หนุ่ย พงศ์สุข เผยประสบการณ์จริงที่เจอ พร้อม แนะวิธีแก้ปัญหา วิกฤตโควิด19

หนุ่ย พงศ์สุข เผยประสบการณ์จริงที่เจอ พร้อม แนะวิธีแก้ปัญหา วิกฤตโควิด19 ปลดล็อก ให้เอกชนซื้อยาที่เกี่ยวข้องกับโรคมาขายตามร้านขายยาทั่วไป

การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด ตอนนี้ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ยอดผู้ติดเชื้อในแต่ละวันพุ่งสูงหลายพันคน จนทางรัฐบาลต้องประกาศ คุมเข้ม ล็อกดาวน์ และสั่งปิดแคมป์คนงาน เพื่อหวังลดการติดเชื้อ โควิด

ล่าสุด หนุ่ย พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ พ่อมดไอที ได้ออกมาพูดถึงมาตรการป้องกันโควิดที่ตัวเองไปเจอมา พร้อมเสนอวิธีแก้ปัญหาโรคระบาด

โดย หนุ่ย พงศ์สุข ได้ออกมาโพสต์ข้อความยาวเหยียดผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า

” ผมจะเล่าอะไรให้ฟัง…(ซีเรียส) * ใครไม่อยากซีเรียสให้ข้ามครับ แล้วผมจะกลับมาโพสต์เรื่องราวสนุก ๆ ใหม่วันหน้า *

สั่งปิด “ แคมป์คนงาน ” วันศุกร์ แต่กว่าจะมีผลบังคับใช้ก็วันจันทร์​

และก็เป็นไปตามที่ทุกคนได้เห็นภาพกัน คือมีคนงานออกจากแคมป์ เดินทางกระจัดกระจายไปแล้วในขณะนี้ ตรงนี้คิดดี ๆ นะครับ ชวนคิดกันให้ดี ๆ

ใคร ? จะอยากถูกกักกันอิสรภาพ ถ้าเป็นเรามีโอกาสหนีได้ (ด้วยสุญญากาศทางคำสั่ง เสาร์-อาทิตย์) ก็ต้องออกไปหาที่อยู่ใหม่… ไปสู้เอาดาบหน้า ใช่ไหม ?​

ก็เขามั่นใจว่าตัวเองยังไม่ติดนี่นา จะอยู่ให้โง่ให้งงรึ ?​

เชื้ออยู่ในอากาศ เรารู้ว่ามีมากและมองมันไม่เห็น หากถูกกักอยู่ที่เดิม เครียดตายห่าน ยังไงสัญชาตญาณก็ต้องออกเดินทาง …ไปตายเอาดาบหน้า (เผลอ ๆ เข้าทำนอง หนีเสือปะจระเข้)

ทีนี้ ถึงเรื่องที่จะเล่าและชวนคิด (อันนี้เกี่ยวกับคนเมืองอย่างเราบ้างแล้ว ไม่ใช่คนงาน)

เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ผมไปปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน คือตั้งใจไปกระตุ้นเศรษฐกิจและพาผู้ป่วยมะเร็ง (พี่เขย) ไปคลายเครียด …ก็ขึ้นเครื่องบินจากกรุงเทพไปลงเชียงใหม่กัน

เห็น “ ความซีเคียวริตี้ตึง ” มากมาย ตั้งแต่สนามบินสุวรรณภูมิ ไปจนถึงสนามบินเชียงใหม่ ที่ “ทำทีเป็นตรวจ ”

ที่สุวรรณภูมิผมเคยไปเล่าไปแล้วเมื่อวันแรกเดินทาง ว่า ให้ถอดหน้ากากเช็กหน้าตากัน 4 รอบถ้วนในสนามบิน มันซีเคียวตรงไหน ?? อันนี้ถ้าไม่มีเทคโนโลยีสแกนดวงตาด้วยกล้อง ก็ต้องใช้คอมมอนเซนส์จากเจ้าหน้าที่บ้าง ขอถอดเท่าที่สงสัย แต่นี่ผู้ใหญ่คงสั่งการกันไว้ให้ “ถอดหน้ากากทุกราย”​ ก็ต้องถอดกันหมด แล้วมันจะปลอดภัยได้อย่างไร ?​ เชื้ออยู่รอบตัวเรา

