เปิดใจ โน๊ต เชิญยิ้ม และลูกชาย กับความในใจของคนเป็นลูก ที่พ่อไม่เคยรู้

ตลกชื่อดัง โน๊ต เชิญยิ้ม และลูกชาย โน๊ต จูเนียร์ ออกมาเปิดเผยเรื่องราวชีวิตวัยเด็ก กับความรู้สึกของการถูกมองว่าเป็นลูกตลก

นักแสดงตลกชื่อดัง โน๊ต เชิญยิ้ม ควงคู่ลูกชายคนโต โน๊ต จูเนียร์ ได้ออกมาเผยเรื่องราวชีวิต และการเป็น ลูกตลก ที่ไม่ได้ ตลก อย่างที่ทุกคนคิด ทั้งโดนล้อ โดนแกล้ง และถูกกดดันมาโดยตลอด ว่าตนเองนั้นอยู่แค่ใต้เงาพ่อ ซึ่งผู้เป็นพ่อไม่เคยรับรู้เรื่องนี้มาก่อน เปิดใจพูดเป็นครั้งแรก ผ่านรายการคุยแซ่บ SHOW

ย้อนไป 41 ปีที่แล้ว วันที่ลูกชายคลอดเป็นวันที่ลืมไม่ลง?

อาโน๊ต : ลืมไม่ลง ต้องขอบคุณสวรรค์ที่เขาส่งเด็กผู้ชายคนนี้เกิดขึ้นมา วันที่เขาจุติมาเกิดคือวันเดียวกับคำว่า เชิญยิ้ม ถ้าถามว่า เชิญยิ้ม กี่ปีนับอายุเขาเลย

เป็นวันเดียวกับที่นามสกุล เชิญยิ้มเกิด ขึ้นมา?

อาโน๊ต : ครับ เพราะว่าวันนั้นภรรยาปวดท้องจะคลอด เราก็นั่งแท็กซี่ไปส่งคลอดที่โรงพยาบาล บอกภรรยาว่าอยู่นี่นะเชิญคลอดตามสบายเพราะนัดเพื่อนไว้ ต้องการไปหาหลวงพ่อจะตั้งคณะ ตลก ก็ให้เมียอยู่โรงพยาบาล เราก็มาตั้งชื่อ เชิญยิ้ม ชื่อจากหลวงพ่อ แล้วเราก็กลับไปโรงพยาบาลเมียคลอดแล้วเป็นลูกผู้ชาย เราก็ดีใจไชโยเลย ดีใจได้ลูกผู้ชาย ตอนนั้นจะกินยังไม่มีเลย ไม่มีการไปอัลตร้าซาวด์ ตามมีตามเกิด เราคิดว่าลูกคนแรกเป็นเพศใดก็ได้

อยากได้ลูกชาย?

อาโน๊ต : อยากได้มาก เพราะเรารู้สึกว่าลูกชายจะดี ตอนนั้นเราแย่มาก คือเกินกว่าความลำบากอีก ถ้าเป็นผู้ชายน่าจะมาต่อสู้ด้วยกันได้

ไม่มีเงินจะจ่ายค่าคลอด?

อาโน๊ต : ไม่มีครับเปียแชร์ไม่ได้ ก็ไปยกมือไหว้เขา จำได้ว่าโรงพยาบาลหัวเฉียว แต่จำชื่อท่านที่รับผิดชอบไม่ได้ ยกมือไหว้บอกเขาว่าขอเอาเมียกับลูกมาอยู่บ้านก่อนได้ไหม เดี๋ยวผมเปียแชร์ได้จะเอาเงินไปให้ พอเปียแชร์ได้เอาเงินไปให้เขา เขาถามว่าเงินอะไรต้องอธิบาย เขาบอกคุณเป็นคนดี ที่จริงทางโรงพยาบาลแทงเป็นหนี้สูญแล้ว ตอนนั้นผมก็ยังไม่เป็น โน๊ต เชิญยิ้ม เป็นใครก็ไม่รู้ ผลที่สุดเขาไม่เอาเงิน เขาบอกคุณเอาไปเป็นค่านมแล้วกัน พูดเป็นร้อยครั้งก็ไม่ลืม

ทราบเรื่องนี้ไหม?

