หมอปลา เปิดใจทิ้งอนาคตอันสดใส มุ่งหน้าช่วยเหลือคนทุกข์ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

ช่วยด้วยใจ หมอปลา มือปราบสัมภเวสี ช่วยคนตกทุกข์ด้วยใจกับสิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ พร้อมเผยเส้นทางความรัก

เป็นอีกหนึ่งคนซึ่งเป็นผู้ที่มักจะช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอเวลาตกทุกข์ได้ยากเกี่ยวกับเรื่องของความลี้ลับและสิ่งที่มองไม่เห็น อย่าง หมอปลา มือปราบสัมภเวสี ล่าสุดได้ออกมาเผยเรื่องราวในชีวิตผ่านรายการ คุยแซ่บโชว์ พร้อมภรรยาสาวสุดสวยอย่าง น้ำฟ้า โดยได้เปิดใจถึงเรื่องราวต่างๆที่ช่วยเหลือคนโดยไม่หวังแม้แต่สิ่งตอบแทน พร้อมเผยความรักไม่ได้มาด้วยคาถาหรือเวทมนต์

โดย หมอปลา และ น้ำฟ้า ก็ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องราวต่างๆ ดังนี้

“ถาม : เริ่มเห็นผีตอนไหน ?

หมอปลา : ผมเริ่มเห็นผีตอนที่ผมเรียนใกล้จบละ ซึ่งถ้าย้อนกลับไปผมเคยเห็นผีตอน 7-8 ขวบ ตอนนั้นคือเห็นแล้วก็ลืม แต่ก็กลัวผี แต่มาเริ่มเห็นจริงจังคือ ตอนเรียนมหาวิทยาลัยเกือบจบแล้ว ตอนนั้น ผมนอนอยู่แล้วผีมันมากอดมาลวนลามจะมามีเพศสัมพันธ์กับเรา แต่ซึ่งตอนเรียนคือ ถึงผมมีแฟนแต่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์เลยนะครับ แม้กระทั่งจับมือถือแขนไม่เคยนะ เพราะผมจะคิดแบบคนโบราณเราต้องให้เกียรติครอบครัวผู้หญิง แต่ตั้งแต่ผมสัมผัสกับผี ผีมามีอะไรกับผม ทั้งผีผู้หญิง ผู้ชาย ผมเจอหมด ผมก็พยายามหาเหตุผลว่าทำไมเราต้องมาเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้ ผมเห็นแบบเป็นตัวเป็นตนเลย ทั้งเรากึ่งหลับกึ่งตื่น และทั้งที่ตื่นเลยครับ จนผมต้องใส่กางเกงยีนส์นอน เพราะถ้าผีกะเทยมาคือเขาจะดึงกางเกงเราเพื่อจะมีอะไรกับเราเลย แต่ถ้าผีผู้หญิงมาคือจะเลียข้างหูเราทำให้เราเกิดอารมณ์ ซึ่งมีวันหนึ่งที่ผมอยากจะลองว่ามันเป็นยังไงคือ คือวันนั้นเรามีความสุขมากเหมือนเราไปอยู่อีกโลกหนึ่งเลย พอผมตื่นมาตอนเช้าผมเพลียไปหมดเลยแต่นั่นคือ ครั้งเดียวจริงๆที่ผมยอมปล่อยตัวเองให้มีอะไรกับเขา ถามว่ามันคือ สิ่งที่ส่งผลให้เกิดอาการที่ผมทำอะไรไม่ได้ไหม คืออยากให้ดูที่ ศีรษะผมเริ่มยุบ มันเหมือนมีใครเอาอะไรมาผ่าที่กลางหัวผม ผมมันเริ่มร่วง ผมปวดหัวมาก เพราะถ้าผมเกิดอาการปวดหัวปั๊บ ผมจะต้องรีบหาที่นอนเลย เพราะว่าถ้ายืนเดี๋ยวเราจะล้มทั้งยืนเลย ที่ที่ปวดหนักมากๆคือตอนอายุ 23 ปี ตอนนั้นผมก็ไปเอ็กซเรย์ที่โรงพยาบาลที่จังหวัด เพชรบุรี ที่จังหวัดราชบุรี หมอก็หาอะไรไม่เจอหมอเข้าเลยวินิจฉัยว่าผมเครียด ซึ่งผมก็เอารูปตอนเด็กๆมาดูแต่หัวก็ไม่ได้ยุบ แล้วคือ ผมก็ค่อยๆร่วงไปหมด ซึ่งพอผมพยายามที่จะเล่าอะไรให้ใครฟัง เขาก็จะว่าผมบ้า แม้กระทั่งตอนที่เราป่วยเราก็เล่าให้แฟนคนนั้นฟังเขาก็เริ่มมองว่าเขาไม่มีอนาคตแล้ว เขาก็เริ่มมาคุยกับพี่สาวของเราว่าเขาต้องมีอนาคต ถ้ามาอยู่กับผมแล้วต้องดูแลผมเขารับไม่ได้ แล้วก็ตีตัวออกห่าง แล้ววันที่ผมเจ็บหนักเขาก็ไปบอกเลิกผมที่โรงพยาบาล ซึ่งวันที่เราหนักสุดที่เรานอนอยู่โรงพยาบาล คือ เราเห็นผีเต็มเตียงเลย ผมก็ยกมือไหว้แล้วก็เรียกน้องชายก็ไม่ได้ยิน คือ ผมไม่อยากนอนป่วยเลยเพราะทุกครั้งที่ป่วยผมจะเห็นภาพที่ไม่อยากเห็น ก็คือ โลกวิญญาณครับ

