
หลังจากที่ ลีน่าจัง ได้มีการแถลงพร้อมกับยกมือไหว้ขอโทษ หนุ่ม กรรชัย ที่ สน.พญาไท แต่ทางด้านหนุ่ม กรรชัย ก็รับคำขอโทษ แต่ยังยืนยันว่าจะไม่ยกฟ้อง พร้อมให้ให้ไปเจอกันที่ศาล และหลังจบรายการโหนกระแส หนุ่ม กรรชัย ก็ได้ออกมาเปิดใจเกี่ยวกับประเด็นนี้ ให้ฟังกันแบบชัดๆ ทั้งเรื่องที่ฟ้องร้อง 5 ล้านบาท และเรื่องที่โดนกล่าวหา ว่ารับเงิน 1 ล้านบาทจาก ตั๊ก กรกนก แม่ค้าขายทองออนไลน์ ที่กำลัง เป็นประเด็นกันอยู่ตอนนี้

โดย หนุ่ม กรรชัย ก็ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “ช่วงนี้ก็เหนื่อยนิดหนึ่ง เพราะมันมีประเด็นสังคมเรื่องทองเยอะมาก เรื่องทองที่เรานำเสนอกันทุกวี่ทุกวัน เรามองว่ามันเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะชน ส่วนตัวไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่ได้มีความบาดหมาง กับทางฝั่งของคุณตั๊กกับคุณเบียร์มาก่อน ที่นำเสนอไปก็ตามข้อเท็จจริงที่มันเกิดขึ้น แล้วอีกอย่างเรามองว่าวันนี้เรื่องแบบนี้ มันเกิดขึ้นบ่อยแล้ว แล้วก็มีการทำคอนเทนต์เรื่องของทำบุญ แต่ในความเป็นจริงคือเอื้อประโยชน์ให้ตัวเอง มองว่ามันไม่เหมาะ ยิ่งชาวบ้านไม่รู้เรื่องของทองว่า มันมีแบบไหนยังไงบ้าง บางคนเก็บหอมรอมริบมาทั้งชีวิต กะว่าจะขายเป็นกำไร จะบอกเขาโลภก็ไม่ได้ มันเป็นเรื่องความรู้สึกของคน เพราะฉะนั้นก็ควรมีการเปิดข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง เพื่อให้สังคมได้รับรู้ได้มีการเอาไปเป็นบทเรียน”
พร้อมกับเผยว่าที่ตัดสินใจฟ้อง ลีน่าจัง ส่วนหนึ่งก็เพราะครั้งนี้ล้ำเส้นเกินไป และรับไม่ได้ที่มาแช่งลูกสาว
“คือจริงๆ แล้วก็ไม่ได้ยืนยันนะว่าต้องเป็นใคร แต่ก็มองว่าด้วงสาคูมันก็น่ารักดีนะ แล้วอีกอย่างเขาจะมาเป็นด้วงจริงๆ ก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเราเป็นมนุษย์ คือต้องเรียนแบบนี้ ผมรู้จักกับทางคุณลีน่าจังมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว เพียงแต่ว่าไม่ได้สนิทกัน เราก็มีระยะห่าง ย้อนกลับไปหลายปีก่อน แกก็เคยมีการวิพากษ์วิจารณ์ผมเหมือนกัน ซึ่งผมไม่เคยถือสานะ ผมเข้าใจในมุมของแก ที่แกเป็นอยู่ ที่อยากจะมียอดไลก์ หรือต้องการให้มีคอนเทนต์ ถึงแม้ว่าอาจจะเป็นแบดพีอาร์ แต่พอครั้งนี้ ผมว่ามันล้ำเส้นไปนิดหนึ่ง ผมเชื่อว่าทุกคนที่ติดตามผมอยู่ ติดตามรายการโหนกระแสอยู่ หรือติดตามตัวเขาอยู่ จะรู้ว่ามันมีมุมไหนบ้างที่มันล้ำเส้นผม”
