กรมราชทัณฑ์ เผย ผลตรวจสุขภาพเพนกวินปกติ ย้ำ ปฏิบัติเท่าเทียม

สุขภาพเพนกวินปกติยังปกติ! กรมราชทัณฑ์ เผยผลตรวจสุขภาพ เพนกวิน แกนนำคณะราษฎรปกติ ปฏิบัติเท่าเทียม ไม่มีแบ่งแยก

หลังจากเกิดประเด็น เพนกวิน ประกาศอดข้าวประท้วง จนกว่าจะได้รับการประกันตัว ขณะห้องพิจารณาคดีวุ่น มวลชนปาขวดน้ำกรีดร้องกลางศาล ประกาศความอึดอัดใจว่าเหตุใด ศาลไม่ให้ประกันตัว ทั้งที่ยังไม่มีคำตัดสิน โดยเทียบเคียงกับคดี กปปส. ที่ตัดสินแล้วว่ามีความผิดแต่ได้ประกันตัว และไม่ต้องตัดผม พร้อมประกาศขอประท้วงด้วยการอดข้าวดื่มแต่น้ำ จนกว่าจะได้รับการประกันตัว

ล่าสุดวันนี้ 19 มีนาคม 2564 นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดี กรมราชทัณฑ์ ฝ่ายบริหาร ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยความคืบหน้าจากกรณีการประกาศอดอาหารของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำคณะราษฎร ที่ได้ประกาศที่ศาลอาญาเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2564 ว่า ภายหลังจากที่เรือนจำฯ ได้รับตัวกลับมาคุมขัง เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมและได้จัดเตรียมผงเกลือแร่โออาร์เอส (ORS) นม น้ำหวาน และโอวัลตินแก่ผู้ต้องขัง

พร้อมจัดเตรียมทีมแพทย์ พยาบาล และนักจิตวิทยาเพื่อเข้าตรวจอาการอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมตลอดเวลาหากเกิดความจำเป็นต้องรับการรักษาเร่งด่วน โดยได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในห้องขังเพื่อสังเกตอาการ และป้องกันการทำร้ายตัวเอง ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันนายพริษฐ์ ยังคงปฏิเสธการรับประทานอาหาร ดื่มเพียงน้ำหวาน นม โอวัลติน

ส่วนผลการตรวจสุขภาพ เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2564 พบว่า ความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจ อุณหภูมิร่างกาย และระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ สภาพร่างกายทั่วไปมีอาการอ่อนเพลียเล็กน้อย และนักจิตวิทยาได้สอบถามการใช้ชีวิต นายพริษฐ์ฯ แจ้งว่านอนหลับได้ แต่มีอาการอ่อนเพลียบ้าง สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ปกติ ทั้งนี้ สถานพยาบาลของเรือนจำฯ ได้จัดอุปกรณ์สำหรับปัสสาวะไว้ใช้ในเวลากลางคืน เพื่อลดการทำกิจวัตรส่วนตัว และได้แนะนำให้ระมัดระวังการทำกิจกรรมระหว่างวัน เนื่องจากร่างกายอ่อนเพลียอาจเกิดอุบัติเหตุได้ โดยนายพริษฐ์ ให้ความร่วมมือในการตรวจสุขภาพเป็นอย่างดี แต่ปฏิเสธที่จะต้องเจาะเลือดทุกวัน

นายธวัชชัย บอกอีกว่า ประเด็นโพสต์เฟซบุ๊กของ นายอานนท์ นำภา ที่ก่อให้เกิดความกังวลใจต่อความปลอดภัยของนายอานนท์ฯ พร้อมพวก นั้น ขอชี้แจงว่า ปัจจุบัน นายอานนท์ พร้อมแกนนำคณะราษฎรทุกคน ยังถูกคุมขังอยู่ในห้องแยกกักกันโรค และได้รับการปฏิบัติจากเจ้าหน้าที่อย่างเท่าเทียมกับผู้ต้องขังคนอื่นตามหลักสิทธิมนุษยชน ภายใต้กรอบของกฎหมาย ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวลือที่อาจสร้างความเสียหายและความเข้าใจผิดต่อการทำงานของกรมราชทัณฑ์ และขอยืนยันว่า กรมราชทัณฑ์ไม่มีนโยบายที่จะใช้ความรุนแรง และละเมิดสิทธิของผู้ต้องขัง เพราะการทำร้ายร่างกายถือเป็นการกระทำความผิดทั้งทางวินัย และคดีอาญา ซึ่งไม่สามารถทำได้ โดยเฉพาะในกรอบนโยบายของราชทัณฑ์ยุคใหม่ ที่มุ่งเน้นการเป็นองค์กรสมรรถนะสูงด้านการควบคุม และพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง แบบมืออาชีพ บูรณาการ มาตรฐานและนวัตกรรม ที่เน้นการแก้ไข และพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังให้เป็นคนดี มีคุณค่า ไม่ใช่การคุมขังเพื่อแก้แค้นทดแทน