ถาม : ณ วันนั้นมีใครสักคนเชื่อเราไหม ?

หมอปลา : พี่สาว พ่อ ถามว่าเขาเชื่อไหมก็พยายามหาหมอดูที่บอกว่ามันเกิดจากอะไร ผมคิดว่าคนในครอบครัว พ่อเชื่อนะ แต่พ่อก็ร้องไห้ (พูดเสียงสั่นๆจะร้องไห้) คือว่าพ่อเขาหวังว่าผมจะเป็นที่พึ่งของเขา แต่มันพังเพราะพอผมบอกว่าผมไปทำงานไม่ได้แล้วนะ คือ วันนั้นตอนที่ผมรู้ว่าผมเป็นหมอมันคือวันอาสาฬหบูชา พรุ่งนี้ คือวันเข้าพรรษา ซึ่งวันอาสาฬหบูชา ผมนอนอยู่ที่บ้านแล้วผมฝันเห็นพระเยอะมากพี่แต่เป็นพระเกจิดังๆที่มรณภาพไปแล้วทั้งนั้น พระท่านมาหาผมแล้วท่านก็มาสวดมนต์ที่บ้านผม ผมก็ตกใจว่าทำไมพ่อ พี่น้องเราไม่มาฟังพระสวดมนต์ ผมก็ยกมือไหว้ พอยกมือไหว้เสร็จปั๊บก็มีพระรูปหนึ่งเดินมาบอกผมว่า หนุ่ม .. เขาไม่เรียกผมหมอนะ ท่านเรียกผมว่าไอ้หนุ่ม ไม่ต้องไปหางานทำนะมาอยู่ช่วยเหลือคนนะ ผมก็บอกหลวงพ่อผมไม่มีวิชาคาถานะ ท่านก็บอกว่าเดี๋ยวมีคนมาสอน พอตื่นตอนเช้าผมก็บอกพ่อ พ่อแกก็ร้องไห้ พ่อก็รับไม่ได้ ผมก็รับไม่ได้ผมก็หนีเข้ากรุงเทพฯ เพราะจะมาสมัครงานที่กรุงเทพฯก็ทำไม่ได้ ถามว่าพ่อเครียดไหม เครียดมากเพราะชาวบ้านลือกันว่าส่งผมมาเรียนแต่ไม่ได้อะไรเลยมีแค่วุฒิติดฝาผนัง

ถาม : อันนี้เป็นที่มาของการเข้าสู่คำว่า มือปราบสัมภเวสี หรือเปล่า ?

