แตงโม นิดา เปิดหมดเปลือก ศัลยกรรมทำพิษ รับเป็นหนี้ 10 ล้าน

แตงโม นิดา เปิดหมดเปลือกโดนศัลยกรรมทำพิษ พร้อมเล่า บ้านล้มละลาย เป็นหนี้ 10 ล้าน

ทำเอาเพื่อนพ้องในวงการรวมถึงแแฟนคลับเป็นห่วง หลังจากมีข่าวว่าดาราสาว แตงโม นิดา เจอพิษศัลยกรรม รวมทั้งบ้านที่กำลังล้มละลายและเป็นหนี้ 10 ล้าน ล่าสุดเจ้าตัวก็ได้ออกมาเผยถึงเองนี้ผ่านรายการ โหนกระแส ในวันที่ 11 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา

ที่มาที่ไปของเรื่องนี้เกิดจากการศัลยกรรมของสาว แตงโม ซึ่งแฟนๆก็สงสัยกันเป็นอย่างมากว่า มนเมื่อสวยอยู่แล้วทำไมถึงต้องทำศัลยกรรมเพิ่มอีก โดยเจ้าตัวก็ได้บอกว่า

“เราก็มีชีวิตที่ปกติแหละค่ะ แต่ว่าวันนึงเราประสบอุบัติเหตุ วันนั้นเย็บไป 140 เข็มที่หน้า เมื่อ 14 ปีก่อนบนทางด่วน วันนั้นหลับในและเราก็ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย รถกระแทกไปด้านซ้ายทางด่วน แล้วตีกลับไปอีกข้างนึง ระหว่างนั้นโมหลุดออกมาจากกระจกข้าง แล้วไถไปกับถนน รถไปอีกทาง หน้าโมก็ไถไปเลย ออกมาท่าซูเปอร์แมนกับพื้น เสื้อขาดหมดเลย ลากไกลเหมือนกัน

คนที่เขามาพบโมจำโมไม่ได้ บวมไปทุกอย่าง หางตาซ้ายขาดไปเลย ต้องเย็บติดเข้ามา ตรงคางทะลุหากัน ค่อนข้างเยอะค่ะ สมัยเรายังสาวๆ ผิวยังเต่งตึง พอเย็บกลับมาก็สวยปกติ แต่เวลาเปลี่ยนไปผิวก็หย่อนคล้อยลง ทีนี้สภาพผิวกับแผลไม่ไปด้วยกันแล้ว เพราะแผลตึง ผิวหย่อน บางทีต้องไปซ่อมโน่นซ่อมนี่ ทำตรงโน้นตรงนี้ให้ดีขึ้น”

ซึ่งก่อนหน้านั้นที่เกิดอุบัติเหตุสาว แตงโม ได้เผยว่า เคยฉีดฟิลเลอร์ที่คางกับจมูกมาก่อน แต่หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุยไม่เคยทำอะไรบนใบหน้านอกจากรักษาแผล จนแผลเริ่มเข้าที่

“หลังจากนั้นมันเริ่มมีเรื่องแผลที่คางมันดึงรั้ง มีการผิดรูป มีปัญหาเวลาเข้ากล้อง มีผิดรูปนิดหน่อย มีความยาวที่มันเกินไปจากฟิลเลอร์เก่า แล้วมีคุณหมอหลายๆ ท่าน คนทำมาหลายๆ ท่านเตือนว่า ฟิลเลอร์คือสารแปลกปลอมอย่างหนึ่ง ถ้าอยากให้อยู่กับเราไปนานๆ และจบเลย ก็ขูดออกแล้วใส่ซิลิโคนดีกว่า เพราะฟิลเลอร์มันไม่จบ เดี๋ยวก็สลายๆ และไม่เท่ากันด้วยซ้ำ แต่ผลของการทำแต่ละครั้งก็ไม่เหมือนกัน แต่ละคนบาดแผลข้างในหรือบาดแผลจากการเยียวยาแต่ละคนไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ผลออกมาขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แล้วโมเป็นคนเซ็นให้เขาทำ เลยไม่คิดไปฟ้องร้องใคร”

“เหมือนการเสพติด เพราะโมต้องซ่อมเพื่อให้มันใช้งานได้ยาวนาน เพราะโมไม่สามารถโอเคกับการหมดอายุการใช้งานของหน้า แล้วโมหันไปทำอย่างอื่น เพราะทั้งชีวิตที่ผ่านมา โมทำงานอย่างเดียว โมไม่มีอย่างอื่นต้องทำ โมต้องอยู่ และโมต้องซ่อมจริงๆ”

