เพื่อนเตือน แจ็ค ฟีนิกซ์ มีอาการ คล้ายเป็น โรคซึมเศร้า

เพื่อนเตือน แจ็ค ฟีนิกซ์ มีอาการ คล้ายเป็น โรคซึมเศร้า เจ้าตัวรับ ชอบอยู่คนเดียว บอกเตรียมไป ปรึกษาหมอ

อยู่ๆก็ออกมาไลฟ์สดเหมือนกับเป็นการบอกลา ทำเอาเพื่อนๆรวมถึงหลายคนที่รู้จัก แจ็ค ฟีนิกซ์ ช่างทำผมชื่อดังตกอกตกใจ ต่อมาเจ้าตัวตัดสินใจไลฟ์สดอีกครั้ง ร้องไห้ พร้อมขอโทษที่ขาดสติ ล่าสุด อีจันบันเทิง ได้มีโอกาสพูดคุย เปิดใจกับพี่ แจ็ค ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยเจ้าตัวเล่าว่า

“พี่มีปัญหามาซักประมาณเดือนนึงแล้ว มีปัญหาครอบครัว คนรอบข้าง รอบข้างหลายๆคนไปยุ่งกับยาเสพติด เราผิดหวังมาก ส่วนในเรื่องของครอบครัวคุณแม่ของพี่ แจ็ค เป็นเส้นเลือดในสมองตีบ เข้าไอซีอยู่บ่อยๆ คุณพ่ออายุ 71 คุณแม่ 69 เขาก็ดูแลกันมา เราเครียดเรื่องพ่อกับแม่อยู่แล้วในเรื่องของการดูแลรักษา อยากจะไปหาก็ไปไม่ได้เพราะกลัวจะเอาเชื้อโรคไปให้เขา ในเรื่องของคนรอบข้างที่ผ่านมาพี่เคยตัดผมให้กับทางตำรวจซึ่งเวลาเขาสงสัยอะไรหรือมีกลิ่นอะไรแปลกๆเค้าก็จะโทรมาบอกพี่ โดยที่ผ่านมาน้องๆของพี่ถ้าใครยุ่งกับยาเสพติดพี่ก็จะส่งให้ตำรวจรวบเลย”

“ทีนี้มันเริ่มรับไม่ได้เพราะมันใกล้เข้ามาในชีวิตของเรามาก พี่ไม่พูดกับใครเลยมาประมาณซัก 3-4 อาทิตย์ พี่รู้สึกว่ามันหนักเกินไป เราคิดว่าเรื่องตรงนี้เรารับไม่ไหวแล้ว อยู่ๆก็มาเจอเรื่องของล็อคดาวน์อีก ทุกอย่างมันรุมเข้ามาเหมือนเราสูญเสีย ความรู้สึกตอนนั้นคือมันผิดหวัง ร้านของพี่ แจ็คส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติซึ่งพอมีเรื่องของ โควิด เขาก็บินมาไม่ได้ อารมณ์คือมันดิ่งมาก มันรู้สึกว่ามันไม่อยากอยู่แล้ว ชีวิตมันไร้ค่า พี่นอนไม่หลับมาตลอดนอนวันละ 2 ชั่วโมงขอบตาดำไปหมด เป็นมาประมาณเดือนนึง อารมณ์ตอนนั้นพี่รู้สึกว่ามันหนักจนพี่ไม่อยากอยู่แล้ว ตอนนั้นที่พี่ แจ็คพูดว่าพี่ไม่เหลืออะไร ถ้าเป็นคนบางคนอาจจะทนไม่ได้หรอก คือความรู้สึกเรามันขาดเพื่อน ขาดสังคม ขาดทุกอย่างไปหมดเลย มันเหมือนคนที่เคยมีแล้วรับอะไรแบบนี้ไม่ได้ รวมไปถึงเรื่องของการช่วยเหลือของรัฐบาล ต่างๆที่เราได้รับ มันก็ไม่ได้ออกมาพร้อมกัน เช่นประกาศล็อคดาวน์แต่ไม่ได้มีบอกว่าจะต้องทำอะไร จะมีการช่วยเหลืออย่างไร มันเป็นหลายหลายอย่างที่เรารับไม่ได้”

