อีกหนึ่งคู่ที่เจอกระแสถาโถมอย่างหนัก หลังจากที่ทั้งคู่ออกมาเปิดตัวยอมรับว่ามีลูกแล้ว สำหรับครูเพลง อย่าง ครูไพบูลย์ แสงเดือน และภรรยาคนปัจจุบัน กระต่าย พรรณนิภา เรียกได้ว่าเจอมรสุมชีวิตลูกใหญ่ โดนบูลลี่สารพัด จนเจ้าตัวทนไม่ไหว ยื่นฟ้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมเปิดใจทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บ show
ช่วงเวลาหนึ่งมันมีข่าวที่เรียกว่า คนก็ให้ความสนใจมาก เพราะว่ากระต่ายมีน้ำมีนวลขึ้น ตอนนั้นหลายคนก็พุ่งเป้าไปว่าท้องหรือไม่ท้อง สุดท้ายก็ออกมาแถลงข่าวว่าท้อง สถานการณ์ตอนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ?
ครูไพบูลย์ : มันค่อนข้างเครียดมาก เพราะว่าที่จริงแล้วมันเป็นเรื่องส่วนตัว ที่เราไม่อยากเปิดเผยช่วงเวลานั้น น้องทำงานด้วย และอีกอย่างเราจะมีคนที่ต้องมองเราว่าตอนนี้ด้วยอายุและวัย มันเหมาะสมหรือยัง มันสมควรที่จะมีได้หรือยัง ที่จริงแล้วทุกคนถ้ามันบรรลุนิติภาวะโดยการจดทะเบียนสมรสถือว่าเป็นสามีภรรยาอย่างถูกต้อง ครอบครัวทั้งสองฝ่ายยอมรับ มันไม่ผิดอยู่แล้ว มันบรรลุนิติภาวะ แต่น้องเขามีคนที่ติดตามเยอะๆมีคนที่คลั่งเขามาก ถึงขั้นว่าฉันต้องได้ใกล้ชิดได้เจอศิลปินคนนี้สักครั้งหนึ่ง แต่ถ้าเรามาบอกว่าน้องมีครอบครัวแล้วมันอาจจะเป็นเรื่องที่เป็นผลลบมากเกินไปก็เลยยังไม่เปิดตัว
พอเปิดตัวคิดไหมว่ามันจะเดินทางมาถึงจุดนี้ ?
ครูไพบูลย์ : ไม่เคยคิดว่ามันจะรุนแรงถึงขนาดนี้เพราะว่าเราตั้งใจว่า มันเป็นเรื่องครอบครัวของเรา
แล้วกระต่ายล่ะ พอเปิดตัวปุ๊บเป็นอีกเรื่องเลยบานปลายไปใหญ่โตมากตอนนั้นรู้สึกอย่างไร?
กระต่าย : เครียดมากเลยค่ะ เราก็ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ค่ะ เพราะปกติแล้วก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันก็ไม่มีคิดเรื่องอะไรแบบนี้ แต่พอเจอแบบนี้เราก็เครียดแล้วก็มีร้องไห้ มีขังตัวเองอยู่ในห้องคนเดียว ก็เครียดหนักมาก
ครูไพบูลย์ : ช่วงนั้นเราเครียดเพราะวันที่เราออกมาเปิดตัวเราแฮปปี้มากวันที่ 1 สิงหา ที่เรามาแถลงข่าวว่าเรายอมรับนะว่าเรามีน้องแล้วเราก็คบหากันอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้วก็มีจดทะเบียนสมรสกัน แต่หลังจากนั้นมีกระแสตอบกลับอีกแบบหนึ่งที่มีเรื่องราวดราม่าที่ผ่านรายการต่างๆ
กระต่าย : แต่ที่จริงก็ว่าจะเปิดตัวอยู่แล้วค่ะแต่ว่าเราแค่รอเวลาที่เหมาะสม
ในช่วงแรกๆหลายคนก็รู้สึกนะว่า ที่ยังไม่ได้ออกมาบอกเหมือนกับว่าทั้งสองคนตั้งใจจะปิดหรือว่าปกปิดเอาไว้หรือเปล่า ?
