นิกกี้ พริ้ม แขวนนวมตัวพ่อหนังอาร์ หันทำธุรกิจที่ประเทศจีน

นิกกี้ พริ้ม ขอออกจากวงการหนังอาร์ หลังมีอาการไบโพลาร์ พร้อมหันมาทำธุรกิจที่ประเทศจีน

อีกหนึ่งหนุ่มหล่อพระเอกตัวพ่อหนังอาร์ก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากหนุ่ม นิกกี้ พริ้ม หลังเจ้าตัวห่างหายไปจากวงการไปนาน ล่าสุดได้ออกมาเปิดใจผ่านรายการ เรื่องลับมาก โดยเจ้าตัวก็ได้ออกมาเผยถึงสาเหตุที่ได้หายหน้าหายตาไปจากวงการ

โดย นิกกี้ พริ้ม ได้ออกมาเผยว่า “ปัจจุบันได้หันมาทำธุรกินอยู่ประเทศจีนเป็นธุรกิจนำเข้าสินค้า ทั้งอาหารและคอนซูเมอร์โปรดักซ์เกือบจะทุกอย่าง เข้าสู่ประเทศจีนและประเทศเพื่อนบ้าน ของเราเป็นบริษัทจัดจำหน่าย ในพื้นที่ของเราเอง เรามีห้างเหมือนห้างดองกี้ แต่ของเราอยู่ในประเทศจีน ชื่อร้าน นิตินาคิน ซึ่งเป็นชื่อน้องชายผมที่ออกมาเป็นแบรนด์ เราทำร้านอาหาร และช้อปปิ้งตลาดน้ำไทยแบบอัมพวาที่แรกในเอเชีย พอเราทำเสร็จปุ๊บก็เริ่มขยาย ตอนนี้มีหลายห้าง เป็นห้างชั้นนำ ไม่ว่าจะห้างชื่อเค อีเลฟเว่น ของจีน มิตซุยเบอร์หนึ่งของญี่ปุ่นก็เซ็นสัญญากับเรา ห้างพื้นที่ประมาณพันกว่าตารางเมตร ทุกที่ที่สองห้างนี้เปิดใหม่เราก็ขึ้นกับเขาด้วย ปีนี้เราเพิ่มอีก 5 สาขา มีในมาเลเซียด้วย”ภาพจาก : new18

อีกทั้งเจ้าตัวยังเผยว่า “ที่หายไปจากวงการผมนั้นมีอาการ ไบโพลาร์ ผมเริ่มเป็นตอนอายุ 29 เวลาผมอยู่กับคนเยอะๆ ถ้ามีอะไรทำให้โมโห ผมจะโมโหง่ายมาก พอเริ่มรู้ตัว ผมเป็นซึมเศร้า และเบื่อวงการบันเทิง ก่อนหน้านั้นผมไม่เป็น มาเป็นซึมเศร้าตอน 29 อาจเกิดจากการใช้ชีวิตที่หลงผิด อยู่ในช่วงปาร์ตี้บ่อย ก็เกิดเอฟเฟ็กต์ พอเราโตขึ้น เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่ทางแล้ว ไม่ว่าการใช้ชีวิตหรืออยู่ในวงการบันเทิง กินยารักษาอยู่ หลังจากนั้นมาก็บำบัด เข้าหาแพทย์ กินยาอยู่ 10 กว่าปี 13 ปี จนตอนนี้ผมก็หยุดยามาได้ 2 ปีแล้ว พยายามฝึกสมาธิ ฟังเพลงแจ๊ส อยู่กับธรรมชาติ ดนตรีบำบัด ตอนนี้ผมมีลูกแล้ว ยิ่งทำให้จิตใจผมสงบ เวลาทำอะไรต้องคิดหน้าคิดหลัง และทำให้ผมเลิกบุหรี่ เลิกดื่มมาปีกว่าแล้ว”

และอีกหนึ่งเหตุผลที่ต้องเลิกเล่นหนังเอวีก็เพราะอาการของโรคด้วยเช่นกันอีกทั้งยังยืนยันว่า “เอาเงินมาตั้งเป็นร้อยๆ ล้านก็ไม่ครับ ถ้าหนังอาร์ไม่เอา ถ้าหนังธรรมดาโอเค อะไรที่ไม่ได้ดาร์ก”