หมอปลา : ใช่ครับ แต่ผมก็หนีอยู่พักหนึ่งนะครับ เพราะว่าผมรับไม่ได้ ผมหนีมาอยู่กรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัดก็แล้วแต่ก็ยังเจอสิ่งลี้ลับจนผมทนไม่ไหว ก็กลับไปที่บ้านก็เริ่มปัดเป่าคนก็ต้องมีคนดูถูกอยู่แล้วเพราะตอนนั้นผม 25-26 ปี เพราะคนเราคาดหวังว่าคนที่มาเป็นหมอต้องเป็นคนอายุมาก บางคนมาหาผมแล้วพอเจอผมเขากลับเลยเพราะเขาเห็นว่าเราเป็นเด็ก แต่หลายคนก็ย้อนกลับมาใหม่เพราะว่าไปหาที่อื่นแล้วไม่หายจนเริ่มต้นคนเริ่มผมว่า หมอ ผมต้องอธิบายอย่างนี้นะครับ อาการทุกวันนี้ที่บ้านของผมจะมีผู้ป่วยอยู่ประมาณ 200 ชีวิตแล้วจะไปมาหายแล้วก็กลับ ที่มาใหม่ก็มีเยอะมากนะ โรคที่เราช่วยคือ หนึ่งโรคที่เหนือธรรมชาติ โรคที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถรักษาเขาได้ ไปโรงพยาบาลก็หาโรคไม่เจอเคสแบบนี้ที่เรารักษา แล้วสิ่งที่ผมรักษาพวกเขาคือ พอเรามองเขาปั๊บ !! มันจะเห็นภาพเลยว่าต้องรักษายังไงครับ คือ มันจะอยู่ใต้จิตสำนึกของเราเลย แต่การรักษาเนี่ยงมงาย ถ้าใครมองผมภายนอกไม่เคยสัมผัสนะจะหาว่าผมงมงาย แต่ถ้าไปดูผมรักษาคน จะรู้เลยว่าผมไม่ได้งมงายเลย

ถาม : ซึ่งการรักษาของแต่ละคนเหมือนกันไหม คือ อย่างเช่น ถ้าสมมติใครไม่เคยทราบอย่างนี้วิธีการคือ ยังไงอย่างเช่น รดน้ำมนต์ ยาหม้อ ยาผีบอก สวด หรือทำอย่างไร ?

หมอปลา : แต่ละเคสไม่เหมือนกันครับ บางเคสผมต้องลงพื้นที่ไปตามจังหวัดต่างๆเพราะมันเกิดจากสถานที่ที่เขาอยู่ บางคนเข้าบ้านตัวเองปั๊บ ผีเข้าอยู่ไม่ได้ บางคนหายใจไม่ออก คือ ทุกเคสที่มาหาผม ผมจะบอกว่าคุณต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลให้สุดก่อน ถ้าไม่ไปโรงพยาบาลเราจะไม่รักษาให้ คือ ไม่มีที่พึ่งแล้วผมจะรักษาให้ หลายคนก็มาพามาเลิกยาก็มี ป่วย 20-30 ปีก็มีทางจิตเวช ผมก็ช่วยหมด แต่ที่หนักๆเลยคือ เอามาทิ้ง 4-5 เคส ติดต่อญาติไม่ได้เลย

ถาม : แล้วกับคุณน้ำฟ้า เจอกันยังไง ?