ซึ่งหลายคนสงสัยว่า พอมาถึงจุดที่สวยแล้วทำไมถึงยังไม่พอ สาวโมก็ได้ออกมาเผยว่า

“บางคนบอกสวย บางคนรุมด่า คางยาวเป็นไอติมเลย นั่นคางหรือมะม่วง ช่วงนั้นหวั่นไหวค่ะ เช่นตอนถ่ายละคร ไม่เอ่ยชื่อแล้วกัน ถ่ายละครแล้วแบบ โอ้โห คางยาวเกิดจากพังผืดที่สะสมมาเรื่อยๆ ไม่ได้ไปอะไร จนวันนึงโอเค ก็ขูดไปเลย”

มาในส่วนของประเด็นที่สาว แตงโม ไปทำศัลยกรรมมาที่หนึ่ง แล้งเส้นประสาทในใบหน้าถูกตัดขาด สาวโมก็ได้ออกมาเผยว่า

“โมไม่แน่ใจว่ามันถูกตัดขาดหรือเสียหาย ไม่ทราบว่ามันรุนแรงขนาดไหน เพียงแต่โมรู้สึกได้ว่านี่มันไม่ธรรมชาติแล้ว มันไม่เหมือนเดิม โมรู้สึกได้ว่าปากล่างชามากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนคนไปทำฟันแล้วไม่หายชาซะที”

ในส่วนของการแก้ไขนั้นสาวโมก็ได้เผยว่าได้มีคุณหมอเข้ามาดูแลในส่วนตรงนี้ด้วยเช่นกัน พร้อมทั้งขอบคุณทุกๆคนที่ส่งกำลังใจเช้ามาเยอะมาก

“ก่อนอื่นต้องขอบคุณทุกกำลังใจทุกคุณหมอที่แนะนำเข้ามา ที่บอกว่าที่นั่นที่นี่ดีมากๆ ยินดีรักษาให้ แต่โมได้ปรึกษาคุณหมอท่านนึงแล้ว และกำลังจะไปแก้ไขในบางส่วน เยียวยาบางส่วนให้ดีขึ้น แต่ต้องใช้เวลา บางคนปีนึง บางคน 3 ปี ก็แล้วแต่”

ในส่วนของการทำงานนั้นตอนนี้เจ้าตัวก็ยัวไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ พร้อมทั้งเผยว่า

” เราเกรงใจผู้ใหญ่มากๆ บางคนบอกว่าไม่เห็นจะเป็นอะไรมากเลย น่าจะทำงานได้นี่ แต่ด้วยเราเห็นหน้าตัวเองทุกวัน เราจะรู้ว่าต้องใช้หน้าตาแสดงละเอียดมาก ถ้าเล่นบทร้ายเราใช้มุมปากในการยิ้มแน่นอน แล้วอันนี้โมทำไม่ได้แล้ว โมก็เกรงใจผู้ใหญ่มากๆ แต่งานอื่นภาพนิ่งหรือไม่ได้ซีเรียสกับสีหน้าโมก็รับได้ อย่างเช่นรายการก็ยังเห็นวนเวียนไปออกอยู่”

“ที่สำคัญที่สุดด้านจิตใจ ช่วงแรกๆ ที่เป็นก็เกือบตาย ไม่เคยพูดที่ไหนเลยนะคะ ปกติสัมภาษณ์รายการอื่นจะพูดทิศทางที่บวก แต่วันนี้ขอพูดอีกมุมนึง ในมุมลึกๆ คุณพ่อเราเพิ่งเสียและหนักมามากๆ กับช่วงเวลาก่อนคุณพ่อป่วยเราเป็นต่อมหมวกไตล้า เป็นโรคซึมเศร้าอยู่แล้ว พอเกิดเรื่องคุณพ่อ โมเครียดมาก แล้วคุณพ่อค่อนข้างไปไว ตอนพอคุณพ่อเสีย โมมีอยู่สองคนบนโลกใบนี้ โมไม่เหลือใครแล้ว โมรู้สึกว่าที่ปรึกษาเราหายไป กำลังใจเราหายไป ปากเรา โมรักการแสดงมากๆ รักการอยู่ในวงการมากๆ แต่วันนึงรอยยิ้มเราหายไป เราใจหายเลย เรายิ้มเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว เราพูดเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว มันช้ำมากๆ ค่ะ อย่างพี่หนุ่มเป็นคนอ่านข่าว วันนึงเสียงหายจะทำยังไง มันค่อนข้างแย่มาก มันทำให้ ณ เวลานั้น ประมาณเกือบปีที่แล้วเรื่อยมา อาการซึมเศร้าค่อนข้างหนักมาก ลุกไปไหนไม่ได้ ไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรเลย ร้องไห้ๆๆ แต่พอเวลาผ่านไป เราเจอกำลังใจดีๆ ได้เจอคนดีๆ ได้เจอคุณหมอดีๆ คนรอบข้างดีๆ ลูกที่ให้กำลังใจเรา มีพระเจ้าที่อยู่กับเรา โมก็เริ่มพัฒนาจิตใจตัวเองขึ้นเรื่อยๆ จนโมออกมาพบเจอสังคมได้”