ครูไพบูลย์ : ตอนแรกมันไม่ถือว่าต้องปกปิด แต่มันยังไม่ถึงเวลามันยังไม่ถึงเวลาอันสมควร เอาเป็นว่าเราคุยกันตลอด เพราะว่าทุกคนในครอบครัวรวมถึงองค์กรเราจะรู้แล้วว่าตอนนี้มีน้องนะ แต่เราพยายามทำงานแล้วก็รักษาภาพมันเป็นส่วนของศิลปินไม่อยากให้เขามองว่าทำไมมีน้องแล้วมีลูก เราอุตส่าห์ติดตามเราอุตส่าห์ชอบ
ทุกอย่างทั้งสองคนก็ค่อยๆที่จะบอก ค่อยๆทำความเข้าใจกับแฟนคลับด้วยกับคนที่จะรู้เรื่องราวของเรา ?
ครูไพบูลย์ : ตัดสินใจแถลงเลยครับแถลงข่าวให้ทราบว่าตอนนี้เราคบกันแล้วก็มีน้องด้วยกันตอนนี้น้องก็ได้ 5 เดือนแล้ว
หลังจากแถลงข่าวไปกระต่ายมีผลกระทบอะไรกับเรื่องงานบ้าง ?
กระต่าย : เยอะเลยค่ะทั้งช่องยูทูบแล้วก็ร้านอาหาร ก็โดนปิดกิจการไปช่วงหนึ่งเพราะมีคนมาถ่ายรีวิวว่าอย่างนั้นอย่างนี้ก็ว่าให้เรา ก็เลยต้องปิดนิดหนึ่งเพราะว่าให้มันผ่านกระแสช่วงนี้ไปก่อน
ครูไพบูลย์ : มันมีช่วงหนึ่งช่วงแรงๆเลยนะครับช่วงสองสามเดือนแรกคือนอกจากยูทูบผมทำเพลงใหม่ไม่ได้เป็นเดือนเลย ทำลงก็โดนด่า แล้วเขามีตั้งกลุ่มขึ้นมาเพื่อดิสไลค์หรือว่าเป็นบูลลี่ เราไม่อยากทำอะไรเลยร้านอาหารเปิดตั้งแต่ มิถุนา-กรกฎา แล้วพอมาเจอแบบนี้ก็ต้องไปปิดก็เกือบเดือน ช่วงแรงๆ มีบางคนเข้ามาทานอาหารก็บอกทำอย่างไรก็ได้ให้ร้านเราไม่ได้พักสักแป๊บหนึ่งแล้วมาปรับปรุงเพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้น
ตอนนั้นความรู้สึกว่าเป็นอย่างไรบ้างคะ ที่เราคิดว่าการที่เราบอกความจริงไปมันจะโล่ง แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าไม่ได้เป็นแบบที่เราคิด ?
ครูไพบูลย์ : อันนี้มันเป็นเรื่องที่มันเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝันเลยและพอมันเกิดขึ้นเราต้องทำใจและยอมรับพยายามคุยกันให้ดีที่สุดพยายามอย่าเพิ่งใช้อารมณ์กับคนอื่นหมายถึงทั้งกับคนที่มาคอมเมนต์
กระต่ายเป็นอย่างไรบ้างกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น ?
กระต่าย : เครียดมากค่ะ เปิดในโลกออนไลน์ก็จะมีคนมาด่าเรา ทักแชทมาก็มี หนูก็เครียด
เห็นว่าต้องขังตัวเองไว้ในห้อง ?
กระต่าย : ใช่ค่ะ ไม่อยากออกไปเจอใคร มันเหมือนกับเราเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ บอกไม่ถูก เป็นอยู่ช่วงแรกๆ 1-2 อาทิตย์
ครูไพบูลย์พูดอะไรกับน้อง ที่น้องเครียดหนัก ?
ครูไพบูลย์ : ส่วนใหญ่จะกอดและให้กำลังใจ มันอาจจะเป็นพายุ อาจจะเข้าช่วงพายุใหญ่เดี๋ยวเราก็ผ่านมันได้ อยู่ที่ว่าเราจะนิ่งแล้วปล่อยให้มันซัดผ่านไปก่อน
ตอนที่ดิ่งมันเศร้าแค่ไหน ?