หมอปลา : คือ ต้องบอกเลยว่าการเริ่มต้นภรรยาของผมคือ คนที่เกลียดผมมากนะ (ซึ่งเขามาเล่าให้ผมฟังทีหลัง เขาเคยเห็นผมให้ทีวี เขาเคยเอาเท้าถีบหน้าจอโทรทัศน์พังเลยเพราะว่าหลานเขาอยากดูผม) คือ ที่เขาไปหาผมครั้งแรกเขาไม่ได้เจอผมนะ เพราะเขาโทรศัพท์ไปหาพี่สาวผมถามว่าผมไม่อยู่วันไหนเขาก็จะไปหาผมวันพระ เพราะว่าผมไม่อยู่ คือ เขาต้องการเอาแค่รูปที่มันเป็นรูปผมเอาไปให้แม่ของเขาเพราะว่าแม่ของเขาเป็น Fc ผม แล้วแม่อยากได้รูปผมมาก ซึ่งก่อนที่เขาจะมาบ้านผมเขาก็จินตนาการว่าบ้านของหมอปลา ต้องหลังใหญ่โตต้องแบบหรูหรา แต่พอเขามาถึงบ้านผมกลับไม่ใช่เห็นภาพคนป่วยกำลังเข้าแถวรอกินอาหาร นี่คือจุดเริ่มต้น เขาก็ไปขอเบอร์ ขอไลน์กับญาติคนป่วย แล้วพอผมกลับมาแล้วญาติคนป่วยเขาก็ถ่ายรูปผมจัง ผมเลยถามว่าจะถ่ายรูปผมไปไหน ถ่ายไปทำอะไร เขาก็บอกว่าผู้หญิงคนนี้ช่วยให้ถ่ายแล้วส่งให้เขา อยากรู้ว่าหมอทำอะไรบ้าง เราก็บอกว่าเอาเบอร์เขามาเดี๋ยวคุยเองนี่คือ จุดเริ่มต้น แล้วพอคุยกันได้ 2-3 วัน รักกันเลยเหลือเชื่อไหม คือ มันเกิดเป็นความผูกพันว่าใช่คนนี้

ถาม : ก่อนอื่นต้องขอบคุณก่อนเลยเพราะ คุณ น้ำฟ้า คือคนที่ผลักดันให้ หมอปลา มานั่งพูดคุย ?

น้ำฟ้า : เพราะว่าหนูเป็น Fc พี่อ้อย พี่ฉอด หนูชอบที่ว่าทำให้หลายๆคนมีสติในความรักแล้วก็สอนให้รักเป็น แล้วก็ให้แบบว่ามีคุณธรรม และ จริยธรรมในความรักที่ดี สอนให้หาทางออกกับความรักที่แบบสุดยอดมาก คือ หนูได้มีโอกาสมาเจอเลยตั้งใจเอาทะเบียนสมรสมาให้เซ็นด้วย เพราะหนูตั้งใจไว้ว่าถ้าหนูมีความรักที่ดีหรือมีใบทะเบียนสมรสต้องให้ พี่อ้อย พี่ฉอด เซ็นให้ได้ ซึ่งก็ได้เซ็นเรียบร้อยแล้วต้องขอบคุณมากๆเลยนะคะ

ถาม : อยากให้ คุณน้ำฟ้า เล่าถึงจุดเริ่มต้น แล้วทำไมถึงกับต้องถีบโทรทัศน์เพราะรู้สึกว่าไม่ชอบหน้าคนคนนี้เลย ?

น้ำฟ้า : หนูเริ่มกับหมอปลา เริ่มด้วยความเกลียดค่ะ คือเราก็ถามหลานว่าทำไมต้องดูพวกนี้ หลานเขาก็บอกเราว่าคนนี้เขาเป็นคนดีแล้วเขาเก่ง ทีนี้ หนูเห็นเขาในทีวีคือทำไมต้องหาว ทำไมต้องอ้วก เขาบ้าเปล่าอย่างนี้ พูดง่ายๆคือเราเริ่มจากที่เราไม่เชื่อ ยังคิดว่าหาวทำไมไม่ไปหลับ แล้วอ้วกทำไมไม่ไปหาหมออะไรอย่างนี้ แล้วหลานเขาก็บอกเราว่าเขาจบวิศวะนะ เราก็ยังเถียงเลยว่าเขามาเป็นหมอผีได้ยังไงอย่าไปดูอันนี้มันไม่ได้จริงแน่นอน เพราะเริ่มจากความเกลียดแล้วพอเราเข้าบ้านมาแล้วเขายังดูกันอยู่เราก็ทำนิสัยไม่ดี โมโหจัดวันนั้นเราก็ถีบโทรทัศน์เลย

ถาม : ย้อนกลับไปตอนที่เราเจอกันครั้งแรกความรู้สึกของทั้งสองคนหลังจากคุยกัน 4 เดือน ตอนที่เจอครั้งแรกเรารู้สึกยังไง ?