“เหตุการณ์วันนั้นคือพี่ แจ็ค ไปหาข้าวกิน ตอนแรกไม่ได้คิดอะไร จิตมันเริ่มหลุดไปแล้ว อยู่ๆก็เดินไปที่สะพานพุทธ นั่งอยู่ซักระยะหนึ่ง ก็นึกขึ้นได้ว่าเราอยากลาใคร ซึ่งในช่องทางที่เราไลฟ์สดอยู่ทุกวันนี้ก็มีคนรู้จัก รวมถึงน้องสาวที่อยู่ต่างประเทศคอยดูอยู่ ก็คิดว่าเป็นช่องทางเดียวที่เราจะพูดไปโดยที่ไม่ต้องโทรหาทีละคน เป็นการบอกลาทุกคนครั้งเดียว เราไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตอะไร แค่คนคนหนึ่งตายไปก็จบ หลังจากปิดไลฟ์สดจบพี่สาว น้องสาว และคนที่รู้จักทุกคนก็กระหน่ำโทรกันเข้ามา ซึ่งพี่ แจ็ค ก็ฉุกคิดได้ก็กลับมาร้องไห้ที่คอนโด น้องสาวก็บอกว่าจะทิ้งเค้าทำไม เราลำบากมาด้วยกันนะ ทำไมต้องแบกรับปัญหาของคนอื่นมาใส่หัวของตัวเอง พี่ก็เลยตั้งสติได้ว่าปัญหาทั้งหมด มันไม่ได้เกิดมาจากตัวพี่ เราไม่ได้ทำ เราก็ไปคิดหาต้นต่อว่ามันคืออะไร ยอมรับว่าวันนั้นเป็นอารมณ์ชั่ววูบที่เราคิดไม่ได้”

ในตอนที่เราฉุกคิดได้ตอนนั้นมีคิดจะโทรหาคุณพ่อคุณแม่ไหม?

“พ่อแม่ตอนนั้นพี่ แจ็ค ไม่ได้คิด เพราะว่าท่านป่วย ถ้าเขารับทราบอะไรซักเรื่องหนึ่ง เส้นเลือดในสมองอาจจะแตกเลยก็ได้ ตอนนั้นคุณแม่พี่ แจ็ค เป็นเส้นเลือดในสมองตีบเพิ่งออกจาก ICU ยังบวมน้ำเกลืออยู่เลย ก็เลยเลือกที่จะไม่พูดหรือไม่บอก”

“เพื่อนพี่ แจ๊ค เองก็เคยคิดสั้นเหมือนกัน ซึ่งเค้าเป็น โรคซึมเศร้า แล้วเขาก็บอกพี่ แจ็ค ว่าเธอเป็นเหมือนฉันเลย เหมือน เพื่อนเตือน แล้วพี่ไม่รู้ตัว ช่วงหลังหลัง 2-3 เดือนที่ผ่านมานี้ พี่ มีอาการ พี่เลิกงานแล้วไม่ต้องการออกไปไหน เก็บตัวอยู่คนเดียวในห้อง ไม่เปิดเพลงได้ยินเสียงน้ำหยดไม่ได้ นั่ง เหม่อลอย ซึ่งพี่เองยังไม่ได้ไป ปรึกษาหมอ ว่าแท้จริงแล้วเราเป็น โรคซึมเศร้า หรือเปล่า เราก็ไม่คิดว่าเราจะเป็นขนาดนี้เห็นสภาพสังคมเห็นประชาชนแบ่งพรรคแบ่งพวก เดี๋ยววัคซีนไม่ได้ คนนี้ป่วยคนนั้นเสียชีวิตมันทำให้ความรู้สึกเรามันดิ่ง จิตมันตก พี่ก็แอบกลัวเหมือนกันนะถ้าพี่เป็น โรคซึมเศร้า จริงๆก็เลยคิดว่าเดี๋ยวอนาคตคงชวนน้องๆให้ไปเป็นเพื่อนไป ปรึกษาหมอ ด้านจิตวิทยา”

โควิดที่ผ่านมามันกระทบกับร้านเราขนาดไหนคะ?

“กระทบมากๆเลยค่ะ ตั้งแต่รอบแรกมาเราก็โดนปิดร้าน ซึ่ง สาขาที่พี่อยู่ค่าเช่ามันสูงมาก ก็หลายแสนบาท เปิดมาสักพักนึงก็ขาดทุนทุกเดือน เดือนละหลายแสนบาท เฉพาะสาขาที่สยามนี้นะคะ ส่วนในเรื่องของพนักงานเราก็ไม่กล้าที่จะลดเงินเดือนเขาเพราะเรารู้อยู่แล้วว่า ถ้าลดเงินเดือนเขาจะอยู่ไม่ได้ เนื่องจากเขามีค่าใช้จ่ายเยอะ เขามีพ่อมีแม่ต้องดูแลเหมือนกับเรา บางคนมีภาระมีลูก มีหลานเราก็เข้าใจ สุดท้ายก็ต้องควักเงินตัวเองเพื่อ จ่ายตรงนี้ ตั้งแต่ โควิด มารายได้ของร้านพี่หายไปกว่า 90% มันเยอะมากๆลองออกไปดูก็ได้ค่ะในสยามสแควร์ไม่มีใครอยู่ได้ ถามว่าทำไมร้านพี่ถึงได้เพราะว่าพี่เอาเงินเก่า เอามาโปะค่าเช่า พี่ก็หวังว่าสักวันนึง โควิด มันหายไปไม่อยู่ในโลกนี้แล้ว นี่คือแอบหวังนะคะ จะได้ไม่ต้องไปนั่งเริ่มต้นใหม่ เช่าร้านใหม่ก่อสร้างใหม่ ทนก่อนไหมปลอบใจตัวเองทุกวันนี้”

ในวันที่วิกฤตที่สุดเคยนั่งร้องไห้คนเดียวบ้างมั้ยคะ?