“คือเรื่องมันเกิดจากการที่ผมเอง ได้มีโอกาสสัมภาษณ์คุณน้อง แกเล่าเหตุการณ์ว่าโดนอะไรบ้างจากแม่ตั๊ก คือแกมีการอัดคลิปลงโซเชียล แล้วหลังจากนั้นก็ปิดคลิปไป เพราะทางคุณตั๊กได้มีการให้เน็ตไอดอลมาโจมตีแก พาทัวร์มาลงจนต้องปิดไป ปรากฎว่าวันนั้นมีคนส่งเข้ามาว่า เน็ตไอดอลประตูน้ำหรือเปล่า นี่สาบานให้ตายเลยนะ เราไม่รู้จริงๆ ไม่เข้าใจว่าเน็ตไอดอลประตูน้ำคืออะไร คือเราไม่เคยมองว่าคุณลีน่าจังเป็นเน็ตไอดอล เพราะเน็ตไอดอลคือผู้นำทางความคิด แต่เราไม่เคยมองคุณลีน่าจังเป็นแบบนั้น เลยถามว่าเน็ตไอดอลประตูน้ำใช่หรือเปล่าที่เขาส่งมาถาม ปรากฎเขาบอกว่าใช่ค่ะ แค่นั้นเลย หลังจากนั้นแกก็เริ่มด่าเรา เราก็โอเคไม่เป็นไร ก็ปล่อย”

“วันรุ่งขึ้นทำรายการ ก็มีคนบอกว่ามีคนมาด่าพี่หนุ่มอีกแล้วนะ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าเป็นคนนี้ แต่ตอนหลังเริ่มมีส่งมาเรื่อยๆ เราก็เอ๊ะ เลยพูดรวมๆ ว่าโอเค ผมรู้แล้ว ผมเห็นแล้ว แต่ไม่ไห้ค่านะ เพราะผิดชอบชั่วดีคือยังไม่รู้เลย จะไปด่าคนอื่นได้ยังไง มันคือข้อเท็จจริงที่เราสามารถพูดกับคนอื่นๆ ได้ ผิดชอบชั่วดีคุณต้องรู้ก่อนจะด่าคนอื่น ไม่ใช่ว่าเราจะถูกเสมอไป มันต้องมองมุมอื่นด้วย ก็พูดไปแบบนี้ แล้วก็ไม่ได้เอ่ยชื่อใครด้วย แต่ใครจะรับหรือไม่รับก็เรื่องของเขา แต่ก็ไม่จบ ก็ยังคงด่า ว่าเราไปรังแก ซึ่งตรงนี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญหรอก ก็เข้าใจในมุมของแก”
“แต่ที่เราไม่โอเคและถือว่าล้ำเส้นเลย คือหนึ่งการมาแช่งลูก แล้วก็บอกว่าให้พี่ณวัฒน์ ส่งนางงามมาให้มันเอา พูดหยาบยิ่งกว่านั้นอีกอะ ก็เริ่มแปลกๆแล้ว มาแช่งลูกเราอีก ซึ่งอันนี้เกินไป ถึงแม้เขาจะไม่ได้เอ่ยชื่อแต่ด้วยทุกๆ คนที่ดูอยู่ รู้ได้ครับว่าเขาพูดถึงใคร หมายถึงใคร เราแยกแยะได้ สิ่งที่รู้สึกแย่คือการมาแช่งลูกเรา ทั้งๆที่ลูกเราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย แล้วคนเป็นพ่ออะ ตื่นเช้าก่อนออกจากบ้าน สวดมนต์ให้ลูกทุกวัน ในขณะที่มีคนหนึ่งแช่งลูกเรา รับไม่ได้ เรื่องมีอยู่แค่นี้เลย”
“ถ้าลูกสาวมาเห็นเขาจะว่ายังไง พ่อไปรับเงินคุณตั๊กมา 1 ล้านจริงหรือเปล่า โน่นนี่นั่น เพราะฉะนั้นวันนี้เราก็เลยถามว่า คุณมีหลักฐานอะไร คุณไม่มีแต่คุณมีแต่คุณมากล่าวอ้างลอยๆ ผมเสียหายนะ ทางบ้านผมจะมองยังไง คนรู้จักผมจะมองยังไง แล้วเรามีหลักฐาน จะให้คุณลีน่าจังได้ดูนะครับ จริงๆ แล้วสิ่งที่คุณพูดถึงอยู่ มันคือการทอล์คสินค้า 3 นาที ในรายการโหนกระแส ซึ่ง 3 นาทีนั้นเป็นเวลาของช่อง 3 แล้วทางช่องได้มีการเสนอขายให้กับคู่ค้า เป็นเอเจนซี่ต่างๆ หนึ่งในนั้นคือบริษัท จีเอ็มเอ็น เอเจนซี่ ไทยแลนด์ ซึ่งเขาก็จะเอาเวลานี้ไปขายต่อในฐานะเป็นตัวกลาง”