น้ำฟ้า : ตอนนั้นคือ เราอยากเอาเงินไปให้เขาเพราะว่าเราป่วยหนักมากตอนนั้น เราคิดว่าอีกไม่นานเราคงจะเสียชีวิต หนูถือเงินไปให้เขาทำสร้อย โรเล็กซ์

หมอปลา : คือ ต้องบอกแบบนี้นะครับ ก่อนที่เขาจะเจอผมเขาชอบเที่ยวต่างประเทศ เขาใช้เงินแบบไม่เสียดายเลยเพราะเขาคิดว่าเดี๋ยวเขาต้องตาย ซึ่งเขาก็ขนเงิน ทอง มาให้เรา เราก็ใส่ให้เขาเห็น 1 นาทีแล้วก็คืนให้เขา ผมก็บอกเขาไปว่าผมไม่ใช่กุมารทอง ไม่ชอบ

น้ำฟ้า : หนูก็เลยฝากให้พี่สาวเขา พี่สาวเขาก็ไม่เอา แล้วเขาก็เรียกหนูกลับมา

หมอปลา : คือ วันนั้นมันเป็นแผนอยู่แล้วครับ คือ แผนคือผมต้องเอาให้ได้เพราะว่ากว่าจะหลอกล่อมาที่บ้านของผมได้ใช้เวลาตั้ง 4 เดือนกว่านะครับ แล้วพอมาคือ เขาเพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาด้วยเลยให้พาไปนอนบ้านน้องสาว แต่พอเจอหน้ากันครั้งแรกผมเปิดรถแล้วก็หอมแก้มเขาเลย เขาก็ตกใจเหมือนไม่เคยเจอผู้ชายหอมแก้ม แล้วก็หลอกให้เขาไปนอนบ้านน้องสาวแล้วก็จัดการเลยพี่เรียบร้อย (หัวเราะ)

น้ำฟ้า : คือ เราก็ไม่ทันโกรธ เพราะว่าเราช็อกมากกว่า แล้วหลังจากวันนั้น เราก็อยู่กับเขาไปเรื่อยๆเริ่มจากวันที่อยู่แล้วหนูก็จำคำพูดของ พี่อ้อย พี่ฉอด ที่ว่า คนมันต้องเสมอต้นเสมอปลายเสมอไป แล้วเขาจะทำได้ไหม 3 คำนี้

หมอปลา : ผมก็เพิ่งมารู้วันนี้ที่มาออกรายการนี้นะครับ ว่าวลีที่เขาเอามาพูดที่เขาสอนผมเนี่ยมาจากรายการผมเพิ่งรู้จริงๆ

น้ำฟ้า : ซึ่งเขาก็แสดงให้เราเห็นนะคะ ทั้ง VDO CALL ให้เราเห็นให้เราได้เจอกันตลอดอย่างนี้ค่ะ ซึ่งทุกคำที่พี่อ้อย พี่ฉอด สอนคือ ไม่ได้สอนให้น้องใจง่ายนะ แต่สอนให้มีสติแล้วค่อยๆคิด ค่อยๆวิเคราะห์แล้วก็ดูคนอย่างนี้ คือคนที่ใช่ยังไงก็คือคนที่ใช่เราไม่ต้องไปวิ่งตาม

