
1. ดูตัวถังรถ
- รูปทรง ให้สังเกตจากสายตาว่ามีรูปทรงสมส่วนหรือเอียงไปทางไหนหรือไม่ ช่องไฟระหว่างประตูเท่ากันไหม หากไม่เท่ากัน สันนิษฐานได้เลยว่าอาจจะเคยถอดออกมาซ่อม
- สี ให้เราใช้มือเคาะเบา ๆ เพื่อฟังเสียง หากรถที่ยังไม่ได้ทำสี เสียงจะโปร่ง ๆ แต่ถ้ารถที่มีการโป๊วและทำสีมาใหม่ เสียงจะทึบ ๆ
2. ดูตะเข็บต่าง ๆ
- คาน หากพบว่ามีรอยซ่อม รอยเคาะ หรือสติ๊กเกอร์หลุดลอกหายไป ให้สันนิษฐานว่ารถเคยชนด้านหน้ามา
- แก้มข้าง รอยนูนทั้ง 2 ฝั่ง จะต้องมีเท่ากันและเหมือนกัน หากพบว่ารอยนูนของด้านไหนหายไป หรือมีร่องรอยการซ่อม ให้สันนิษฐานว่าฝั่งที่รอยนูนหายไปอาจจะถูกชน
- ประตูและขอบประตู ให้ดูรอยพับการเก็บเข้ามุมของบานประตู และให้เราดึงยางขอบประตูออกมาดูทั้ง 4 บาน โดยให้เราสังเกตที่รอยอาร์ก (รอยกลม ๆ) รถที่ยังไม่ผ่านการซ่อมจะต้องมีรอยอาร์ก ตลอดทั้งขอบประตู
- รอยต่อตัวยึดประตู ถ้าสีของรอยต่อตัวยึดประตูไม่ตรงกับสีของตัวรถ สันนิษฐานได้ว่าอาจจะโดนชนประตูหรือชนข้างแล้วยกเปลี่ยนมา อีกอย่างคือมันไม่ควรบิ่นหรือสนิมขึ้น
- ตะเข็บหลัง ให้เราสังเกตรอยอาร์กและรอยนูนทั้ง 2 ฝั่ง จะต้องมีเท่ากัน หากพบว่ารอยอาร์กและรอยนูนของด้านไหนหายไป ให้สันนิษฐานว่าส่วนนั้นอาจจะถูกชนมา!
3. ดูช่วงล่าง เครื่องยนต์ และเกียร์
- เครื่องยนต์ ให้เราสังเกตที่เกจ์วัดรอบ ดูว่าเครื่องยนต์เดินนิ่งหรือไม่ รอบเครื่องยนต์มีการสวิงไปมาไหม มีเสียงผิดปกติดังออกมาหรือเปล่า วิธีคือสตาร์ตเครื่องให้ร้อน แล้วดึงก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องออกมา ดูว่ามีไอหรือควันพุ่งไหม ปลายท่อไอเสียมีควันไหลหรือไม่
- เกียร์ วิธีดูรถมือสอง เกียร์ออโต้ ให้ทดลองขณะเครื่องเย็น ลองสตาร์ตเครื่องแล้วใส่เกียร์ D หากรถไม่ยอมเดินหน้า แสดงว่าเกียร์ใกล้ลาโลกแล้ว
เกียร์ธรรมดาก็ให้เช็กว่าเกียร์เข้าง่ายปกติมั้ย ขับแล้วมีเสียงหอนหรือเปล่า และลองขับให้ครบทุกเกียร์
- ช่วงล่าง วิธีดูช่วงล่าง รถมือสอง คือ "ลองขับ" แล้วลองเลี้ยวกลับรถ ถ้าช่วงล่างบริเวณล้อหน้ามีเสียงแกร๊ก ๆ ๆ ๆ ตอนเลี้ยว นั่นอาจจะเป็นเสียงที่ดังมาจากหัวเพลา
4. เช็คส่วนประกอบอื่น ๆ ภายในรถ
- แอร์ ไม่มีกลิ่นเหม็น แนะนำว่าให้เปิดแรงสุดว่าทำความเย็นได้ดีหรือไม่ มีปัญหาแอร์รถไม่เย็น มีแต่ลมหรือแอร์รถมีกลิ่นอับ เหม็นเปรี้ยวหรือเปล่า แต่ถ้าเปลี่ยนกรองแอร์รถยนต์แล้วหายก็ไม่เป็นไร
-ไฟ ต้องใช้ได้ทุกจุด ทั้งไฟเลี้ยว ไฟสูง ไฟฉุกเฉิน และไฟท้าย
-พวงมาลัย หมุนแล้วต้องไม่ฝืดหรือค้าง
-เรือนไมล์ ลองสตาร์ตรถดูแล้วเช็กว่าใช้งานได้ปกติไหม ระบบไฟรวนหรือเปล่า บางที่อาจจะแปะเทปดำเพื่อให้ไฟเตือนไม่โชว์
- เลขไมล์ การดูเลขไมล์รถมือสอง ถ้าอายุการใช้งานประมาณ 1 ปี เลขไมล์มักจะอยู่ที่ 20,000-30,000 กม. แต่ถ้าใช้งานมาแล้ว 5 – 6 ปี แล้วเลขไมล์อยู่ที่ 50,000 ให้สันนิษฐานว่าอาจมีการกรอเลขไมล์รถยนต์
- สภาพพรมและกลิ่นในรถ
- น็อตรางเบาะ ถ้าจะดูรถมือสองให้ละเอียดเลย อย่าลืมเช็กน็อตรางเบาะด้วยว่ารูดหรือเปล่า บางทีขับ ๆ อยู่แล้วเบรก ถ้าเบาะเลื่อนหรือหลุดขึ้นมา อันตรายต่อชีวิตได้เลยนะ
- ใต้เบาะ ใต้เบาะรถมือสองไม่ควรมีสนิมเขอระ
- ระบบล็อครถ
5. ตรวจสอบเอกสาร
- เลขตัวถังและเลขเครื่องยนต์ ให้เราตรวจสอบเลขตัวถังและเลขเครื่องยนต์ในเล่มว่าตรงกับเพลตหรือไม่ โดยรถแต่ละรุ่นตำแหน่งเลขตัวถังและเลขเครื่องยนต์จะอยู่ต่างกัน หากเราหาตำแหน่งไม่เจอก็ให้เราเปิดเล่มรถ ซึ่งในเล่มจะระบุตำแหน่งของเลขเอาไว้ชัดเจน
- ผู้ถือกรรมสิทธิ์ เปลี่ยนมือมาแล้วกี่คน เจ้าของคนล่าสุดชื่อตรงกับบัตรประชาชนไหม อย่ามองข้ามเชียวนะ
- รายการภาษี เสียภาษีทุกปีหรือไม่ ทริกเล็ก ๆ คือให้ดูสีหมึกกับระยะบรรทัด เล่มจริงจะไม่เท่ากัน ถ้าเท่าเมื่อไร มีโอกาสที่จะเป็นเล่มปลอม
- รายการบันทึกของเจ้าหน้าที่ เช็กประวัติรถว่ามีความเป็นมาอย่างไร ปรับเปลี่ยนหรือซ่อมอะไรไปบ้าง และถ้ามีการประทับตราว่า "ออกแทนเล่มสูญหาย" ให้เอะใจไว้ก่อนว่าอาจปลอมแปลงเล่มมา คนในวงการมักเรียกว่าล้างเล่มทะเบียนรถ
ถ้าเช็ก 5 จุดนี้ครบ รับรองได้รถมือสองที่ถูกใจ ไม่โดนย้อมแมวแน่นอน