วันนี้จันลั่นทุ่ง ได้มีโอกาสมาบุกถึง ฟาร์มปลาทอง ซึ่งบอกได้เลยว่าเฮง ๆ เพราะ ราคาของเจ้าปลาทองที่ขายส่งต่างประเทศ ตกตัวละ1,500 บาทเลยนะ และใช่ว่าเส้นทางนี้จะสำเร็จได้ง่ายๆ เพราะคุณพี่เจ้าของ ฟาร์มปลาทอง AU GOLDFISH FARM หรือพี่อุ๊ วิลาวรรณ บอกว่า ก่อนที่จะมาถึงจุดนี้ได้ ตนต้องลาออกจากงานประจำ เพราะรายรับและรายจ่ายไม่สมดุล ตนจึงหันมา เลี้ยงปลาทอง ส่งขายต่างประเทศ บ้าง ขายในไทยบ้าง
เดิมทีการ เลี้ยงปลาทอง ขายนั้น เป็นอาชีพของแฟนตนเองอยู่แล้ว โดยเริ่มแรกลงทุนด้วยเงิน 20,000 บาท เพื่อทำบ่อปูนเล็ก ๆ แค่ไม่กี่บ่อ แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด โควิด 19 ดันมาระบาดแบบที่ตนก็ไม่ทันได้ตั้งตัว หลายอย่างพังลง ประเทศก็ดันมาปิด จึงส่งผลให้สายการบินก็ต้องหยุดตัวลงเช่นกัน แต่ตนก็ได้กัดฟันสู้ ฝืนทั้งน้ำตา หาพันธุ์ปลาอื่นๆมาขายส่งในไทย พอประทังครอบครัว จะเหนื่อยก็ต้องทนเพราะมีลูกอีก 3 คน รออยู่ข้างหลัง เวลาผ่านไปไม่นานประเทศก็เริ่มเปิด ตนเองเลยเร่งเพาะปลาทองเตรียมขายส่งต่างประเทศ กำไรเริ่มเข้ามาทีละนิด ๆ ปัจจุบันสามารถขยายพื้นที่บ่อเพาะเลี้ยงจนกว้างใหญ่ นี่คือจุดเริ่มต้นของ AU GOLDFISH FARM
ในปัจจุบันที่ฟาร์มจะคัดปลาเป็นเกรด A B C เพื่อแยกขาย เกรด A จะเป็นปลาทองที่มีขนาดใหญ่ สมบูรณ์ สัดส่วนดี หัวมีวุ้น ครีบสวย ตรงตามมาตรฐานที่จะส่งให้ต่างประเทศ โดยจะมี เวียดนาม จีน ไต้หวัน สิงคโปร์ และมาเลเซีย เป็นผู้ซื้อ ตกตัวละ 1,500 บาท ส่วนปลาทองที่คัดเเล้ว ได้เกรด B กับ C จะเป็นปลาเกรดรอง ปลาเกรดรองจะเป็นปลาที่มีตำหนิบางจุด โดยจะส่งให้ร้านขายปลาในประเทศ จะมีจตุจักรบ้างต่างจังหวัดบ้าง ราคาก็ตั้งเเต่ 5 บาทจนถึงหลักร้อย
ทั้งนี้ ที่ฟาร์มของตน ได้ใช้วิธีการเลี้ยงเป็นเเบบบ่อปูน เพราะสามารถควบคุมโรคได้ เเละใช้ระบบน้ำวน โดยเเต่ละบ่อจะจัดเเบ่งปลาทองไว้หลายเกรด รวมถึงบ่ออนุบาล ซึ่งตนได้ให้คำเเนะนำว่า เวลาล้างบ่อปูนจะใส่ด่างทับทิม เพื่อเป็นการล้างเหงือก ทำให้เหงือกสะอาด เเละกินได้มากขึ้น รวมไปถึงยังได้เเนะนำเรื่องอาหารว่า นอกจากการให้อาหารเม็ดเราก็ควรให้ไข่ตุ๋น กับปลาด้วย เพราะว่าจะช่วยให้ครีบหางลำตัวเเข็งเเรง เเถมมีทริคเล็กๆน้อยมาฝาก นั่นคือ ที่สำคัญไปกว่านั้น ปลาทองชอบเเสง ถ้าเลี้ยงเขาอยู่ในที่ ที่มีเเสงจะทำให้สีสดมากขึ้น
หากคนไหนสนใจ หรืออยากได้ความรู้เพิ่มเติม สามารถติดต่อพี่อุ๊ AU GOLDFISH FARM ได้เลย
