
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ บิ๊ก ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์ ได้มีการออกมาโพสต์ภาพคู่ทนายความ ยืนคู่กันหน้าศาลอุทธรณ์ ทำเอาแฟนๆต่างเข้าไปคอมเมนต์ให้กำลังใจกันยกใหญ่ และถามว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะแคปชั่นที่เจ้าตัวได้ระบุไว้นั้น บอกว่า “ ความยุติธรรม ” และหลังจากนั้นไม่นาน ได้ออกมาโพสต์สเตตัสอีกครั้ง เป็นเลข 555 แบบยาวเหยียด พร้อมอิโมจิหัวเราะแบบร้องไห้ ก็ทำชาวเน็ตตีความไปต่างๆนานาว่า เอ๊… นี่มันเรื่องอะไรกันหนอ


และทันทีที่ ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์ ได้มีงานออกพบสื่อ ก็ไมค์สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ทันที ทั้งนี้ บิ๊ก ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์ ได้เผยว่า ตนได้ไปขึ้นศาลในเรื่องของการฟ้องหมิ่นประมาท บิ๊ก ได้เล่าว่า
“ เมื่อวานเป็นคดีอาญาครับ ฟ้องร้องหมิ่นประมาท ขอยังไม่บอกว่าใคร แต่เร็วๆนี้น่าจะรู้ครับ ขอยังไม่ระบุว่าเป็นใคร แต่เป็นบุคคลที่ไลฟ์สดแล้วทำให้เราเสียหาย เป็นคนๆหนึ่งที่ออกมาไลฟ์พูดจาใส่ร้ายป้ายสีเรา มันก็ชัดเจนอยู่ ”
นักข่าว : ตอนแรกคนคิดว่า เป็นอดีตภรรยา
“ จริงๆแล้วผมก็ไม่ค่อยฟ้อง ไม่เคยฟ้องแฟนคลับ หรือคนทั่วไปในสื่อออนไลน์ ผมไม่เคยฟ้องใครเลย นอกจากจะเป็นบุคคลสาธารณะที่มีชื่อเสียงหรือว่าเป็นอินฟลูฯที่พูดแล้วทำให้คนเชื่อตาม อันนั้นผมจะฟ้องครับ เพิ่งเคยฟ้องคนครั้งแรก ”
นักข่าว : ตอนนี้ที่เรายังไม่กล้าบอกว่าเป็นใคร เพราะอะไรคะ?
“ จริงๆแล้วก็เอฟซีน่าจะรู้พอสมควร แต่ผมยังไม่อยากบอกว่าใคร เพราะว่าก็ลดความขัดแย้ง ซึ่งความขัดแย้งมันก็เกิดขึ้นมาตลอด 1 ปีแล้ว ซึ่งตลอดเวลาตอนนี้ก็ยังไม่หาย ก็เลยไม่อยากพูดว่าเป็นใคร และผมก็เสียหายค่อนข้างมาก เพราะผมเปิดทั้งผับ ทั้งคาเฟ่ ทั้งค่ายเพลง ซึ่งผมก็มีลูกน้องที่ต้องดูแลเยอะ และก็ความเชื่อถือเรามันก็ลดลง งานพรีเซนเตอร์เราก็กระทบกับแบรนด์ต่างๆ ”

นักข่าว : สิ่งที่เราไม่โอเคเลย เราทนไม่ได้ เราเอาเรื่องแน่นอน เขาพาดพิงเรื่องอะไร ?
“ เรื่องเยอะอยู่นะครับ เรื่องเพศสภาพของเราด้วย เรื่องการที่เราจะไปที่ไหน หรือไปกับใครที่ผ่านมา ถึงแม้จะเป็นหรือไม่เป็น เกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้น ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดเรื่องเรา อันนี้เราฟ้องครบชุดครับ หมิ่นประมาท เรียกร้องค่าเสียหาย เรียกค่าเสียหาย 5 ล้าน และไม่ยอมความ เอาให้ถึงที่สุด ถ้าไกล่เกลี่ยก็จะลองดูว่าได้เท่าไหร่ ”
นักข่าว : แล้วที่โพสต์ในเฟซบุ๊กหัวเราะยาวๆนี่หมายความว่ายังไง ?
“ เมื่อวานเหรอครับ อ่อ ดูหนังตลกเลยหัวเราะออกมา อันนี้คนก็สามารถคิดไปได้ว่า หัวเราะแบบมีนัยยะอะไรไหม แต่จริงๆแล้วเราก็หัวเราะในอารมณ์ดี เราดูคลิปติ๊กต็อกมา เราก็อยากหัวเราะ แล้วแต่คนจะตีความไปเลย ”
นักข่าว : ในเรื่องของกล้องวงจรปิด ตอนที่เราไปรับ-ส่งลูก ?
“ เอาจริงผมไม่รู้ว่าใครโพสต์ ซึ่งกล้องวงจรอะไรแบบนี้ คือถ้าเกิดเราจะเห็นได้นอกจากคนที่เป็นเจ้าของกล้องเอาออกมาเท่านั้น มันก็ต้องเป็นเจ้าของกล้อง แต่ผมไม่สามารถบอกได้ว่าใครเป็นคนปล่อยออกมา แต่ผมก็ได้โพสต์ออกไปว่า ทำไมถึงได้เอาภาพวงจรปิดที่เป็นเรา และรถของเรา และทีมงานของเรา เอาไปลงโซเชียล ซึ่งมันก็ไม่ถูกต้องอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้เอาเรื่องเอาราวอะไร เพียงแต่ว่าอย่าทำอีก ”

