลูกลงในกระถางหรือถุงปลูกขนาดเล็ก เมื่อต้นกล้าอายุ 30 วันจึงย้ายปลูกลงแปลงหรือภาชนะที่เตรียมไว้ ถ้าปลูกลงแปลงควรใช้ระยะระหว่างต้นและแถวประมาณ 50 x 70 เซนติเมตร สำหรับมะเขือเทศแบบไม่ใช้ค้าง

ส่วนพันธุ์ที่ต้องใช้ค้างใช้ระยะประมาณ 30 x 70 เซนติเมตร โดยทำค้างเมื่อต้นเริ่มเลื้อยหรืออายุประมาณ 8-10 วันหลังย้ายปลูก อาจทำค้างแบบใช้ไม้ปักผูกเป็นกระโจม หรือใช้เชือกผูกต้นมะเขือเทศไว้ที่ราวลวดก็ได้ สำหรับการปลูกมะเขือเทศในสวนครัวนิยมปลูกแบบขึ้นค้าง แล้วตัดแต่งกิ่งแขนงออกโดยเหลือเพียง 1-2 กิ่งต่อต้น เพื่อให้ได้มะเขือเทศผลใหญ่ขึ้น ทั้งยังช่วยลดปัญหาโรคแมลงที่อาจซ่อนตัวตามกิ่งใบด้วย

เคล็ดลับการดูแลต้นมะเขือเทศให้เติบโตอย่างแข็งแรงและออกดอกผลให้อย่างสม่ำเสมอก็คือ การให้น้ำ ผู้ปลูกต้องให้น้ำตั้งแต่เริ่มปลูกไปจนถึงผลเริ่มแก่อย่างสม่ำเสมอ กระทั่งผลมะเขือเทศเริ่มเปลี่ยนสีจึงลดการให้น้ำลงเพื่อป้องกันผลแตก อย่างไรก็ตามไม่ควรให้น้ำจนดินขังแฉะเพราะอาจเป็นสาเหตุให้เกิดโรคโคนเน่าได้

อีกสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือการเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินด้วยการใส่ปุ๋ย แนะนำให้ใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยมูลไส้เดือนทุก 20 วัน เมื่อต้นเริ่มผลิดอกออกผลก็เริ่มให้ปุ๋ยบำรุงผล ท่านใดสะดวกก็สามารถทำปุ๋ยหมักจากเศษผักผลไม้หรืออินทรียวัตถุที่หมักเองได้ไม่ยาก วิธีนี้ช่วยประหยัดค่าปุ๋ย แถมยังช่วยให้คุณมีปุ๋ยใส่ให้มะเขือเทศอย่างสม่ำเสมอด้วย

1.เริ่มจากเตรียมกระถาง กระบะ หรือภาชนะที่มีความลึกอย่างน้อย 30 เซนติเมตร

2.ผสมดินสำหรับปลูก โดยใช้ดิน 1 ส่วน ปุ๋ยหมัก/ปุ๋ยคอก 1 ส่วน และแกลบดำ 1 ส่วน ผสมส่วนผสมทั้งหมดลงดิน แล้วใส่ลงในกระถาง

3.เพาะเมล็ดมะเขือเทศด้วยวัสดุเพาะ เช่นพีทมอส หรือวัสดุที่เหมาะต่อการเพาะกล้า โดยทำการหยอดเมล็ดลงถาดหลุมรดน้ำให้ชุ่ม ย้ายกล้าเมื่อมีใบแท้ 4-5 ใบ

หรืออายุไม่เกิน 25-30 วัน

4.เมื่อต้นกล้าอายุ 30 วันจึงย้ายปลูกลงแปลงหรือภาชนะที่เตรียมไว้ ถ้าปลูกลงแปลงควรใช้ระยะระหว่างต้นและแถวประมาณ 50 x 70 เซนติเมตร

การให้น้ำ : มะเขือเทศเป็นพืชที่ต้องการน้ำสม่ำเสมอตั้งแต่เริ่มปลูกไปจนถึงผลเริ่มแก่(ผลเปลี่ยนสี) หลังจากนั้นควรลดการให้น้ำลงมิฉะนั้นอาจทำให้ผลแตกได้

การให้ปุ๋ย : ครั้งที่ 1หลังปลูก7-15 วัน ใช้ปุ๋ย 15-15-15 หรือ 46-0-0 อัตรา 25 กรัม/ตรม. เพื่อเร่งการเติบโต

ครั้งที่ 2หลังจากใส่ปุ๋ยครั้งแรก 15 วัน ใส่ปุ๋ย 13-13-21 อัตรา 50 กรัม/ตรม. ครั้งที่ 3 หลังจากใส่ปุ๋ยครั้งที่ 2 15 วัน ใส่ปุ๋ย 0-0-60 อัตรา 30 กรัม/ตรม. ขอบคุณข้อมูล : เพาะรักษ์ นคุณ

การเก็บเกี่ยว : ช่วงเก็บเกี่ยว เมื่อมีอายุประมาณ 60 วัน (หลังย้ายปลูก) เก็บเกี่ยวเมื่ออายุเหมาะสม โดยใช้กรรไกรตัดก้านผลให้เหลือก้านยาวประมาณ 5 มิลลิเมตร ควรเก็บผลที่มีสีเขียวปนเหลืองหรือชมพู