ซึ่งปัญหานี้ทำให้สาว โม ไม่ออกมาพบเจอคนภายนอกเป็นระยะเวลาเกือบปีเลยทีเดียวค่ะ

“เกือบปีค่ะ ไม่โผล่ออกจากบ้านเลย  ไม่ได้ออกไปเจอใครเกือบปี ต้องใช้เงินเก่าแล้วลามไปถึงใช้เงินลูก จนตอนนี้รถตู้ขายแล้วค่ะ เขาซื้อเราด้วยการช่วยเหลือ เขาเห็นเราลำบาก รถตู้ โมใช้มานานแล้ว รถคู่ใจของ โม ทำมาหากินมาเป็น 10 ปี เรารักมาก จริงๆ แล้วราคามันตกมากนะคะ แต่เขามาช่วยเราในราคาไม่น่าเกลียดเท่าไหร่ ต้องขอบคุณมากๆ”

ในส่วนของบ้านที่ล้มละลายเจ้าตัวก็ได้เผยว่า

“มันดูรุนแรงใช่มั้ยคะ บ้านหนูตอนนี้นอกจากขายรถไปแล้ว ใช้เงินเก็บไปแล้ว ตอนนี้ยอมรับตามตรงเลยนะ เงินเก็บทั้งบ้าน มีไม่เกิน 2 ล้าน เมื่อก่อน โม ไม่เคยบริหารเงินเอง เป็นคุณพ่อซะเป็นส่วนใหญ่ โม ทำงานมาให้เงินคุณพ่อไปจัดแจงทั้งหมด ทั้งบริษัท ทุกอย่าง คุณพ่อเป็นคนไปจ่าย พอคุณพ่อเสีย เราเพิ่งมารู้ว่าที่เราผ่อนๆ ไป เราผ่อนแค่ดอกของบ้าน เราแทบไม่ได้ทบต้นเลย วันนึงก็ไปเช็คกับทางธนาคาร สรุปเราค้างยอดเขาอยู่ 10 ล้าน แต่เรามีเงินเก็บแค่ 2 ล้าน และลูกก็ต้องเลี้ยง”

ในส่วนของงานละครเจ้าตัวเผยว่า ยังไม่คิดจะเลิกเล่นละคร แต่แค่มีความเกรงใจผู้ใหญ่ เพราะใบหน้ายังไม่สมบูรณ์

“ไม่ใช่ไม่รับนะคะ แต่เราจะบากหน้าเอาหน้าที่ไม่สมบูรณ์แบบไปทำงานให้เขาเราก็เกรงใจ ถ้ามีผู้ใหญ่เมตตาหนูกราบขอบพระคุณเลย แต่ถ้าจะเอาหน้าตัวเองแบกหน้าไปของาน ซึ่งหน้าเป็นแบบนี้ มันคงยากค่ะ”

แต่ถ้ามีคนติดต่อมาให้เล่นบทอื่นสาว แตงโม ก็ยินดีที่จะเล่นได้

ในส่วนของผู้ใหญ่หลายคนที่ได้เคยบอกให้สาว แตงโม ไปเปลี่ยนนิสัย เจ้าตัวก็ได้เผยว่า

“ใช่ ได้ข่าวมาเหมือนกัน บอกว่าให้เปลี่ยนนิสัย ไม่งั้นจะอยู่ในสังคมยากนะ เขาบอกนอกจากให้ไปเย็บหน้าแล้วให้ โม ไปเย็บอย่างอื่นด้วย เอ่ยชื่อได้มั้ยคะ พี่ พ. ตัวย่อนะคะ ในเรื่องนี้ โมมีความเห็นว่ามันค่อนข้างนานเหมือนกัน ในสายตาคนอื่นที่เขาคิดว่าเรามีปัญหากัน โมไม่ทราบว่าปัญหาคืออะไรกันแน่ เพราะโมไม่เคยทำอะไรให้พี่ พ. เลย โมรักและเคารพพี่ พ. ตลอด และเชื่อว่าลึกๆ พี่ พ. ก็รักและเอ็นดูโม แต่พอมาวันหนึ่งมีเรื่องเกี่ยวกับโมคบเด็กในสังกัดพี่ พ. หลังจากนั้น มีความรู้สึกไม่ดีเกิดขึ้นตลอดเวลา ทั้งที่ระยะเวลาที่เราคบกัน โมก็พาเขาทำแต่สิ่งดีๆ เขาไม่เคยขาดงาน ไม่เคยทำงานสาย พาไปเรียนหนังสือ ถ้าเราไม่เลิกกัน เด็กในสังกัดเขาก็จะเรียนจบภายในปีนี้เท่ากับโม ในฐานะที่วันนี้โมโตแล้ว โมผ่านวงการมาหลายปีแล้ว อาจไม่เท่าพี่ พ. หรอก แต่ก็เป็นคุณแม่คนหนึ่งแล้ว เรียนจบแล้ว มีอาชีพ มีวุฒิภาวะพอที่อยากจะบอกให้พี่ลดทิฐิหรืออคติกับโมลงได้หรือเปล่า อะไรที่โมเคยทำให้พี่รู้สึกไม่ดี ซึ่งโมไม่รู้ว่าคืออะไร โมก็ขอโทษ”

