หลังจากที่ กลุ่มชมรมจิตอาสาเพื่อผู้พิทักษ์ทรัพยากรประเทศไทย มีการแสดงความเห็น ถึงเรื่องของค่าตอบแทนในการเดินลาดตระเวณ ของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ว่าเป็นการ เดินป่า มหาโหด ซึ่งมีการระบุว่า การเดินลาดตระเวณในป่าต่อเนื่อง 14 คืน หากไม่ครบจะไม่ได้รับเงินค่าตอบแทน และทางสำนักอุทยานแห่งชาติ ได้ขอเข้าเคลียร์ปัญหาดังกล่าวไปแล้วนั้น
ผอ. อุทยาน ขอเคลียร์ปม เดินป่ามหาโหด หลัง ชมรมผู้พิทักษ์ป่า เดือดร้อนล่าสุดอีจันได้พูดคุยกับ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ และได้สอบถามถึงกรณีนี้ ก็ได้ทราบว่า เรื่องของการลาดตระเวณนั้น ตามปกติจะต้องออกเดินในเวลากลางคืน เพราะส่วนใหญ่ภัยคุกคามนั้น จะเกิดในเวลากลางคืน ปัจจุบันนี้ เจ้าหน้าที่ที่ออกเดินลาดตระเวณ เรากำหนดไว้ที่ 40 คน ต่อพื้นที่ แต่พอถึงเวลารับเงิน กลับได้เพียง 20 คน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเอาเงินไปแบ่งกัน ไม่เพียงพอต่อการใช้จ่าย ทำให้เกิดปัญหาเรื่องของการจ่ายเงินไม่ทั่วถึง เราจึงตั้งเกณฑ์ว่า 14 คืน ให้ 2,000 บาท พัก 7-8 วัน แต่ยังมีข้อกำหนดเดิมที่ระบุว่า ต้องทำงานไม่น้อยกว่า 25 วันต่อเดือน หากไม่ถึงก็ต้องมีการลงโทษ ร้ายแรงที่สุดคือการเลิกจ้าง ในขณะที่ตอนนี้ ทางกรมให้ความสำคัญ และปรับเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนเพิ่มขึ้น ก็ต้องขอชี้แจงเรื่องนี้ ปัจจุบันการจ่ายค่าแรงตรงนี้ อยู่ที่ 74 ล้านบาทต่อปี แต่ถ้าเราทำในเงื่อนไขแบบที่ตนบอกได้ ในแต่ละปีจะมีค่าใช้จ่ายถึง 300 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่เก็บมาจากการท่องเที่ยว ที่เจ้าหน้าที่ทุกคนได้พิทักษ์รักษาไว้ เงินที่จัดเก็บได้ ก็ควรย้อนกลับไปที่เจ้าหน้าที่ที่ดูแลป่า
แต่ยอมรับว่า เจ้าหน้าที่หลายๆคน ได้รับค่าตอบแทนไม่เพียงพอ บางคนจึงหันไปให้ความช่วยเหลือกลุ่มมอดไม้บ้าง ทำผิดกฏหมายเสียเองบ้าง ทางกรมก็มองว่า ถ้าเราสามารถช่วยเรื่องค่าตอบแทนตรงนี้ได้ เชื่อว่าจะแก้ปัญหาการทุจริตในวงการผู้พิทักษ์ป่าได้ ที่ผ่านมาไม่เคยมีการดูแลเลย ตอนนี้ผมเข้ามาทำแล้ว ก็อยากจะดูแลให้เต็มที่ ให้สมกับความเหน็ดเหนื่อย
นอกจากนี้ยังขอฝากถึง ชมรมดังกล่าว ว่าขอขอบคุณที่เห็นถึงความลำบากในการทำงานตรงนี้ หากมีอะไรที่ติดขัด สามารถติดต่อเพื่อพูดคุยและปรึกษากันได้เลย เพื่อความถูกต้องในการจ่ายค่าตอบแทนของเจ้าหน้าที่
อีจันขอให้เรื่องนี้จบลงด้วยดีนะครับ มาร่วมกันพิทักษ์ป่าของเราให้อุดมสมบูรณ์สืบต่อไปให้ลูกหลานเรานะครับ
ชุดจุดไฟใช้ตั้งแคมป์ในป่า : https://s.lazada.co.th/l.WoQn