อีจันอยากเจอ เพจดัง “ฉันกลัวที่แคบ” เพราะโลกกว้าง ฉันเลยกลัวที่แคบ

อีจันอยากเจอ เจ้าของเพจดัง “ฉันกลัวที่แคบ” เพราะว่าโลกมันกว้างและยังมีหลายสิ่งที่รอให้เราออกไปค้นหา การต้องอยู่ในที่แคบเลยทำให้ฉันกลัว

เคยรู้สึกไหม? ไม่อยากทำอะไร เหมือนหมดแพชชั่น “ชีวิตเรามัน toxic มากเลยรู้สึกว่าตื่นเช้ามา ทำไมต้องร้องไห้ ไม่อยากไปทำงาน”

อีจันอยากเจอ วันนี้ จะพาไปทำความรู้จักกับ คุณศศิวิไล โสภณวิมลสวัสดิ์ เจ้าของเพจฉันกลัวที่แคบ อดีตพยาบาลเด็ก ผู้หลงใหลการท่องเที่ยว จนผันตัวเองมาเป็นบล็อกเกอร์

พี่ศิบอกว่า ก่อนหน้านี้ทำงานพยาบาล แต่ตอนนี้ลาออกเต็มตัวแล้ว และเป็นคุณแม่เลี้ยงลูก กับเป็นเจ้าของเพจ ที่ชื่อฉันกลัวที่แคบ

6 ปีที่ทำเพจ ตอนนั้นชอบขายของแล้วก็เป็นคนชอบเที่ยวอยู่แล้ว เป็นพยาบาลที่ทำงานหนัก พอมีวันหยุดก็จะออกไปท่องเที่ยวหาประสบการณ์หรือแบบเติมพลัง ชาร์จแบตให้ตัวเอง ตอนนั้นทำกระเป๋าผ้าขาย แค่อยากทำให้กระเป๋าของตัวเองดูมีมูลค่ามากขึ้น ก็เลยเอากระเป๋านั้นไปถ่ายตามสถานที่ท่องเที่ยวด้วย หลังๆไม่มีใครถามหากระเป๋าเลย ถามหาว่าภาพนี้ถ่ายที่ไหนรูปนี้ถ่ายที่ไหน สถานที่ในรูปเป็นที่ไหน สวยจังเลย ตอนนั้นมันมีไอเดียปิ๊งขึ้นมาว่า เราควรจะรีวิวที่เที่ยวไหม ใช่ค่ะ ตอนนั้นก็เลยเลือกจังหวัดแพร่ ที่เป็นบ้านเกิดของตัวเอง

ฉันกลัวที่แคบมาได้ยังไง?

พี่ศิบอกว่า ตอนนั้นเราคิดว่าเราจะตั้งชื่อเพจท่องเที่ยวชื่อหนึ่งที่มันเก๋ๆ แล้วคำว่าฉันกลัวที่แคบ มันก็เหมือนแบบวินาทีนั้นมันแวบขึ้นมาในหัวมากกว่า แล้วถ้าให้นิยามฉันกลัวที่แคบเราก็รู้สึกว่ามันตรงกับนิสัยเรา มันมีโรคกลัวที่แคบจริงๆด้วยค่ะเคยมีคนถามเข้ามาเยอะ แต่จริงๆไม่ได้เป็นโรคแต่เป็นอาการที่แบบเรารู้สึก ว่าเราไม่ชอบอยู่ในพื้นที่ที่แคบๆ อย่างวันหยุดเราไม่ชอบอยู่บ้านเราอยากออกไปที่กว้างๆ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าอยากออกไปท่องเที่ยว นี่แหละค่ะ

-การเป็นพยาบาลไม่ใช่ความฝันสูงสุด แต่เป็นความฝันของคนที่รักมากที่สุด?

พี่ศิบอกว่า จริงๆ แล้วการเป็นพยาบาลเป็นความฝันของคุณแม่ จริงๆแล้ว เราชอบวารสารศาสตร์ ชอบอักษรศาสตร์ ชอบภาษา แต่คุณแม่อยากให้เป็นพยาบาลเราก็เลยแบบว่าเลือกให้คุณแม่แล้วกัน ถ้าสอบติดก็โอเค ซึ่งก็เป็นไปตามที่คุณแม่คิดไว้ คุณศิสอบติด พอเรียนแล้วเอาจริงๆ เราก็รู้สึกว่า ขอบคุณคุณแม่ที่อยากให้เราเรียนพยาบาล เพราะเรารู้สึกว่ามันสอนทุกอย่าง เราไม่ใช่คิดแป๊บเดียวว่าจะออกแล้วออกเลยมีการคิดทบทวนอยู่หลายครั้งมากเพราะว่ากลัวที่จะออกจากพื้นที่ปลอดภัย ณ วันที่ตัดสินใจว่าจะลาออกรู้สึกว่า ชีวิตเรามัน toxic มากเลย รู้สึกตื่นเช้ามาแล้วทำไมต้องร้องไห้ไม่อยากไปทำงาน แต่ก็คิด เอาวะ!

เรารู้สึกว่าเราจะลาออกแล้วแหละ วันนี้คือเราจะลาออกแล้ว ไม่ว่าทางข้างหน้ามันจะเป็นยังไง รู้สึกว่าถ้าเราทำสิ่งที่เรารักและตั้งใจมันก็ต้องประสบความสำเร็จ แต่ว่า ณ ที่ยืนอยู่ตรงนี้เมื่อมันไม่โอเคกับชีวิตแล้วเราก็เลือกจะก้าวไปเส้นทางใหม่

-พยาบาล บล็อกเกอร์ยาก ง่ายต่างกันยังไง?