หมอปลา : แล้วสิ่งที่เขาบอกกับเราคือ พี่จำไว้นะ ถ้าเราอยู่ด้วยกัน 1.เราห้ามโกรธพร้อมกัน 2.ตอนทะเลาะกันห้ามขึ้นเสียง 3. เราต้องทะเลาะกันอย่างไรก็แล้วแต่ต้องนอนกอดกัน นี่คือสิ่งที่ผมสอนผม แล้วทุกวันนี่พอทะเลาะกันเป็นยังไง เขาคนเดียวเลยที่เขาสอนผมไม่ให้ผมทำแต่เขาทำได้ คือสิ่งที่เขาสอนผมคือ เขาไม่ได้ทำนะเขาให้ผมทำ คือ พอทะเลาะกันผมต้องกอดเขาไว้ เชื่อไหมบ้างครั้งผมต้องเอาโซ่มัดเลยนะ คือข้อเสียของภรนยาผมเขาเป็นคนใจร้อนมาก บางครั้งผมร้องไห้นะเพราะเขาใจร้อน คือใครเห็นผมในทีวีจะเห็นว่าผมเป็นคนใจร้อนนะ แต่ไม่ใช่เลยในชีวิตจริงเขาใจร้อนกว่าผมคือคนนี้ ผมเป็นคนมีเหตุผล แต่ที่ผมเสียงดังเนื่องจาก ผมต้องทะเลาะกับพวกหมอดูร่างทรง พวกพระนอกรีต คนเลยมองว่าผมแรง แต่คนที่แรงจริงๆคือคนนี้

ถาม : คุณน้ำฟ้า รู้ไหมว่าคุณสมบัติอย่างหนึ่งของ หมอปลา คือ คนเห็นผีแล้วเรารู้สึกโอเคกับสิ่งนี้ไหม เราโอเคกับสิ่งนี้ไหม หรือเรากลัวกับสิ่งนี้ไหม ?

น้ำฟ้า : ตอนแรกหนูไม่เชื่อแล้วลบหลู่ค่ะ ไม่ได้คิดอะไรแล้วก็ไม่ได้กลัวด้วย แต่พออยู่ใกล้ๆกับเขาแล้วก็ไปเห็นหลายๆเหตุการณ์ ตอนนี้คือ ไม่ลบหลู่ แล้วค่ะ

ถาม : แต่สิ่งหนึ่งที่ น้ำฟ้า ทำก็คือ นำเงินทองมาให้เขาเลย ?

น้ำฟ้า : ใช่ค่ะ เพราะว่า เขา อยากซื้อที่แต่ซื้อแล้วเป็นชื่อหนู แต่ให้คนอื่นอยู่ฟรีนะ ไม่มีรายได้อะไร เขาก็รับคนป่วยที่เหนือธรรมชาติมาอยู่กับเขา แล้วก็ที่ไม่มีใครต้องการที่โดนทิ้ง แต่ต้องไม่เก็บเงินให้อยู่ฟรี เพราะเขาบอกเราว่าอย่างสะสมเงิน หรือ สะสมทรัพย์ ให้สะสมบุญบารมี ถ้าตายไปคือเขาบอกเขารวยบุญนะ แต่ชาตินี้ไม่มีสมบัติ ไม่มีเงินไม่มีทองมีแต่หนี้ พอหนูมาทำร่วมกับเขาอยู่กับเขา คือ หนูไม่ได้ป่วยหรือต้องมาให้เลือดอะไรอีกเลย อาการป่วยของเราคือหายไปเลย

หมอปลา : พี่อ้อย พี่ฉอด พี่อั๋น เผื่อหลายคนถามว่าเราอยู่กันได้อย่างไร ผมบอกเลยว่าภรรยาของผมเขาปรับเปลี่ยนตัวเองเยอะมาก สมัยก่อนเขาต้องใช้ของ Limited อย่างเดียว น้ำหอม เสื้อผ้า รองเท้า ทีนี้เราก็สอนเขาว่าเราเอาเงินที่เราซื้อของแพงๆเราเอาไปให้คนที่เดือดร้อนดีกว่าไหม

น้ำฟ้า : เมื่อก่อนคือ จะฟุ่มเฟือยมากแต่ตอนนี้เราก็เอาของเก่ากลับมาใช้ใหม่หมดจะไม่ซื้อใหม่ เพราะว่าเรามาประทับใจเขาเรื่องหนึ่ง คือ เขาจะใส่รองเท้าช้างดาวที่หนีบใช่ไหมคะ เพิ่งซื้อแล้วก็วางไว้ แล้วทีนี่มีคนแก่ที่มารักษา คุณลุง ที่มารักษา รองเท้าเขาขาดแล้วเขาเห็นรองเท้าหมอปลา ใส่เข้าปุ๊บ แต่เขาก็ถือรองเท้าตัวเองด้วย แบ้วพอเราเห็นเราก็จะเดินไปเอาคืนแล้ว หมอปลา เขาก็จับมือเรา ฟ้า ให้เขาไปแล้วแกก็เดินเท้าเปล่า คือ (พูดเสียงสั่นๆจะร้องไห้) ก็ไม่ได้มีรองเท้าแต่ก็ให้เขา เราได้เห็นเขาตอนนั้นคือช่วงแรกๆที่อยู่ด้วยกัน