***ไฮไลต์ที่จะเล่าให้คิดกันต่อในโพสต์นี้ก็คือ

“ เมื่อถึงสนามบินเชียงใหม่ ”​… ผู้โดยสารทุก ๆ คนล้วนถูกสั่งให้สแกนคิวอาร์โค้ด “CM Chana” (Another Chana’s Series Of The Kingdom Of Thailand)

มันเป็นฟอร์มตอบแบบสอบถามที่ถามค่อนข้างละเอียดเลยล่ะ กรอกไม่ง่าย เพราะต้องใส่เลขบัตรประชาชนผู้เดินทางร่วมทุกคนที่มาด้วยกัน สถานที่ที่ไป และวันที่จะออกจากเชียงใหม่ … เราให้ความมือ และหลาย ๆ คนตรงนั้นก็ให้ความร่วมมือ หยุดกรอกกันยิก ๆ

ให้คุณนึกภาพ Belt รับกระเป๋า ที่มีประตูทางออกอยู่ใกล้ ๆ คนออกันหน้าประตู ทุกคนหยุดก้มกรอกกันหมดแหละ … พอกรอกเสร็จ ระบบจะแสดง QR CODE เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้

แต่การปฏิบัติจริงก็คือ …เมื่อมีใครสักคน “ เงยหน้าขึ้น ” เจ้าหน้าที่ที่สะกัดกั้นผู้คนอยู่ก็จะโบกมือปล่อยให้ผ่านได้

อาการมันจึงคล้าย ๆ Acting แหละ ใคร Acting กดง๊อบ ๆ แง๊บ ๆ เงย ๆ เนียน ๆ ก็ผ่านไปได้…. เพราะไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดที่สนใจจะ “สแกนความถูกต้อง” ของ QR Code ที่ลงทะเบียนไปเลย

จริง ๆ จะอ้างว่าไม่มีงบประมาณจัดหาคอมพิวเตอร์ตามสไตล์ราชการไทยก็ได้ แต่ก็ฟังไม่ขึ้น เพราะทุกวันนี้ “มือถือเจ้าหน้าที่​“ ก็เอาออกมาสแกนตรวจสอบกับระบบได้ …ถ้าคิดจะทำตามนโยบาย “ทจจ.” ทำจริง ๆ

ฉะนั้นทุกวันนี้ที่เห็นและเป็นอยู่ “ใครจะกรอกอะไรก็ได้” ไงครับ

และฉะนั้นของฉะนั้น “การกักตัวระหว่างจังหวัด-จึง-ไม่-มี-อยู่-จริง” (ตอบคำถามหลายท่านที่ถามผมว่าไปเที่ยวตจว.แล้วต้องกักตัวไหม ?)

ผมตัดสินใจอยู่นานนะ ว่าจะเขียนหรือไม่เขียนเรื่องนี้ดี เพราะมันเกินจะบ่น และอีกใจผมกลัวกระทบการท่องเที่ยวที่ย่ำแย่อยู่แล้ว การมี “ช่อง” บ้าง ก็ทำให้พวกเขาได้ต่อลมหายใจ

แต่เมื่อเกิดเรื่องแคมป์คนงานแตก จากคำสั่งนายกให้ปิดแคมป์

ผมจึงรู้สึกว่า …เราเป็น #ประเทศหลอกกัน เราทำ #พอเป็นพิธี จริง ๆ

เอาอย่างนี้ครับ #วิธีแก้ไขปัญหาวิฤตนี้ (เพื่อให้โพสต์นี้มีความหมายมากกว่าบ่น)