“ปรากฎว่าสามีของคุณตั๊กมาซื้อ แล้วก็จ่ายเงินให้กับทางฝั่งของ จีเอ็มเอ็นเป็นค่าโฆษณา ซึ่งหลังจากนั้นทาง จีเอ็มเอ็นเขาจะเอาเงินที่ได้มาหักลบกลบหนี้ แล้วส่งกลับคืนมาที่ช่อง3 2 แสนกว่าบาท เพราะฉะนั้นอันนี้เป็นคือหลักฐานชั้นดี ว่าเราไม่ได้มีความเกี่ยวข้องเลย ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย แต่คุณกลับเอาเรื่องนี้มายัดเยียดว่าผมรับเงินคุณตั๊กมา แล้วเป็นเงินสกปรก เพราะฉะนั้นอันนี้เรายอมไม่ได้ ก็เลยให้ทนายทำเรื่องยื่นฟ้อง ในข้อหาหมิ่นประมาททั้งอาญาและแพ่ง ก็ยืนยันว่าฟ้องจริง”
“แล้วสิ่งที่มันเป็นหลักฐานอย่างหนึ่ง ก็คือตัวคุณเองนี่แหละ ที่ขอโทษหน้าสน.พญาไท ว่าฉันขอโทษนะ ที่เอาเรื่อง 1 ล้านบาทมาพูด ฉันไม่รู้ แต่ความผิดคุณสำเร็จแล้วครับ คุณยอมรับไปแล้วว่าคุณพูดถึงผมจริงๆ นี่คือหลักฐานชั้นดีในชั้นศาล ถึงคุณจะขอโทษผม ผมรับเอาไว้นะครับ ผมรับรู้ว่าคุณขอโทษ แต่คุณด่าผมมา 5 วัน แช่งลูกผม บอกว่าผมเป็นคนเลว แล้วขอโทษแค่วันเดียวแค่นี้เหรอครับ คือมันยังไม่รวมกับเคสอื่นๆ ที่มันเกิดขึ้นอีกนะครับ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ผมอยากให้เป็นบรรทัดฐาน ถ้ามีอะไรเดี๋ยวไปจบที่ศาล ศาลจะไกล่เกลี่ยก็ไกล่เกลี่ย ไม่เป็นไร ผมเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย คุณจะขอโทษผมวันนี้ก็ได้ที่ศาล ก็ให้ศาลท่านบันทึกเอาไว้เลย ว่าคุณจะไม่มายุ่งกับผมอีก ไม่มาแตะผมอีก”
“แต่นับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป ถ้าคุณยังมาพูดถึงผมอยู่ จะโดยทางตรงหรือทางอ้อม ไม่ได้เอ่ยชื่อหรือโดยวิญญูชน ที่สามารถทำให้คนอื่นรู้ได้ว่าเป็นผม ผมจะเก็บเข้าแฟ้ม แล้วจะให้ทนายฟ้องคุณทุกสัปดาห์ แต่ถ้าเกิดคุณรู้สึกว่าคุณอยากจบ ก็รอไปที่ศาล แล้วไปไกล่เกลี่ยที่นั่น ขอโทษผมต่อหน้าศาล แล้วต้องขอโทษคนใต้ เพราะพ่อผมเป็นคนใต้ คุณเคยมีการพูดเชื่อมโยงถึงคนใต้ ว่าคนใต้ไม่ดีอย่างโน่นอย่างนี้ มันไม่เป็นธรรม”
ฟ้อง 5 ล้านบาท เอาไปเงินบริจาค จะไม่เก็บไว้เองแม้แต่สลึงเดียว