กระต่าย : สุดๆเลยค่ะชีวิต เพราะว่าหนูไม่คิดว่าหนูจะมาเจอเหตุการณ์ณ์แบบนี้ หนูทะเลาะกับเขาเลยนะ ว่าทำไมมันเป็นอย่างนี้ เขาก็เข้ามากอดเราแล้วก็บอกว่าให้สู้ๆเดี๋ยวมันก็จะผ่านไป
เห็นบอกว่ากระต่ายก็มีแพลนที่อยากจะมีลูกตั้งแต่ปี 63 ทำไมเราถึงรู้สึกว่าเราอยากจะมีลูก ?
กระต่าย : ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราอยากมีครอบครัวอยากมีคนมาเติมเต็มคำว่าครอบครัวของเราให้มันสมบูรณ์แบบ ทีนี้ก็คุยกันว่าอยากได้ลูกแฝดนะ ทีนี้ก็ว่าจะไปทำแล้ว แต่มีน้องเพลินเพลงก่อนก็เลยไม่ได้ทำค่ะ
แต่ว่าแฟนๆหลายคนก็รู้สึกว่า สำหรับน้องมันเร็วไปไหมอายุ 17-18 ไม่อยากใช้ชีวิตเหมือนอย่างวัยรุ่นคนอื่นหรอ?
กระต่าย : ในความคิดหนู หนูพร้อมแล้วค่ะ พร้อมที่จะมีครอบครัวแล้ว ถามว่าเร็วไหมก็ในชีวิตของเราในความคิดของเราคิดว่าพร้อมแล้วที่เราจะมีลูกแล้วก็สร้างอนาคต สร้างทุกสิ่งทุกอย่างไว้เพื่อตัวเองแล้วก็ลูกเรา
อยากจะไปใช้ชีวิตวัยรุ่นไหม ไม่อยากไปเที่ยวแบบว่าใช้ชีวิตอย่างวัยรุ่นคนอื่นหรอ เรารู้สึกอย่างไรบ้าง ?
กระต่าย : ในส่วนตัวหนูไม่ค่อยชอบเที่ยวเท่าไรค่ะ ส่วนมากก็จะอยู่แต่กับยูทูบดูโทรศัพท์
ครูไพบูลย์ : เพราะตั้งแต่อายุ 15 ก็เริ่มมีงานคอนเสิร์ตงานเพลง ถามว่าได้ใช้ชีวิตความเป็นวัยรุ่นไหมเราอยู่กับการทำงาน ทีนี้เราคุยกันว่าปี 63 ถ้าเรามีลูกแล้ว สัก 2 คน หลังจากนั้นหนูจะมีชีวิตที่เป็นส่วนตัวเพิ่มมากขึ้น
กระต่าย : แต่เขาก็พาเที่ยวตลอด อยากไปผับใช่ไหม เขาก็จะพาไป ถ้าอยากไปทะเลอะไรแบบนี้เขาก็จะพาไปหมดเลย
ครูไพบูลย์ : ที่จริงแล้วชีวิตความเป็นวัยรุ่นมันไม่สำคัญเท่ากับความเป็นตัวเองและครอบครัวที่มันสมบูรณ์แบบ สมบูรณ์แบบไม่ได้หมายความว่าดีพร้อมนะหมายความว่าเราต้องเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์คือมีครอบครัวมีฐานะการเงินอาชีพแล้วก็มีเวลาให้กับสุขภาพ
หลายคนที่มองจากรอบนอกมองว่าความรักครั้งนี้เป็นความรักที่ไม่เหมาะสมอาจารย์คิดว่าอย่างไร ?
ครูไพบูลย์ : เขาอาจจะมองหรือว่าเสพข่าวอีกมุมหนึ่ง ที่จริงแล้วผมลาออกจากราชการออกจากครูตั้งแต่ปี 61 ซึ่งมันนานมาแล้วและเราเพิ่งคบกันจริงจังคือช่วงต้นปี 63 ตอนนั้นคือเริ่มหึงหวง เริ่มมีแอบสงสัยเขาคุยกับใคร
กระต่าย : ช่วงนั้นหนูอกหักพอดี ก็เลยไปปรึกษาเขา ว่าความคิดผู้ชายทำไมคิดแบบนี้ มันคิดอย่างไรมันเป็นอะไร
ทำไมเราถึงตัดสินใจปรึกษาเขา ?
