กลายเป็นประเด็นร้อนแรงอีกแล้วเมื่อ ประจักษ์ชัย ไหทองคำ ได้ออกมาโพสต์ข้อความว่า เอ๋ มิรา อดีตภรรยา ครูไพบูลย์ โดนหมายศาล โดนข้อความระบุว่า
“เอ๋ มิรา โดนหมายศาล ว่าหมิ่นประมาทในรายการโหน..คุณครูฟ้องมา เอ๋ มิรา อย่าน้อยใจ อย่าคิดมาก ผมกำลังให้ ทนายเก่ง ดูสำนวนการฟ้องอยู่ สักครู่ อย่าตกใจ เลี้ยงลูกต่อ พาลูกเที่ยว มีความสุขให้มากที่สุด”
พร้อมแท็กข้อความดังกล่าวไปยังเฟซบุ๊ด เอ๋ มิรา หลังจากนั้นก็ได้มีการโพสต์ภาพ เอ๋ และลูกชาย พร้อมติดแฮชแท็ก #saveเอ๋มิรา
ทั้งนี้ ด้านเฟซบุ๊กของ เอ๋ มิรา ได้มีการเขียนแคปชั่นระบายความอัดอั้นว่า “ตาเอาหมายศาลมาให้ พร้อมกับลูบที่หัว เอ๋ แล้วน้ำตาไหล ตาบอกความจริงกับความดีสิคุ้มครองลูกหล่าพ่อเด้อ 3 ปีที่แล้วร้องไห้กลับบ้านเพราะความอ่อนแอ ต่อจากนี้อย่าได้หวังว่าฉันจะยอม ทำครอบครัวฉันร้องไห้กี่ครั้ง คุณกับมันต้องชดใช้!! “
“มองหน้าลูกแล้วอดร้องไห้ไม่ได้เลย ลูกถามแม่ เอ๋ ร้องไห้ทำไม ในใจอยากบอกลูก แม่ขอโทษที่เลือกคนผิด แม่ขอโทษที่เลือกผช.คนนั้นมาเป็นพ่อของลูก แต่ความเป็นจริงได้แค่บอกลูกว่า แม่แค่เหนื่อยครับ แม่รักสายแนนนะครับ”
ต่อมาทางด้านอดีตสามีอย่าง ครูไพบูลย์ ก็ได้ออกมาเคลื่อนไหวเฟสบุ๊กอีกครั้ง ด้วยการโพสต์ข้อความว่า
“หยุดเถอะครับหยุดเอารูปเด็ก รูปลูกชายผม มาโพสต์มาสร้างกระแส หรือดราม่าต่างๆ ขอพื้นที่ให้เขา เรื่องนี้ควรจบลงด้วยดี หากมีเพียงเรา 2 คนคุย และตกลงกัน โดยไม่มีบุคคลที่ 3 มาคอยปั่นกระแส ผมถอยออกมาแล้ว ลูกผมก็ดูแลอย่างดี ล่าสุดอาทิตย์เมื่อกี้เราก็คุยกันด้วยดี ผมให้มารับลูกถึงบ้าน ส่วนเรื่องฟ้องผมทำเพื่อปกป้อง รักษาเกียรติ ศักดิ์ศรี ครอบครัวของผม
ขอแค่เธอมาคุยกับผม เรื่องมันเกิดที่เรา มันก็ต้องจบที่เรา ที่สำคัญอย่าดึงลูกมาเกี่ยวข้องหากรักลูกมากพอ หยุดเถอะครับคนที่กำลังปั่น หยุดปั่นหยุดสร้างเรื่องราวให้วุ่นวาย ผมสงสารลูกผม ถ้ายังไม่หยุดเอาลูกมาปั่นกระแส ผมก็จำเป็นที่จะเอาลูกคืนมา ถ้าจะเอาเขามาเกี่ยวข้องแบบนี้ ฮักสายแนน”
ล่าสุด เอ๋ มิรา ได้ออดมาเคลื่อนไหวตอบโต้อีกครั้งด้วยข้อความสั้นๆว่า “เตรียมฟ้องคดีพรากผู้เยาว์”
งานนี้ก็มีชาวเน็ตต่างเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นมากมาย ทั้งนี้ทางด้านทนายความอย่าง ทนายเก่ง ศรีศิวารา ลอว์ เฟิร์ม ก็ได้มีการโพสต์ภาพวีดีโอคอลคุยกับ เอ๋ มิรา พร้อมแคปชั่นว่า
“ฟ้องมา ฟ้องกลับ ไม่โกง แต่ แต่ แต่ ผลต่างกันนะฮ่ะท่านผู้ชม
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 277 ผู้ใดกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
ความผิดฐานพรากเด็ก(ผู้เยาว์)อายุยังไม่เกิน 15 ปี -มารดาเด็กรู้เห็นเป็นใจ
ขณะเกิดเหตุเด็กหญิงอายุ 14 ปีเศษ การที่จำเลยมารับเด็กหญิงไปรับประทานอาหาร มารดาของเด็กหญิงก็รับรู้ และทราบว่าบุตราสาวของตนค้างคืนกับจำเลยที่บ้านจำเลย พฤติการณ์แสดงว่า มารดาของเด็กหญิงรู้เห็นยินยอมการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์ แต่จำเลยกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี แม้เด็กหญิงนั้นจะยินยอมก็ตามก็เป็นความผิดตามมาตรา 277 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5547/2550”
งานนี้ดูเหมื่อนว่าเรื่องจะไม่จบลงง่ายๆเรื่องของคดีคงต้องติดตามกันต่อไป หากมีอะไรเพิ่มเติมแอดจะรายงานให้ทราบอีกครั้งค่ะ
คลิปอีจันแนะนำ
แพรวา – ฝน แถลงข่าวหลังถูกแอบถ่ายคลิปในห้องน้ำ