พี่โน๊ต : จริงๆ ได้ยินบ่อย ป๋าเคยเล่าแม่เคยเล่าว่าสมัยก่อนลำบากยังไง ส่วนเรื่องนี้ได้ยินมาน่าจะร้อยครั้งแล้วมั้ง ผมเคยคิดอยากเจอผู้อำนวยการสักครั้งเหมือนกันที่เขาเป็นคนช่วย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้

อาโน๊ต : ระลึกถึงตลอดเวลา

ตั้งคณะ เชิญยิ้ม แล้ว ทำงานจนไม่มีเวลาสนิทกับลูก?

อาโน๊ต : ลูกผมทุกคนผมห่างหมด พอมามีหลานรักหลานเยอะ เราสนิทกับหลานเพราะเรามีเวลา ตอนลูกผมหามรุ่งหามค่ำแทบไม่ได้เข้าบ้าน ถ่ายละคร เล่นคาเฟ่ ห่างลูก ห่างซะจนใจหาย พอมานึกถึงตอนนี้ละย้อนไปใจหายมาก ทำไมเราไม่สนิทกับลูกเลย แทบไม่เห็นช่วงที่ลูกเติบโต ยิ่งพอเขามาเข้าเรียนอยู่โรงเรียนประจำยิ่งห่างกันใหญ่เลย เพียงแต่เขารู้ว่าเขามีพ่อเท่านั้น

ความรู้สึกเป็นยังไงบ้างที่ไม่ค่อยสนิทกับคุณพ่อ?

พี่โน๊ต : ถ้าช่วงเด็กไม่ค่อยได้รู้สึกอะไรเราไม่ค่อยได้คิดอะไร มีคิดบ้างแต่สุดท้ายป๋าก็พยายามที่จะพาไปเที่ยว จนมาถึงในวัยช่วงมัธยมถูกส่งไปประจำตอนนั้นคิดหนักเลย คิดว่าป๋ากับแม่ไม่รัก

ทำไมส่งลูกไปโรงเรียนประจำ?

อาโน๊ต : มันหลายประเด็น ในวัยเขาเริ่มเกเร อีกประเด็นเราไม่มีเวลาอยู่บ้าน แล้วประเด็นสำคัญที่สุดคนจบที่นั่นเก่ง

ทำไมรู้สึกว่าป๋าไม่รัก?

พี่โน๊ต : มันมีเหตุ เราใช้ชีวิตจากที่พ่อแม่เลี้ยงดูมา วันนึงต้องไปอยู่ไกลเขาที่แทบไม่ได้เจอ น้องชายไปด้วย จนวันนึงน้องแผลงฤทธิ์ติดสินบนยามเพื่อกลับบ้าน พอมันทำยังงี้สัก 2 ครั้งป๋ากับแม่ก็เอามันกลับ วันที่ป๋ากับแม่มารับน้องกลับเขาพูดว่า เรียนแทนป๋าได้ไหมกว่าป๋าจะเอาเข้ามาอยู่โรงเรียนนี้ได้ถือว่าเรียนแทนน้อง เรารู้สึกป๋ากับแม่ไม่อยากให้เราอยู่ใกล้ เราร้องไห้ร้องทุกวัน

ทำไมยังฝืนลูก?

อาโน๊ต : ผมเคยพูดกับเขาช่วยเรียนแทนพ่อที เพราะพ่อไม่ได้เรียน พ่อแม่ของพ่อไม่มีตังค์ เอ็งต้องได้เรียนเพราะพ่อเริ่มมีตังแล้ว เวลาวันศุกร์ตอนเย็นผมจะพยายามไปรับเขา ผมสังเกตลูกหลายครั้งเขาดู ภูมิใจ ในตัวผม เขาพยายามมองคนว่ามองเขาไหมว่าคนที่มารับคือ ตลก โน๊ต เชิญยิ้ม ผมโกรธมากตอนลูกเรียน รด. เขาโดนครูฝึกใช้ร้องเท้าเตะหน้าแข้งลูกบวมเลย แบบหมั่นไส้ว่ามึงลูก โน๊ต เชิญยิ้ม เหรอ ไม่ใช่ว่าลูกทำผิดอะไร เป็นลูก ตลก เลยโดนเตะ

พี่โน๊ต : มันเหมือนถูก แกล้ง เวลาคนอื่นโดนลงโทษเราจะโดนมากกว่าชาวบ้านเขาเท่าตัว

สมัยก่อน อาชีพตลก เป็นอาชีพที่คนดูถูก?