หมอปลา : คือ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกายผมเป็นคนที่อะไรก็ได้ แต่พอมาอยู่ด้วยกันคนบอกว่าไม่เกิน 3 เดือนเลิก ด้วยการใช้ชีวิตที่ค่อนข้างจะแตกต่างผมจากคนที่นอนพื้นพอมาอยู่กับเขาเราก็ต้องปรับเปลี่ยนเขาต้องนอนห้องแอร์ ทั้งที่ผมไม่ชอบแอร์

หมอปลา : ผมอยากจะบอกว่าตอนที่เรายังมีชีวิตอยู่อะไรที่เรารักเขานะ เราต้องทำให้เขาเลย อย่าทำแต่ปากเราต้องลงมือทำให้เขาเลยแต่วันนี้สังคมไทยดูแต่ปากบอกรักแต่ใจการกระทำมันไม่รัก ผมอยากให้มุมมองว่าให้ลงมือทำก่อนที่เราจะไม่ได้ทำเพราะหลายเคสพอสูญเสียไปแล้วเพิ่งลงมือทำ แสดงความรัก โดยเฉพาะการรักพ่อรักแม่ หลายคนที่พอพ่อแม่เสียชีวิตไปแล้วตัวเองกลับเป็นคนดีแล้วพ่อแม่จะรู้ได้ไงว่าเรากลับตัวเป็นคนดี คือ อันนี้ผมมีแรงบันดาลใจมาจากเคสหนึ่งที่จังหวัดชลบุรี ลูกชายติดยาเสพติดตำรวจจับได้ ลูกชายก็มากราบเท้าแม่ว่าหนูจะไม่ทำแล้ว อีก 1 สัปดาห์ ตำรวจโทรมาอีกว่าเจอลูกชายจับยาได้อีกแล้ว แม่ช็อก แล้วเส้นเลือดในสมองแตกต้องเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งตอนนี้ลูกชายเลิกยาแล้วแต่แม่เป็นเจ้าหญิงนิทรา ไม่รับรู้แล้ว ผมจึงรู้สึกว่าเราต้องแสดงกันตอนที่อีกคนหนึ่งเขายังมีชีวิต ไม่ใช่ตอนที่เขาเสียไปแล้วเพิ่งแสดงว่าตัวคุณคือ คนดี ผมถึงพูดว่าคำ ขอโทษ ไม่จำเป็นอย่าเอาไปใช้เลย เพราะเราจะได้ไม่ทำผิด ทุกวันนี้ ฆ่าคนตาย ขโมยของ สุดท้ายก็ต้องขอโทษ แต่ถ้าเราไม่ฆ่าเขา ไม่ขโมยของเขา เราก็ไม่ต้องใช้คำว่า ขอโทษ คำนี้อย่าใช้ดีที่สุด

ถาม : การเป็นผู้ให้ อย่างที่หมอปลา ทำอยู่โดยที่ยังสามารถมีชีวิตคู่ของความเป็นชีวิตรักที่ปกติเหมือนคนทั่วไปได้ เคยคิดที่จะทำมีเวลาครอบครัว ไหมอย่างเช่น 6 วันช่วยคน แล้ววันอาทิตย์คือวันของครอบครัวมีวันแบบนี้ไหม ?