“ผมว่ามันก็สมน้ำสมเนื้อดีนะ คือ 5 ล้านไม่ใช่ราคาของเขานะ ราคาของผม เพราะ 5 ล้านได้มา เดี๋ยวจะเอาไปบริจาคตามหน่วยงานต่างๆ ทั้งหมด เราไม่เอาแม้แต่สลึงเดียวถ้าได้ ได้เท่าไหร่ให้เท่านั้น มันไม่ใช่ความสะใจครับ มันเป็นสิทธิ์ของเราที่เราเสียหาย เรารู้สึกว่าด่าฟรีไม่มีในโลก ถ้าเขาไม่มีก็ยึดทรัพย์ คือถ้าเกิดคดีถึงที่สุดนะ แล้วเขาผิดจริงๆ ศาลสั่งให้ชำระเงิน ถ้าเกิดเขาไม่มีก็สืบทรัพย์กันต่อไป แต่ถ้าศาลบอกว่าไม่ผิด ก็จบ แล้วคุณจะมาฟ้องกลับผมก็ว่ากันไป แต่ถ้าคุณจะไกล่เกลี่ย ไม่ใช่มาขอโทษผมตรงนี้ครับ ไปขอโทษที่ศาล”

“สิ่งสำคัญคือวันนี้คุณยืนยันแล้วว่า คุณขอโทษผม เพราะคุณด่าผมเรื่องนี้ๆ ทั้งหมดผมรวบรวมหมดแล้ว ขอบคุณที่ยอมรับออกมาแบบนี้ ดีครับผมจะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาหาที่อื่น ส่วนที่บอกว่า ถ้าไม่รับคำขอโทษ จะแจ้งความกลับ ก็เป็นสิทธิ์ของเขาครับ ระบบอาญาเมืองไทยเป็นระบบกล่าวหา ใครจะแจ้งความก็ได้ แต่ถ้าสุดท้ายถ้าพิสูจน์ออกมาแล้ว ตำรวจไม่ได้สั่งฟ้องที่อัยการ ผมก็แค่แจ้งความกลับว่าแจ้งความเท็จ ถ้าหมดตัวไม่มีค่าธรรมเนียมแล้ว ก็ไม่ควรไปด่าคนอื่นเท่านั้นเอง เรื่องมีอยู่แค่นี้ เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว บอกตรงๆ ผมไม่อาจเอื้อมไปสอนนะ แต่คุณเป็นทนายมีความรู้ ความสามารถ เพราะฉะนั้นอย่าทำแบบนี้เลย ไม่ดีหรอก เป็นห่วงจริงๆ”
“ผมเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่มีเบี่ยงประเด็น เพราะประเด็นหลักมันเป็นเรื่องของแม่ตั๊กกับคุณเบียร์ ของผมมันเป็นแค่ภาคแยก แล้วก็ไม่ได้มีอะไรมากมายด้วย วันนี้สองคนเขาถูกควบคุมตัวไปแล้ว เพื่อความเป็นธรรมของเขา เขาก็มีสิทธิ์ที่จะชี้แจง ต้องบอกเลยว่าตอนนี้เขาก็ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ เพราะว่าตราบใดที่ศาลยังไม่ตัดสิน เขาก็มีโอกาสที่จะต่อสู้ได้”
คำพูดที่ว่า “เล่นกับใครก็ได้ แต่อย่าเล่นกับ หนุ่ม กรรชัย”
“ไม่เลยครับ จริงๆ แล้วมดดำพูดเว่อร์ไปอย่างนั้นเอง อย่าไปคิดว่าผมเป็นคนที่แตะต้องไม่ได้ ผมทำอะไรผิดก็ด่าผมได้ ว่าผมได้ ผมยังยืนยันว่าผมเป็นคนสาธารณะ สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่ต้องแยกให้ออกว่าการวิพากษ์วิจารณ์กับหมิ่นประมาทเนี่ย มันมีเส้นบางๆกั้นอยู่ ถ้าบอกผมทำรายการไม่ได้ ทำรายการไม่สนุก อันนี้วิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่การที่คุณบอกว่าเขาเป็นคนเลว คนไม่ดี อันนี้ไม่ใช่ อันนี้หมิ่นประมาท โดยไร้หลักฐาน ก่อนที่จะด่าใครแยกให้ออกก่อน อันนี้ฝากถึงทุกคนด้วย”
พร้อมกับฝากบอกทิ้งท้ายไว้ว่า
“ก็ฝากบอกว่าข้าวมันไก่ประตูน้ำอร่อยมากนะครับ แต่ว่าโอเลี้ยงกับผัดไทที่ศาล นี่ก็อร่อยไม่แพ้กัน”