อาโน๊ต : ผมว่าไม่น่าเกี่ยว

การเป็นลูก โน๊ต เชิญยิ้ม ในวัยเด็กลำบากไหม?

พี่โน๊ต : ลำบากครับ มันถูกเปรียบเทียบก่อน ในวัยเด็กเราถูก แกล้ง เขาถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร เราบอกอยากเป็น ผู้กำกับ หนัง ซึ่งโดนหัวเราะ ครูก็หัวเราะ ทำไมไม่อยากเป็น ตลก เหมือนพ่อเหรอ มันโดนมาตลอดถูก แกล้ง ถูกล้อ ก็เป็นเรื่อง ตลก ในวัยเด็ก แต่ความยากจริงๆ น่าจะเป็นตอนที่เราเริ่มทำงานแล้ว เข้าไปเรียนฟิล์มจนฝึกงานกองละคร ตอนยื่นเราไม่ได้บอกใคร ไม่รู้ว่าเขารู้ไหม จนวันนึงมีวอล์เข้ามาว่าเดี๋ยวรถคันนี้เข้ามา ก็เป็นพ่อเรา ป๋าก็ไม่รู้ว่าเรามาฝึกกองนี้ เราก็ไม่รู้ว่าป๋าเล่นเรื่องนี้ เราก็ทำงานมา 2-3 คิว แต่ด้วยความคนเป็นพ่อไปแนะนำให้ ผู้กำกับ รู้จักนี่ลูกชายฝึกงานเรียกไปไหว้ พอช่วงบ่ายเด็กฝึกงานไปช่วยกันกั้นรถ กั้นคนผมก็ไปกั้น สักพักมีร่มมาพี่ตลกในเรื่องนั้นเดินมากางร่มให้ จากวันนั้นไม่ได้ทำอะไรอีกเลยโดนลากขึ้นรถโอบีไปนั่งแอร์เย็นๆ สุดท้ายลาออกบอกป๋าเลยขอออก ไปฝึกงานในที่ที่ไม่มีใครรู้จักดีกว่า

ลูกพยายามหนีเงาของพ่อ?

พี่โน๊ต : ถ้าคนรู้จักจริงๆ มันหนีไม่พ้น ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ผมกับเพื่อนๆเคยได้รางวัลสุพรรณหงส์หนังสั้น เราพยายามจะหนีเขาแหละ เคยขึ้นเล่น ตลกนะตอนเด็กๆ เรารู้สึกว่าเราไม่ได้

อาโน๊ต : สิ่งที่ผมยืนดูข้างเวทีคอนเสิร์ตแล้วผมร้องไห้ เพราะรู้ว่าลูกไม่ถนัด เขาขึ้นไปร้องเพลงแต่งตัวเป็นก๊อตเพราะพ่อบอกให้เขาแต่ง เพลงลูกทุ่งเขาก็ไม่ถนัด ผมยืนอยู่ข้างเวทีผมร้องไห้คิดในใจว่าพ่อแม่รังแกฉันหรือเปล่า เราไม่รู้ว่าที่ลูกทำเพราะเขาเกรงใจหรือเขารักพ่อ