มันมีความยากง่ายคนละอย่าง อย่างเรื่องความรับผิดชอบมาที่1เหมือนกันนะคะ อย่างตอนเป็นพยาบาล คือเราควรจะระลึกอยู่เสมอว่า เราปฏิบัติต่อคนไข้ให้เสมือนเป็นลูกเป็นญาติของเราเอง มีความจริงใจ ไม่ใช่มองว่า เขาคือคนๆหนึ่ง ถ้าเราคิดว่าเนี่ยเขาคือลูกเรา เขาคือญาติเรา เราก็จะทำให้ดีที่สุด อะไรประมาณนี้ ในส่วนการเป็นบล็อกเกอร์มันคนละอารมณ์เลย มันก็คือไม่เหมือนกัน ก็คือทำงานกับชีวิตคนอันนี้มันก็ต้องมีความรับผิดชอบเหมือนกัน ตอนนี้ในเพจคือเป็นงานทุกอย่างสิ่งที่พี่คิดเสมอตั้งแต่เริ่มทำเพจก็คือเราต้องมีความจริงใจให้เพื่อนๆในเพจ

-จริงใจกับลูกเพจ และต้องจริงใจกับตัวตนของตัวเอง?

ตอนนี้คือมีฉันกลัวที่แคบ มีครอบครัว แล้วก็มีรักการทำขนม รักกการขายของ คืออย่างการทำขนมที่จริงก็ชอบอยู่แล้ว แต่พอช่วงโควิดที่ผ่านมาอยู่บ้านนานมากคืองานเพจก็ไม่ได้ทำ เงียบมากๆ เลยช่วงนั้น ก็เลยทำขนมจริงจัง จนทำให้รู้สึกว่าฉันชอบการทำขนมมากขนาดนี้เลยหรอ

-ทำขายไหมคะ?

ขายค่ะ ขายจริงจังเลย จึงทำให้ค้นพบศักยภาพในตัวเอง แล้วก็รู้สึกว่าเราชอบมากขนาดนี้เลยหรอ แล้วก็ทำให้รู้สึกว่าคนเรามันไม่ควรทำอะไรเป็นแค่อย่างเดียว คือการที่ทำอะไรได้หลายๆอย่างมันก็ดูได้เปรียบ ซึ่งตอนนั้นโควิดมาปุ๊บ ออกเดินทางไม่ได้ รายได้ตรงนั้นชะงักไป เราสามารถทำขนม และทำกับข้าวได้ ก็ทำเลย ตอนนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะมั่นใจนะ แต่เราคิดว่าเราควรจะลองไม่งั้นเราจะอยู่บ้านเฉยๆ มันเครียด แค่ใช้ความกล้า ซึ่งเราไม่รู้ว่ามันจะดีหรือไม่ดี เราไม่รู้ว่าขนมเราจะขายได้หรือเปล่า แต่ถ้าเกิดเราคิดแล้วเราไม่ได้ทำ ก็เปล่าประโยชน์

-คิดแล้วต้องทำ ออกไปหาตัวตน ของตัวเอง อย่าปล่อยเวลาผ่านไปให้เสียเปล่า?

พี่เคยไปทะเล แล้วนั่งคาเฟ่ นั่งริมทะเล กินเครื่องดื่มชิลๆ มองทะเลไป มันทำให้รู้สึกว่าการได้อยู่กับตัวเอง มันคิดอะไรได้เยอะเลย บางทริป บางที เราออกเดินทางโดยที่ไม่ได้วางแผนอะไรมาก ไอเดียอาจจะปิ๊งขึ้นมาจริงๆนะ ทำให้เรารู้สึกว่า การได้อยู่กับตัวเองการได้คิดทบทวนได้อะไรอย่างนี้มันจะทำให้ค้นพบตัวเองได้ หรือถ้าไม่ใช่ฟีลนี้ ก็อาจจะเป็นการที่เราได้ไปเที่ยว การที่เราได้ไปคุยกับคนอื่น คนที่เราไม่เคยคุยกับเขา การที่ได้คุยกับคนคนแปลกหน้า ทำให้เราได้มองเห็นอะไรใหม่ๆ มันอาจจะทำให้เราค้นพบว่า ทำไมเราไม่เคยเห็นอันนี้เลย ทำไมเรารู้สึกชอบมากเลย อย่างที่นี่ไปอยู่ไหนมาทำไมเราพึ่งมาเจอ แล้วทำไมเรารู้สึกรักอันนี้จังเลย การที่ออกไปข้างนอกมันทำให้เราได้เห็นโลกเยอะมาก แล้วเราก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้หรือพัฒนา กับสินค้าของเราได้ มีความกล้า อย่าไปกลัวเลย ถ้าเราทำในสิ่งที่เรารัก วันหนึ่ง สิ่งนั้นมันจะสามารถกลับมาเป็นรายได้ให้เราได้

“คือรักในสิ่งที่เราจะทำ แล้วก็ทำในสิ่งที่เรารัก แล้วก็กล้าที่จะทำมันแค่กล้าออกจากเซฟโซน เปิดมุมมอง เราอาจจะได้พบอะไรบางอย่าง ที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวเราก็ได้”