ซึ่งตัวอักษรย่อที่สาว แตงโม พูดถึงนั้นก็คือ คุณพชร์ อานนท์ นั่นเอง โดยเจ้าตัวก็ได้เผยว่า ถ้าทำอะไรที่ได้ล่วงเกิกไป ก็อยากขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด

“ค่ะ โมไม่ทราบจริงๆ พี่ พชร์ ยังเคยช่วยเหลือตอน โม ลำบากอยู่เลย ซึ่ง โม ก็ต้องขอบคุณพี่พชร์ มากๆ แต่พอมาวันนี้มันไม่เหมือนเดิม”

มาในส่วนของโรคซึมเศร้าที่สาว แตงโม กำลังประสบปัญหาอยู่นั้น เจ้าตัวได้เผยว่า

“ตอนนี้ โรคซึมเศร้า ดีขึ้นเยอะมากๆ แต่ที่ไม่ค่อยดีคือต่อมหมวกไตล้า มันจะผลิตสารที่ชื่อว่าคอร์ติซอล กับ DHEA เพื่อสู้กับความเครียดของคนเราในแต่ละวัน ทุกคนมีสารเหล่านี้จากธรรมชาติของร่างกาย แต่ของโมไม่หลั่งเลย ตื่นมาปุ๊บเครียดเลย สู้กับอะไรไม่ได้ทั้งนั้น เมื่อก่อนรักษาจนดีขึ้นรอบหนึ่ง พอเครียดรอบนี้ ยังไม่ได้กลับไปเช็กเพิ่ม”

ในเรื่องของการบูลลี่ เจ้าตัวก็ได้เผยว่า

“โมโชคดีมาก ที่ยุคนี้เป็นยุคที่คนไทยลำบาก เป็นยุค โควิด คนไทยให้กำลังใจกันมากขึ้น การบูลลี่เลยลดลงไม่เหมือนแต่ก่อน แต่ก่อนโมทำอะไร โมโดนบูลลี่ทุกเรื่อง ปัจจุบันนี้คนรักโมเยอะมาก คนบูลลี่ลดลง นี่เป็นกำลังใจหลักๆ เลย”

อนาคตต่อไปถ้ายังไม่ได้งานเจ้าตัวก็เผยว่า

“โมต้องศึกษาเลยค่ะ ว่าธุรกิจทำยังไง โม มีเซรั่ม ของ โม อยู่ตัวนึง แต่เพิ่งเกิด อาจไม่โตพรึ่บพรั่บแล้วยังไม่รวย ต้องศึกษาเรื่องอื่นๆ ด้วยที่เราสามารถทำได้ และพยายามทำจิตใจ ร่างกายให้ดีขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งก่อน แล้วเดี๋ยวสติปัญญาจะมาเอง จะคิดได้เองว่าเราจะไปทางไหนที่เราถนัด”

“ต้องสู้ค่ะ หน้าก็ต้องทำต่อเนื่องไปเรื่อยๆ อาจจะ 3-5 ปีก็ต้องทำค่ะ ภาวนาขอให้หายนะคะ อีกอย่างน้ำหนักขึ้น 6 กิโล ทำงานยากตรงนี้ด้วยค่ะ”

จากประเด็นเรื่องที่อดีตผู้จัดการส่วนตัวของสาว จั๊กจั่น ได้แอบอ้างว่า ตาล เป็นโลกใบแรก และยังมีการเผยภาพบุคคลดั่งกล่าว แต่ภาพนั้นกลายเป็นนักร้องลูกทุ่งสาว อั้ม นันทิยา ไม่ใช่คนชื่อตาลแต่อย่างใด โดยสาวแตงโม ก็ได้ออกมาพูดถึงประเด็นนี้ว่า

“คือเมื่อก่อนโมกับพี่จั่นรักและสนิทกันมาก ๆ และก็มีคนกลางนี่แหละค่ะทำให้เราห่างกัน” พอถูกถามว่าคนกลางคือใคร แตงโมก็หัวเราะ บอกว่า “คนเดียวกันเลยค่ะ”

เอาเป็นว่า อีจันบันเทิง ขอเป็นกำลังใจให้สาวแตงโม ก้าวผ่านสิ่งต่างๆไปได้นะคะ