กระต่าย : เขาคือผู้ใหญ่ที่ดูแลหนู เขาสามารถให้ความอบอุ่น สั่งสอนหนูได้ทุกอย่าง
กระต่ายเขามาปรึกษาอาจารย์อย่างไรคะ ?
ครูไพบูลย์ : จริงๆแล้วก็ห้าม เราไม่อยากให้มีตั้งแต่แรกเลย ผมก็เคยผ่านชีวิตแบบมีแฟนก็ค่อนข้างที่จะมาเรื่อยๆมันไม่มีความสุขเลย สุดท้ายรัก เลิกรา หย่าร้าง แต่ถ้ามันหย่าร้างกันไปแล้วจบกันด้วยดีมันจะมีความสุข เป็นเพื่อน เป็นพี่ แต่เมื่อไรจบกันด้วยคติ จบกันด้วยความไม่พึงพอใจมันก็จะเป็นปัญหา ผมเลยบอกว่าอย่าเพิ่งมีเลย รอให้พร้อม ผมจะบอกว่าให้หาเงินก่อน หาเงินให้ได้เยอะๆ ผมเป็นคนที่เครียดในเรื่องของการวางแผนเรื่องการเงินมากล ผมวางแผนให้นะครับ ทั้งครอบครัวน้องแล้วการเงินน้อง เวลารับงานจะเคลียร์กับเด็กทุกคนในค่ายก็เหมือนกัน ผมบอกว่าจะเกิดอะไรก็แล้วแต่หาเงินได้เยอะก่อน เมื่อไรที่เรามีเงินมีฐานะทางการเงิน ครอบครัว คนรัก มาทีหลังแล้วมันจะสมบูรณ์แบบ
แล้วอาจารย์มารักกันได้อย่างไร ?
ครูไพบูลย์ : เป็นความเมตตาแบบมันเห็นอกเห็นใจกัน เกิดจากความใกล้ชิดและความสงสาร บางครั้งน้องครอบครัวน้อง แม่ไม่สบายเขาไม่มีคนดูแลบ้างผมก็ต้องไปช่วยอาหยิบยื่นได้ก็เข้าไปช่วย คุณพ่อคุณแม่มีปัญหาเรื่องการเงินเป็นหนี้ เราก็น้องเอาตรงนี้ไปช่วยพ่อช่วยแม่ ตอนแรกคุณพ่อคุณแม่จะไม่โอเค มีช่วงหนึ่ง ช่วงแรกตั้งแต่ตอนไปคอนเสิร์ตใหม่ๆ คุณแม่บอกว่าไม่อยากให้คบกับใครไม่อยากให้มีเรื่องชู้สาวให้โสดก่อน ถ้ามีแม้แต่กับครูหรือกับใครก็แล้วแต่แม่จะให้เลิกทำเลย ให้กลับไปเรียนเหมือนเดิม เราจึงระวังตัวเองมาก ทำงานก็จะคุยกันเฉพาะเรื่องงาน
แอบได้ยินว่าแอบไปหึงเขา เริ่มตอนไหน ?
ครูไพบูลย์ : ช่วงเขาเริ่มมีเพื่อนผู้ชายคุย ต้นปี 63 เริ่มรู้สึกแล้วว่าเราไม่มีใคร เราเคว้งคว้างมานาน คุยมาเรื่อยๆมันไม่มีความจริงจังเลย สุดท้ายเราอายุผ่านไปแล้วจะตั้งหลักอย่างไรได้ ก็เริ่มหา พอดีน้องอยู่ใกล้อยู่บ้านใกล้กันไปซื้อบ้านใกล้กัน ความใกล้ชิดเพิ่มขึ้น เรารู้สึกว่าเขามาเติมเต็มในส่วนที่เราขาดไป และเขาก็รักแม่ รักลูกของเรา รักทุกคนในครอบครัว แม้แต่พี่ชายผมเขาจะสนิทกับทุกคนในครอบครัวผมมาก
เราเป็นนักร้องแฟนคลับหล่อๆก็เยอะ ทำไมต้องเป็นครูไพบูลย์ ทำไมเปิดใจ?