หมอปลา : คือ ต้องบอกแบบว่ามันเอาแน่เอานอนไม่ได้เลยครับ เพราะอย่าเรานอนอยู่ตี 1 ตี2 มีคนมาเคาะเรียกหมอช่วยหน่อยคนโดนผีเข้าคือ มันไม่มีตรงนั้นเลย เพราะมันเอาแน่ไม่ได้ อย่างผมมาถ่ายรายการอยู่ตอนนี้แล้วมีคนส่งข้อความมา ถ้าผมอัดรายการเสร็จผมก็ต้องไปเลย ซึ่งเป็นแบบนี้บ่อยมาก และมันชินแล้ว ซึ่งผมทั้งสองคนคือต้องปรับตัวมากกว่าเอาเวลาแค่ 5-10 นาที เติมเต็มให้กันและกัน แต่จะให้เป็นวันผมว่าซาตินี้ไม่ได้แน่ๆ ซึ่งเวลาที่ไปรับเคส หรือ ออกไปเคสต่างๆ น้ำฟ้า เขาก็ไปด้วยครับ

น้ำฟ้า : เพราะหนูคิดว่าถ้าเขาไม่มีเวลาให้เราไม่เป็นไร เดี๋ยวจะเกาะติดเวลาของเขาเอง เพราะไม่ว่าจะไปไหนก็จะสิงเขาไปทุกที่ทุกครั้งที่เห็น หมอปลา ก็จะเห็นหนูตลอดเพราะหนูจะเป็นฝ่ายที่เกาะติดเขา เพราะทุกคนขโมยเวลาของหนูไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้น หนูก็ต้องแบบแอบขโมยเวลาตัวเอง ไปไหนไปด้วยไปทุกที่ แต่แก่ก็พูดก่อนอยู่แล้วว่าแก่ไม่ได้มีเวลาให้ใครนะ เราก็บอกว่าไม่เป็นอะไร เดี๋ยวหนูจะปรับตัวของหนูเองเดี๋ยวหนูจะเกาะติดพี่เลยแล้วกัน มันก็ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา อย่างอยู่ในบ้าน เราก็กอดเขา บอกรักเขาตลอดเวลาอยู่แล้ว

หมอปลา : คือ ผมสองคนจะแสดงความรักทุกที่เลยครับ แม้ต่อหน้าคนเราก็ไม่อายนะ ในสิ่งที่เราทำ เพราะขนาดต่อหน้าคนป่วย เราก็กอด ก็บอกรักกันกันเราแสดงกันตลอดเวลาอยู่แล้ว ไม่อายคนเพราะว่าหน้าด้านประเด็น (หัวเราะ)

ถาม : มีอะไรที่คุณน้ำฟ้า อยากจะบอกผู้ชายคนนี้บ้าง ?

น้ำฟ้า : คือ หนูก็รักเขามากพออยู่แล้ว คือ ชอบที่เขาเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายและเขาก็ทำให้เห็นว่าเขาจะเป็นแบบนี้เสมอไป เขาดีพออยู่แล้ว และมากไปด้วยซ้ำ ไม่มีอะไรนอกจากบอกรักเขามากที่สุดค่ะ

หมอปลา : คือผมเป็นคนที่ไม่บอกเพราะเราเป็นคนที่ลงมือทำให้ดู เดี๋ยวเราไปบอกเขาแล้วเขาก็จะหาว่าแล้วทำไมเราไม่ทำ ก็ทำแล้วไม่บอก

น้ำฟ้า : เขาไม่เหมือนคนอื่นคือจะไม่มีการให้ช่อดอกไม้ หรือคุกเข่าบอกรักนะคะ แต่หมอปลา เขาจะทำให้หนูรู้สึกว่าเขาเป็นคนพิเศษได้ทุกวันทุกนาทีอยู่แล้ว เขาบอกว่าเขารักหนูอยู่แล้ว และทุกวันคือวันที่พิเศษที่สุดทุกวันอยู่แล้ว

เรียกได้ว่าก็ทำให้เราได้เห็นจุดเริ่มต้น และสิ่งที่ หมอปลา ตั้งใจจะช่วยเหลือผู้อื่นโดนไม่หวังสิ่งตอบแทน อีทั้งยังได้เผยข้อคิดดีๆให้หลายๆคนได้มีสติอีกด้วย แอดขอชื่นชมทั้งคู่ค่ะ และขอให้ทุกคนใช้วิจารณญาณในการรับชมด้วยค่ะ