หนุ่มช้ำ กู้เงินเปย์สาว หนี้ท่วมหัว สุดท้ายสาวเทไปกับชายอื่น

หนุ่มบุรีรัมย์ ทั้งรักทั้งช้ำ หอบหลักฐานเข้าแจ้งความ กู้เงินเปย์สาว แต่สาวดันเท ทิ้งหนี้ให้ตนท่วมหัว วอนกลับมาใช้คืน

หนุ่มบุรีรัมย์วัย 35 ปีสุดช้ำ เข้าแจ้งความ หลังกู้เงินเปย์แฟนสาวที่คบมา 5 ปี หมดเป็นไปแสน หนี้ท่วมหัว แต่สาวดันควงแขนไปกับชายอื่น ไปไม่ว่าแต่อยากให้กลับมารับผิดชอบหนี้สินด้วย

วันนี้ (3 ธ.ค. 65) นายวี (นามสมมติ) อายุ 35 ปี ชาวอำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมพี่สาว ได้นำหลักฐานการสนทนา สลิปการโอนเงิน และหลักฐานการจำนำทองคำรูปพรรณ เข้าแจ้งความที่ สภ.พุทไธสง พร้อมร้องขอความเป็นธรรมและขอความเห็นใจจากสื่อ โดยนายวี อ้างว่าได้ถูก น.ส.แหม่ม (นามสมมติ) อายุ 27 ปี อดีตแฟนสาวที่คบหาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตอนทำงานที่กรุงเทพ มานานกว่า 5 ปี หักหลังด้วยการแอบคบหาชายอื่น ทั้งที่ตอนอยู่ด้วยกันตนทั้งรักและดูแลเป็นอย่างดี

นายวีเล่าต่อ ที่ผ่านมาฝ่ายหญิงมีปัญหาด้านการเงินตนก็คอยช่วยเหลือ แม้ไม่มียังไปหากู้เงินมาให้ แถมยังรับภาระจ่ายดอกเบี้ยทุกเดือนๆละหนึ่งพันบาท

ต่อมา ฝ่ายหญิงออกจากงานที่กรุงเทพ กลับไป จ.ขอนแก่น บอกกับตนว่า ต้องกลับไปดูแลพ่อที่ป่วย แต่ไม่มีเงินพอรักษาขอให้ตนเอาทองไปจำนำเพื่อเอาเงินมายืมก่อน นายวีก็ทำตามนำทองหนัก 1 บาทไปจำนำเพราะคิดว่ายังไงก็ต้องหมั้นกันอยู่แล้ว ทั้งยังให้ตนผ่อนดาวน์เครื่องปรับอากาศ เพื่อนำไปติดตั้งให้พ่อที่ป่วยอีกด้วย

แต่สุดท้ายจับได้…ฝ่ายหญิงแอบคบชายอื่นแถมบอกหมดรักตนแล้ว

โดยเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 65 ตนเริ่มสังเกตเห็นชายรายหนึ่งชอบมาคอมเมนต์ในติ๊กต็อกอดีตแฟนสาว โดยนายวีอ้างว่า เป็นการคอมเมนต์ที่มีเนื้อหาส่อถึงการจีบกัน ก่อนที่ภาพคู่ของอดีตแฟนสาวและชายดังกล่าวจะถูกโพสต์ลงติ๊กต็อก เสมือนเปิดตัวว่าคบหากันทั้งที่ตอนนั้นฝ่ายหญิงยังไม่เลิกกับตน

ตนจึงตัดสินใจโทรไปถามฝ่ายหญิงตรงๆ ตอนแรกฝ่ายหญิงบอกไม่มีอะไรแต่จู่ๆกลับคำ ตอบกลับมาว่า หมดรักตนแล้ว  

ทั้งรักทั้งช้ำ เปย์มาตั้งนานหมดไปเป็นแสนหนี้บานสุดท้ายต้องมานั่งหาเงินใช้หนี้

แต่ในเมื่อเรื่องเป็ฯแบบนี้ จึงอยากฝากถึงอดีตแฟนสาว หากจะไปคบหากับชายอื่นตนก็ไม่ว่า แต่ก็ขอให้กลับรับผิดชอบหนี้สินที่เกิดขึ้นด้วย

ต่อมาทีมสื่อได้ติดต่อไปยัง น.ส.แหม่ม อดีตแฟนสาวที่หนุ่มวีได้อ้างถึง ซึ่งเธอแจงว่า ตนอมรับว่ารู้จักกับผู้ชายอีกคนในติ๊กต็อกจริง แต่คุยกันปกติไม่มีอะไรมากกว่านั้น เคยเจอกันแค่ครั้งเดียวเมื่อเดือนพฤศจิกายนแต่ไม่ได้บอกหนุ่มวี และตอนนั้นก็เป็นนายวีเองที่ทำตัวห่างเหินกับเธอ ส่วนเรื่องที่นายวีทวงเงิน กล่าวหาว่าตนหยิบยืมไปใช้นั้นก็รู้สึกเสียใจ เพราะตอนที่เป็นแฟนกันใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพ ต่างฝ่ายต่างก็ดูแลกันเหมือนคนที่เป็นแฟนกันทั่วไป เวลาที่ไม่มีเงินตนก็บอกให้พ่อโอนให้ก็ใช้จ่ายร่วมกัน ทอง 2 บาทตนก็เคยซื้อให้นายวี ช่วยกันกินกันใช้มาตลอดไม่ใช่ตนจะเอาจากหนุ่มวีฝ่ายเดียว   

ตนก็อยากจะถามว่าถ้าคนเป็นแฟนกันหยิบยืมเงินกันเวลาจำเป็น แล้วอีกฝ่ายกลับคิดเป็นดอกเบี้ยเราจะต้องใช้ชีวิตกับเขาต่อไหม ซึ่งตนก็บอกกับหนุ่มวีไปแล้วว่ามีอะไรก็ค่อยคุยกันเพราะช่วงนี้พ่อตนป่วยต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จึงไม่สะดวกที่จะไปพูดคุย

ทั้งนี้ ฝ่ายหญิงลั่น ตนจะรับผิดชอบเงินในส่วนที่ซื้อแอร์ และที่ให้หนุ่มวีไปยืมจากเพื่อนร่วมงานอีกหนึ่งหมื่นบาทเท่านั้น ส่วนทองหนัก 1 บาทที่หนุ่มวีเอาไปจำนำ และเงินส่วนอื่นๆหากจะทวงคืนนั้นก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับตนด้วย เพราะตอนเป็นแฟนกันก็ใช้จ่ายด้วยกัน แต่พอเลิกกันก็มาทวงคืน

ความรักกับเงินที่ไม่ลงตัว จะจบลงอย่างไร สรุปแล้วใครต้องจ่ายหนี้ให้อีกฝ่ายเท่าไหร่ คงต้องรอติดตามกันต่อไปหลังจากที่ทั้งคู่ว่างมาคุยกัน อาจจะไกล่เกลี่ยกันแล้วจบเรื่องทุกอย่างลงด้วยดีอย่างน้อยก็คนเคยรักกัน