กระต่าย : ที่เปิดใจเพราะเขาเป็นคนที่มีความเป็นผู้นำสูง เป็นคนอบอุ่น สามารถช่วยเหลือเราซับพอร์ตเราได้ตลอดเวลา ไม่ว่าแม่หนูจะป่วยหรือว่าหนูจะเป็นอะไรเขาจะพาและซับพอร์ตเราตลอดเวลา เริ่มแรกคุณแม่ห้ามไม่ให้คบกันตอนที่รู้จักกันตอนปี 63 ด่าว่าทำไมเธอทำแบบ ทำไมมีแฟนเร็วจัง สุดท้ายก็โอเคคุยกันอะไรกัน
เอาชนะใจคุณแม่ได้อย่างไร เห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่คุณแม่จะไม่ให้ทำงานแล้ว?
ครูไพบูลย์ : เพราะผมให้ใจและให้ทุกอย่าง อย่างเรื่องเงินผมจะให้เห็นเป็นอันดับแรกเลยว่า คุณแม่ครับวันนี้เราได้เท่านี้นะครับ แล้วผมแบ่งน้องเท่านี้ ค่าใช้จ่ายผมทุกเดือนเท่านี้นะครับ เราชัดเจนแล้วแม่รู้สึกว่าเราเคลียร์ เวลาเกิดปัญหาอะไรขึ้นผมก็บอกว่าครอบครัวผมมีแค่นี้นะ มีพี่ชาย มีแม่ เพราะว่าคุณพ่อผมก็เสียนานแล้ว เราเกิดมาจากความยากจน เราเลยเห็นอกเห็นใจกัน ผมเลยวางแผนว่าถ้าเราไปซื้อบ้านใกล้ๆกัน น้องก็ได้ทำงาน เริ่มไปหาคุณแม่แล้วช่วงปี 63
ใช้เวลาในการพิสูจน์ความรักน้องกระต่ายกับคุณแม่นานไหม?
ครูไพบูลย์ : ขั้นแรกมันเป็นเรื่องของความจริงใจในการทำงานก่อน ทำงานซื่อสัตย์ ซื่อตรงต่อกัน หลังจากนั้นพอรู้ว่าเราแอบชอบหรือมีความรู้สึกดีๆต่อกันคุณแม่ก็เริ่มมองแล้วว่าหนูพร้อมไหม อนาคตจะเป็นอย่างไร ถ้าวันหนึ่งไม่มีกระแสแล้ว ไม่มีเพลงแล้ว จะอยู่อย่างไรต่อ แล้วครูจะจริงใจไหม เพราะตอนนั้นผมก็มีไปเรื่อยๆคุยไปเรื่อยๆ แม่จะพูดกับผมว่าครูหยุดได้หรือยัง
สมัยก่อนเจ้าชู้?
ครูไพบูลย์ : ไม่ได้เจ้าชู้ครับ ก็เหมือนผู้ชายทั่วไป เราไม่มีใคร เราจะไปไหนกับใครจะคุยกับใคร ตอนนั้นที่คุณแม่ถามผมก็ยังไม่มั่นใจ ก็มีทะเลาะกัน คุณแม่จะเข้าข้างกระต่ายดีมาก เวลาผมพูดอะไรไปสุดท้ายก็ไปแอบคุยกันสองคน ระแวงคุณแม่ว่าเขาจะชอบเราหรือเปล่า จะโอเคกับเราหรือเปล่า
ก่อนจะตกลงคบกับครูไพบูลย์รู้หรือเปล่าว่าเขามีครอบครัวมาก่อนแล้ว?
กระต่าย : รู้ค่ะรู้ เรื่องนี้เราก็คุยกัน
ครูไพบูลย์ : มันเป็นเรื่องจบไปแล้วตั้งแต่ 3 ปี ที่จริงตอนนั้นแม่กับน้องจะปกป้องน้องมาก ใกล้เวลาทำงานจะไปด้วยตลอด
คุณแม่ของน้องกระต่ายแสกนอย่างหนัก?
ครูไพบูลย์ : ใช่ครับ คือตอนนั้นถ้าคบครูหรืออะไรแม่บอกให้เลิกทำงาน กลับไปเรียนอย่างเดียวเลย แม่ก็ยืนกระต่ายขาเดียวว่ากลับไปเรียน แต่ด้วยผมบอกว่าขอร้องเองเลยว่าน้องจะดังนะแม่ ผมมั่นใจเลยว่าน้องจะดังให้ทำงานต่อไปด้วยกัน แม่กับพ่อก็ต้องไปด้วย แม่ พี่ชาย พ่อ ทุกคนไปกับน้องหมดเลย
ทุกคนมีอดีตเป็นของตัวเอง แต่ว่าเคลียร์จบหมดแล้ว?