“ไม่ร้องไห้ค่ะ คือมันเกินเยียวยา นี่คือสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือน้ำตามันไม่ไหล ถ้าน้ำตาไม่ไหลคือมันเจ็บมากนะ พี่รู้สึกว่ามันลึกเกินไป ถ้าน้ำตามันไหลเราอยู่คนเดียวเราร้องไห้มันจะโล่ง แต่นี่มันไม่ออก เจ็บอยู่ข้างในมันคิดวนไปวนมา ถามว่าพี่ แจ็ค จะทนแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน คิดว่าไม่นานหรอก มีใครอยู่ได้นานเพราะสยามสแควร์ตอนนี้ไม่มีคนเดิน ไม่มีใครอยู่ได้และไม่ใช่เฉพาะที่สยามนะ ทั่วประเทศและทั่วโลกเลยก็ว่าได้ แต่ทีนี้เราก็ต้องทน พี่ก็คิดนะหรือเรายอมสละทุกอย่างปิดทั้งหมดแล้วไปอยู่ต่างจังหวัด พอเราหันไปเห็นพนักงานน้องๆของเราก็ทิ้งไม่ได้อีก”

“ตอนนี้พี่เริ่มด้วยการปล่อยวาง พี่ตัดทุกคนที่มันไม่ดีออกจากชีวิต แล้วพยายามไม่มองปัญหา ที่ผ่านมาพี่ยอมรับนะคะเหมือนพี่เป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ทำให้ทุกคนมีความสุขหัวเราะ แต่พี่ก็ไม่คาดคิด วันนึงมันจะตกกับพี่ แล้วทำให้พี่หาทางออกไม่ได้ มันเจ็บจริงๆนะ วันที่เราให้กำลังใจคนอื่นได้ ไม่ว่าจะทางไหนแต่สุดท้ายเรากลับให้กำลังใจตัวเองไม่ได้ ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าเราจะเป็นแบบนี้”

รู้สึกอย่างไรบ้างที่เพื่อนๆพากันโทรมาให้กำลังใจ?

“เพื่อนโทรมาเยอะเลยค่ะ แล้วก็ให้กำลังใจ (ร้องไห้) หลายๆคนบอกว่าอย่าเป็นอะไร สิ่งที่เราไม่คาดคิดนะบางคนบอกว่ามีปัญหาเรื่องเงินเหรอเท่าไหร่ให้บอก ไม่อยากปิดร้านก็ไม่ต้องปิด คำนี้คำเดียวทำให้พี่รู้สึกว่ามีคนรักเรามากขนาดนี้เลยเหรอ ซึ่งพี่เองก็ไม่อยากจะรบกวนใครพี่ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงิน ซึ่งพี่เองมีการวางแผนเรื่องการเงินมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้วมีการแบ่งเงิน หนึ่งก้อนเอาไว้ดูแลครอบครัวเอาไว้ดูแลคุณพ่อคุณแม่เวลาไปรักษาตัวเข้าโรงพยาบาลต่างๆ ส่วนอีกก้อนหนึ่งพี่ แจ็ค เอาไว้ใช้ในยามที่เราแก่เฒ่า แต่ตอนที่มันร่อยหรอลงไปเกือบจะหมดนั่นก็คือเงิน เงินกินหมุนเวียนใช้จ่ายเงินลงทุน มันร่อยหรอจนแทบจะไม่เหลือ ส่วน 2 กองที่เราเก็บไว้ก็ไม่ได้แตะเพราะเอาไว้ให้กับคนในครอบครัว”

อยากจะบอกอะไรกับเพื่อนเพื่อนที่รักเราไหมคะ?

“พี่ แจ๊ค ขอขอบคุณทุกคนมากๆที่เป็นห่วงตอนนี้พี่แจ็คเริ่มคิดได้แล้ว แจ็ค จะตัดทุกอย่างออกจากชีวิตอะไรที่ดีก็จะเก็บรักษาไว้อะไรที่ไม่ใช่ ก็จะไม่ให้เข้ามาใกล้ตัวเอง แล้วสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก จะคิดและจะปล่อยวาง สำหรับคนที่รู้สึกท้อหรือหมดกำลังใจอย่างที่พี่ แจ็ค เป็น อย่าไปท้อนะคะ ลองคิดและแยกปัญหาดีๆก่อนว่ามันคืออะไรอย่าคิดสั้นพี่ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนค่ะ ทุกอย่างเริ่มต้นใหม่ได้เสมอค่ะ”

ทุกคนที่เป็นแฟนคลับ หรือรู้จักพี่ แจ็ค ก็สบายใจหายห่วง ตอนนี้พี่ แจ็ค บอกว่าอาการเศร้าลดน้อยลงแล้ว ไม่คิดสั้นอีกแล้ว ส่วนเรื่อง โรคซึมเศร้า ก็คงต้องไป ปรึกษาหมอ ต่อไป แอด ก็ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้พี่ แจ็ค และทุกคนให้สู้ต่อไป เข้มแข็งนะคะ เพื่อที่จะผ่านวิกฤตนี้ให้ได้ค่ะ