วันที่ 21 ก.พ. 67 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เตรียมออกหนังสือด่วนที่สุด ถึงส่วนราชการในสังกัดของกรมอุทยานฯ อาทิ อุทยานแห่งชาติ และวนอุทยาน ให้ตรวจสอบข้อมูลการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมในพื้นที่ป่าอนุรักษ์
จากกรณีมีพื้นที่ป่าอนุรักษ์หลายพื้นที่มีแนวเขตในการดำเนินการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ทับซ้อนกับแนวเขตป่าอนุรักษ์ ทำให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ออกหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) ให้แก่ประชาชน โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งขัดต่อเจตนารมย์ของพื้นที่ที่ถูกกำหนดให้เป็นป่าอนุรักษ์ที่เป็นสมบัติของแผ่นดิน ที่ต้องสงวน อนุรักษ์ คุ้มครองดูแลรักษาไว้ เพื่อประโยชน์ของสาธารณชนส่วนรวม
ซึ่งกรมอุทยานฯ พิจารณาแล้ว เห็นว่า เพื่อเป็นการป้องกันมิให้เกิดผลกระทบและสร้างความเสียหายต่อสภาพพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่าและพื้นที่ป่าอนุรักษ์ทุกประเภท จึงให้สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1-16 และสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์สาขาทุกสาขา ดำเนินการตรวจสอบพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่า และพื้นที่ป่าอนุรักษ์ทุกประเภทในสังกัด ว่ามีการดำเนินการออกหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) ทับซ้อนในเขตอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่าและพื้นที่ป่าอนุรักษ์ทุกประเภทหรือไม่ และเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือเปล่า โดยรายงานให้กรมอุทยานฯ ทราบโดยด่วนนับแต่วันที่ได้รับหนังสือ
ทั้งนี้ยังมอบหมายให้ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ทำหนังสือถึงสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดในพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อประสานความร่วมมือในการร่วมตรวจสอบและขอข้อมูลเพื่อประกอบการตรวจสอบ
ล่าสุด สำนักอุทยานแห่งชาติ ได้แจ้งว่า ได้รับข้อมูลจากอุทยานแห่งชาติทั้งหมด จำนวน 140 แห่ง และ วนอุทยานแห่งชาติ จำนวน 32 แห่ง พบว่ามีแนวเขตในการดำเนินการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ทับซ้อนในเขตอุทยานแห่งชาติ จำนวน 67 แห่ง และทับซ้อนในเขตวนอุทยาน จำนวน 7 แห่ง รวมเนื้อที่ประมาณ 201,543.65 ไร่