ครูไพบูลย์ : หมดแล้วครับ
อายุห่างกัน 12-13 ปี มีเรื่องทะเลาะเถียงกันไหม?
ครูไพบูลย์ : ก็มี บางทีเขาจะมีคิดเหมือนเด็ก ทำไมต้องคิดอย่าเพิ่ง
กระต่าย : แกคิดหัวโบราณอะค่ะ ก็ไม่ทันศัพท์ของวัยรุ่น แล้วก็จะแบบอีหยัง คืออีหยังนิ บางครั้งแกไม่ทันอะไรแบบนี้ เราเป็นคนอธิบาย พออธิบายบางครั้งก็ไม่เข้าใจก็เครียด
ครูไพบูลย์ : เหมือนจะหยอกเราแต่มุกมันแป๊ก บางทีเขาดูอะไรอยู่ดีๆนี่เห็นไหม บางทีเขาไปดูข่าวที่เป็นกระแส ผมก็อีหยัง
การคบกันกระต่ายมีข้อตกลงกับครูไพบูลย์ด้วย?
กระต่าย : ข้อตกลงของหนูตอนที่คบกันแรกคือขอตังค์เดือนละ 50,000 ได้ไหม จะไปซื้อเสื้อผ้า อันนี้ขอเฉพาะ หนีจากเงินเดือน บางทีเราอยากได้ถ้าใส่ไม่ได้ก็เก็บไว้ในตู้
ครูไพบูลย์ : มันก็ไม่ได้ เราไม่ได้มีเงินซับพอร์ตอะไรขนาดนั้นแต่ตอนแรกๆก็หนักใจ
กระต่าย : ตอนแรกๆก็ให้อยู่ค่ะ
ครูไพบูลย์ : ตึบอยู่ครับ เดือนแรกให้เลยครับ ต่อมาเริ่มไม่ให้แล้วครับ มันไม่จำเป็นแล้วนะครับ
เคยถามไหมทำไมต้องซื้อเสื้อผ้า 50,000?
ครูไพบูลย์ : ถามครับ ผมบอกไม่จำเป็น เขาบอกว่าใส่แล้วคนจำได้ ถ่ายรูปลงคนจำได้ เดี๋ยวเขามาแซะหนูอีกว่าใส่แต่ชุดเดิม พวกของแบรนด์เนมก็ตามโอกาสเราไม่ได้ไปซีเรียสอะไร ส่วนใหญ่น้องจะซื้อชุดร้องเพลงมากกว่า
กระต่าย : แฟชั่น เราใส่ชุดนี้ถ่าย MV เราก็เปลี่ยนไปอีกชุดหนึ่ง
ครูไพบูลย์ : แต่ข้อเสนอของเขาก็ได้แค่เดือนเดียว หลังจากนั้นไม่ไหวแล้ว
โมเมนต์ของการเป็นคุณแม่?
กระต่าย : คำว่าแม่มันยิ่งใหญ่มากๆ จากที่หนูเป็นคนไม่ค่อยอดทนกับอะไรอดทนมากขึ้น จากที่เราไม่เคยเสียสละให้ใคร เราก็เสียสละให้เขา หนูรู้สึกว่ามันยิ่งใหญ่มาก แต่ส่วนมากคุณยายจะเป็นคนดูแลเวลาหนูมางานหรือไปออกงานคุณยายจะดูแลแทน
เรามองว่าตัวเองโตขึ้นไหม กับการได้ลูกมาคนหนึ่ง?
กระต่าย : หนูรู้สึกว่าตัวเองโตขึ้นคิดมากกว่าทำ แต่ก่อนถ้าจะทำก็ทำไปเลย แต่ทุกวันนี้ก็จะคิด คิดหนักมาก ถามแม่ ถามสามี ถามคนในครอบครัวทั้งหมดว่าเราจะทำดีไหม เราจะทำอย่างไรดีเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบไปถึงเขา
น้องชื่อน่ารักมาก?