***ไม่ต้อง Lock ดง Lock Down อะไรทั้งสิ้นแล้ว*** ล็อกไปไม่มีเงินชดเชยจ่าย ผู้คนก็อดตาย

คนสั่งหรือผู้สนับสนุนการล็อกดาวน์ล้วนยังมีเงินเดือนใช้ และยังออกจากบ้านไปไหนต่อไหนได้เมื่ออยากออก (เนื่องจากทุกด่านที่กั้น ๆ กัน ล้วนไม่มีเจ้าหน้าที่ หรือมีเจ้าหน้าที่ แต่ก็นั่งกันในเต้นต์ ก้ม ๆ กด ๆ มือถือ… นี่คือ “เรื่องจริง” ที่เราเห็นมาตลอดระยะเวลา)

ไหน ๆ ตอนนี้โรงพยาบาลก็เตียงเต็มหมดแล้ว ใครป่วยก็นอนผะงาบ ๆ รอที่บ้าน หาเตียงกันไม่ได้แล้วทั้งนั้น (และส่งผลให้คนที่เหลือในบ้านติดโควิดอีก!)

“รัฐปลดล็อกให้เอกชนสั่งซื้อยาฟาวิพิราเวียร์” (และ/หรือ ยาที่เกี่ยวข้อง) มาขายตามร้านขายยาทั่วไปเลยครับ … ให้พวกเขาซื้อง่าย ๆ รักษากันเองที่บ้าน

จะไปโรงพยาบาลก็ต่อเมื่อยาเอาไม่อยู่เท่านั้น เหมือนไข้หวัดใหญ่ในเคสหนัก ๆ นั่นแหละครับ…

นี่พูดไป มือผมกดก็หาเตียงให้คนที่รู้จักอยู่นะครับ ช่วยไปได้ 1 คนยังเหลืออีก 5

ไม่ง่ายเลยสถานการณ์นี้ … ใครคุมสั่งการณ์ก็ย่อมปวดหัวแหละ เพราะสั่งแล้วก็ไป ให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า “ผมสั่งการไปแล้ว” แต่ชีวิตจริงไม่มีใครลงรายละเอียดให้ (เพราะผู้ช่วยระดับหัวกะทิก็ต้องเดินตามนาย) …เจ้าหน้าที่ตรงหน้างานก็เลยต้องทำงานกันตามสภาพ

ตลอด 20 ปีที่ผมทำบริษัทมา ผมได้เรียนรู้เรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งในการออกกฎบริษัท คือ “กฎไหนที่ออกแล้วไม่มีใครทำตามได้ ก็ขออย่าออกกฎ” … เพราะมันจะมีเสียงหัวเราะตามหลังมา

ประเทศมีขนาดใหญ่กว่าบริษัทมาก ๆ การออกกฎที่คำนวณแล้วว่า คนทำตามไม่ได้ (อาจด้วยปัญหาคุณภาพประชากร) ก็อย่าออกครับ เพราะเสียงขำที่ตามมามันมวลใหญ่กว่าด่ากรรมการผู้จัดการเยอะเลย

“ต้องปลดล็อคยา ให้ซื้อรักษากันเอง” ครับ คือเราที่ถึงสเตจที่ต้องทำแล้ว เอา “เภสัชกรร้านขายยาทั่วประเทศมาร่วมสมรภูมิรบ” ให้เขาช่วยจ่ายยา ให้เขาให้คำแนะนำคนไข้ …เขาทำได้ดีเยี่ยมกันทั้งนั้นแหละครับ เป็นถึง “เภสัชกรปริญญา” นะ

ส่วน “วัคซีน” ก็อย่างที่รู้ …ให้ร.พ.เอกชนสั่งได้ แต่ต้องสั่งผ่านองค์การเภสัช … ช้าสลัดเลยครับ~! เดือน 8 โน่นกว่าจะได้เซ็นสัญญา …เฮียสรยุทธต้องออกมาตามงาน เอาไงกันดีไทยแลนด์​ ? #ขอให้ทุกคนอยู่รอดปลอดภัย

หลังจาก หนุ่ย ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นข้อความดังกล่าวแล้วนั้น ก็มีประชาชน และเพื่อนๆ เข้ามาคอมเมนต์เชิงเห็นด้วย และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นจำนวนมาก เนื่องจากปัญหาที่เห็นกันอยู่ทั้ง ทุกคนต่างก็ต้องเผชิญอยู่ตอนนี้เช่นเดียวกัน