นักข่าว : แล้วเราคิดว่าเขาทำเพราะอะไร ?
“ อันนี้ก็ไม่รู้จริงๆครับ เพราะว่าผมก็งงเหมือนกันครับว่า เราก็ไม่รับไปส่งลูกตามปกติ แต่ว่าทีนี้ภาพวงจรแบบว่า เราไปอุ้มลูกรับลูก แต่ออกไม่หมด ตอนสุดท้ายทำไมไม่เอาออกมาด้วยล่ะ มันออกมาแค่ตอนนั้น แต่ตอนที่ผมอยากให้เห็นก็ไม่เห็นออกมาโชว์เลย ส่วนตอนที่ไม่ยอมเอามาออก คือพวกตอนที่ลูกไม่อยากจะกลับบ้าน วิ่งกลับมากอดพ่อ ”
นักข่าว : ทุกวันนี้ยังเจอลูกยากไหม หรือมีเงื่อนไขอะไรไหมในการไปเจอลูกในแต่ละครั้ง
“ มันไม่มีอะไรซับซ้อนนอกจากคนกลาง คือผมติดต่อใครไม่ได้ ก็ซับซ้อนตรงที่ติดต่อใครไม่ได้ เวลาไปรับลูกต้องติดต่อผ่านพี่เลี้ยง ”
นักข่าว : แล้วพวกภาพที่เราชอบทำเหมือนเลียนแบบกัน เจตนาของเรา คือเราตั้งใจหรืออะไร
“ จริงๆแล้วคนก็พยายามที่จะจับจ้องอยู่แล้ว ความบังเอิญมันมีอยู่แล้ว ทีนี้แค่งานผมก็เหนื่อยมากๆอยู่แล้ว ถ้าจะไปโฟกัส ก็อปปี้คนอื่น ไม่มีทางครับ ทุกวันนี้ไม่มีศัตรูกับใครครับ รักทุกคน ใครดีเราก็ดีด้วย จริงๆแล้วเราอยากให้โลกนี้มีความสุขทุกๆคน โลกของความสีชมพู แม้แต่ตัวเราเองก็อยากสีชมพู แต่ว่าเราอาภัพรัก ก็เลยต้องอยู่แบบนี้ ”
นักข่าว : ได้แสดงความยินดีกับเขาบ้างไหม ?
“ ไม่ได้ดูข่าวเลยครับ ก็เห็นๆอยู่ ช่วงนี้ทำงานเยอะ เที่ยวเยอะ เห็นข่าวก็กดไลค์ให้ทุกๆคน ถ้าเป็นเรื่องที่ดีน่ะนะ ”

นักข่าว : ผู้ชายคนใหม่ของอดีตภรรยา ยืนยันว่าเขาไม่ได้จะมาแทนที่พ่อใคร
“ ก็ดีแล้วครับ จริงๆแล้วถ้าพูดถึงเรื่องลูกผม คือลูกผมอยู่กับใคร ผมก็อยากให้คนที่ดูแลลูกผมมีความสุขมากที่สุด เพราะถ้าเกิดลูกเราอยู่กับคนๆไหน แล้วเขามีความทุกข์ หรือกินไม่อิ่มนอนไม่หลับ ลูกเราก็ต้องรับผลตรงนั้น จริงๆแล้วก็ดีแล้ว ส่วนเรื่องที่จะมีผลกระทบกับลูกไหม จริงๆผมก็เติบโตมาในครอบครัวที่ไม่มีพ่อๆแม่ๆ ผมก็ยังอยู่ตรงนี้ได้ เพราะฉะนั้นลูกผมก็ต้องหัดเรียนรู้และก็แข็งแกร่งแบบผมให้ได้ เราเชื่อมันว่าลูกเรา ต้องเหมือนเราแน่นอน อาจจะเก่งกว่าเราก็ได้ ก็บอกลูกไว้ว่า ถ้าลูกอยากรู้อะไร ก็มาเปิดดูย้อนหลังยูทูป ติ๊กต็อกได้เลย แต่ตอนนี้เราใจร่มแล้ว เพราะอะไรก็เสร็จหมดแล้ว ส่วนเรื่องที่จะมีการนัดเจอคนที่เราฟ้องเมื่อไหร่นั้น ต้องรอศาลแจ้งอีกที ตอนนี้ยังไม่มีกำหนดวัน ”