พี่โน๊ต : จริงๆ ฝืนใจมาตลอด เพียงแต่ว่าเราพยายามจะเป็นเด็กดีโดยที่ฝืนตัวเอง จนกระทั่งเรามาทำงาน ผมไม่เคยอยากทำ หนังตลก แต่ทำได้ แต่มันรู้สึกว่าไม่ใช่ตัวเราเลย เราไม่เคยพิสูจน์ตัวเองในมุมนี้ได้ ด้วยความที่เราทำ งานเบื้องหลัง มันจะมีเสียงตามมาตลอดว่ามีเงาเขาอยู่ ทั้งๆที่ในหลายๆครั้ง เราคิดงานเอง เราขายงานเองโดยที่ไม่เคยมีเขามาทำอะไร แต่มันโดนในมุมนี้มาตลอด เราพยายามหนีแต่หนีไม่พ้น นับรวมๆ 37 ปี ที่หนี จนเรามาขายงานเอง ไปขายที่ไหนก็จบด้วยคำว่า ทำ ตลก เถอะเอาป๋ามาโน่นนี่ เราต้องหาเงินเราเลยต้องทำในสิ่งที่เราไม่อยากทำ ผมไปทำยันผู้จัดการทีมฟุตบอลอะไรก็ได้ที่หนีไม่อยากมีเงาเขาอยู่ เราถามตัวเองว่าพยายามหนีอะไรจนออกมาไกลตัวเองขนาดนี้ แล้วทำไมต้องหนีตัวเอง อยากเป็น ผู้กำกับ หนัง ก็ต้องพยายาม จนได้มาทำอีเวนท์ โปรดักชั่น ทำซีรีส์ ทำ หนัง

ยังหนีเงาของโน๊ต เชิญยิ้ม อยู่ไหม?

พี่โน๊ต : พี่ว่าพี่ออกมาจากเซฟโซนแล้ว มันโตขึ้นกลายเป็นว่าวันหนึ่งอยากทำให้เขา ภูมิใจ ในสิ่งที่เราไกลออกมาจากเงาเขาด้วยความน่าภาค ภูมิใจ มากกว่า มันไม่ได้เป็นการหนีเป็นการพยายามพิสูจน์ตัวเองมากกว่า

ในเงาของป๋าได้โอกาสดีๆ มากกว่าคนอื่นไหม?

พี่โน๊ต : จริงๆ ได้มากกว่าเราไม่เถียง มันได้แบบไหน มักจะมีคำทำ หนังตลก สิ เอาพ่อมาเล่น งานกำกับมันต้องเป็นตัวเรา ต้องไม่มีเงาของใครสักคนนึงที่เข้ามาแปะ

ป๋ารู้สึกอย่างไร?

อาโน๊ต : ผมก็เพิ่งได้ยิน ผมไม่คิดอะไรอยู่แล้ว ลึกๆผมภูมิใจกับลูกคนนี้มาก ภูมิใจทุกงานที่เขาทำ ผมคนนึงอยากจะทำอะไรแบบที่ตัวผมเองอยากทำ มีหนังละครหลายโปรเจกต์ยื่นมาให้ผม ถ้ามันไม่เป็นผมผมก็ไม่ทำ ผมภูมิใจจริงๆ ผมไม่ตั้งใจจะให้เขาอยู่ในเงาของผม

ภูมิใจในตัวป๋าไหม?

พี่โน๊ต : ต่อให้พยายามหนีเท่าไหร่ ผมไม่เคยปฏิเสธตัวตนเรื่องนี้เลยว่าผม ภูมิใจ ในตัวเขา วิธี การแสดง ของผมกลายเป็นว่าคำว่า ลูกตลก เราต้องพยายามพิสูจน์ตัวเองเพื่อให้รู้ว่าการเป็น ลูกตลก เจ๋ง ภูมิใจ มากครับ ไม่เคยไม่กล้าบอกใครตั้งแต่เด็กจนโต ต่อให้ถูกล้อถูกแกล้งผมก็ยังภูมิใจอยู่ดีกับการที่ผมเป็นลูกชายโน๊ต เชิญยิ้มครับ

ทำไมไม่ค่อยบอกรักกัน?

อาโน๊ต : ตอนหลังนี่บอกรักกันบ่อย

พี่โน๊ต : จริงๆ แอบเขิน ก็รักเป็นห่วงแหละ

อาโน๊ต : ป๋ารักลูกไม่มีข้อแม้กิก ดนัย โอด เพราะโควิด ทำร้านอาหารกระทบหนัก

คลิปอีจัน แนะนำ
กิก ดนัย โอด เพราะโควิด ทำร้านอาหารกระทบหนัก