กระต่าย : ชื่อ เพลินเพลงพิณ เป็นทั้งชื่อเล่นและชื่อจริง
ก่อนหน้านี้มีภาวะคลอดก่อนกำหนด?
กระต่าย : ตอนนั้นหนูเครียด เรื่องถ้าออกน้องไปแล้วมันจะเป็นอย่างไร ช่วงนั้นเครียดหลายเรื่อง ตอนนั้นเราแค่คิดว่าถ้าคลอดน้องไปแล้วจะมีผลกระทบอะไรตามมาหรือเปล่า คิดถึงงานยูทูบด้วย เพราะว่าช่วงนั้นหนูไม่ได้ลงอะไรเลยรายได้มันก็ตกคิดหนักมาก เพลินเพลงก็แข็งถี่ๆเลยทุก 5 นาทีเลยไปหาหมอ ตอนแรกจะออกน้องที่ 35 สัปดาห์ แต่คุณหมอก็ให้กินยาและฉีดยาไม่ให้คลอดก่อนกำหนด จะรอให้น้อง 37 สัปดาห์ก่อน สุดท้ายก็ได้ผ่าคลอดตอน 37 สัปดาห์ 1 วัน เพราะหนูปวดท้องมากและมีน้ำไหลออกมาด้วย คุณหมอก็ส่งเข้าผ่าเลย
ตอนนั้นตื่นเต้นไหม ลุ้นจะคลอดก่อนกำหนด?
กระต่าย : ตื่นเต้นค่ะเพราะว่าหนูไม่เคยเข้าห้องผ่าตัดเลย เป็นครั้งแรก ตื่นเต้นอยากเจอหน้าเขา กลัวด้วยอยากเห็นหน้าเขาด้วย หลังจากคลอดถ่ายรูปเสร็จหนูก็สลบไปเลย ประมาณ 4 ชั่วโมง
จะมีอีกคนตามมาไหม?
กระต่าย : อยากมีอยู่ค่ะ อยากได้ลูกสาว ตอนไปอัลตร้าซาวน์คุณหมอบอกว่าได้ลูกสาวน่ารักจังเลย เราดีใจมาก คุณหมอให้กำลังใจเพราะเขารู้เราอยากได้ลูกสาว
ครูไพบูลย์ : แต่ก็ไม่เป็นไรลูกชายก็รักเหมือนเดิม
อยากมีอีกสักกี่คน?
กระต่าย : อยากมีอีกสักคนพอค่ะ แต่อยากได้ลูกสาว
เราเป็นคนสาธารณะข่าวต่างๆ คิดไหมว่าจะตอบลูกเราอย่างไรกับคำถามต่างๆ ที่ลูกไปอ่านเจอ?
ครูไพบูลย์ : ผมว่าในส่วนของเราจะให้เรื่องความรัก ระบบครอบครัวมากกว่า เมื่อเขาโตขึ้นเขาจะได้เรียนรู้เองว่าถูกผิดคืออะไร แล้วเรื่องราวที่ผ่านมา เพราะผมรักลูกทั้ง 2 คนมาก ผมตั้งเป้าไว้เลยว่าอยากส่งเขาเรียนต่างประเทศ เราเกิดมายากจนพอเราพอหาได้บ้าง ก็อยากส่งเสียเขาให้เขาได้รับการศึกษาที่ดี ได้รับคุณภาพชีวิตที่ดี ได้รับนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เข้าถึงได้ง่าย
กระต่าย : สำหรับหนูให้ความอบอุ่นเขาพาเขาทำกิจกรรม แต่ถ้าเขาโตขึ้นเขาก็อาจจะรู้เอง เขาอาจจะเข้าใจ
เป็นการออกมาเปิดใจเรื่องความรักครั้งแรกกับสื่อของ ครูไพบูลย์ และ กระต่าย พรรณนิภา หลังโดนดราม่าถาโถมอย่างหนักเลยทีเดียว เอาเป็นว่าในเรื่องของการฟ้องร้องอดีตภรรยานั้น จะจบลงแบบไหนต้องคอยติดตามกัน แต่ตอนนี้ ทั้งคู่มีความสุขที่ได้อยู่ร่วมกันนั่นเองค่ะ