เพนกวิน ประกาศอดข้าว จนกว่าได้ประกันตัว

เพนกวิน ประกาศอดข้าวประท้วง จนกว่าจะได้รับการประกันตัว ขณะห้องพิจารณาคดีวุ่น มวลชนปาขวดน้ำกรีดร้องกลางศาล

ความคืบหน้ากรณีการตรวจสอบพยานหลักฐานในคดีของแกนนำกุล่มราษฎร ล่าสุด วันนี้ ( 15 มี.ค.) ศาลได้นัดตรวจพยานหลักฐานคดีแกนนำราษฎร ปักหมุดคณะราษฎร ที่สนามหลวง ซึ่งศาลไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าร่วมฟังการพิจารณาคดี โดยระบุว่าเป็นมาตรการโควิด

ต่อมา เวลา 12.00 น. นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง แกนนำเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี หนึ่งในจำเลย เล่าว่า ภายในห้องพิจารณาคดี เพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ ได้ขออนุญาตแถลงต่อศาลถึงความอึดอัดที่อยู่ในใจ แต่ศาลไม่อนุญาตให้พูดในที่เปิดเผย จากนั้นมีเจ้าหน้าที่มาควบคุมตัว จึงเกิดความวุ่นวายขึ้น

เพนกวิน จึงประกาศความอึดอัดใจว่าเหตุใด ศาลไม่ให้ประกันตัว ทั้งที่ยังไม่มีคำตัดสิน โดยเทียบเคียงกับคดี กปปส. ที่ตัดสินแล้วว่ามีความผิดแต่ได้ประกันตัว และไม่ต้องตัดผม พร้อมประกาศขอประท้วงด้วยการอดข้าวดื่มแต่น้ำ จนกว่าจะได้รับการประกันตัว

ทำให้บรรยากาศภายในห้องพิจารณาคดีเกิดความวุ่นวายขึ้นมีมวลชนที่ได้เข้าไปร่วมฟังการพิจารณาระบายอารมณ์ด้วยการกรีดร้อง และเขวี้ยงขวดน้ำลงพื้น เจ้าหน้าจึงคุมตัวเพนกวิน และจำเลย ลงไปควบคุมที่ห้องควบคุมจำเลยด้านหลัง

นอกจากนี้ นายชินวัตร ยังกล่าวอีกว่า หวังให้ศาลมีความยุติธรรม และมาตรา 112 เป็นข้อหาที่ทำร้ายประชาชน

ส่วนตนเองในช่วงบ่าย ก็จะถูกไต่สวนในคดีละเมิดอำนาจศาล กรณีถ่ายรูปในห้องเวรชี้ และโพสต์ลงโซเชียลมีเดียร่วมกัน นายอรรถพล บัวพัฒน์ ครูใหญ่ และยังมีกรณีละเมิดอำนาจศาลของนายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ หรือ ฟอร์ด เส้นทางสีแดง ที่ถ่ายรูปนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่ ผ่านหน้าจออีกด้วย

ขณะเดียวกัน ในส่วนของ น.ส. ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ที่ได้เดินทางมาขึ้นศาลเช่นกัน ได้ปล่อยโฮ เมื่อลงจากรถคุมผู้ต้องขัง มีเพื่อน ๆ ได้ตะโกนเรียกว่า ” กูคิดถึงมึง” ด้านน.ส.ปนัสยา ตะโกนกลับว่า คิดถึง พร้อมชูสัญลักษณ์สามนิ้ว ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่คุมตัวเข้าไปใต้ถุนศาล

อย่างไรก็ดี เพจ ราษฎร ได้นำข้อความของ เพนกวิน มาเผยแพร่ โดยมีใจความว่า

“ ถึงผู้พิพากษาผู้ทรงเกียรติทุกท่าน

ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นกฎหมายที่โหดร้ายป่าเถื่อนและล้าหลัง ไม่เป็นที่ยอมรับจากนานาชาติ และยังแต่ความเสื่อมเสียให้แก่ประเทศชาติและสถาบันกษัตริย์ในสายตาประชาคมโลก กฎหมายมาตราดังกล่าวตีตราให้การวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์เป็นความผิด แม้ว่าข้อความวิพากษ์วิจารณ์นั้นจะพิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริงก็ยังเป็นความผิด และยังมีบทลงโทษรุนแรง จำคุกได้สูงสุดถึง 15 ปี นับเป็นกฎหมายที่ฝืนต่อกฎแห่งธรรมชาติทั้งปวง เป็นการยกสถาบันกษัตริย์ให้เป็นเทวดา กระทำสิ่งใดก็ไม่ผิด พร้อมทั้งกดประชาชนลงเป็นไพร่ทาส ไม่มีสิทธิไม่มีเสียงจะพูดเพื่อความเป็นธรรมของตน แม้จะเห็นเทวดาสูบเลือดสูบเนื้อตนต่อหน้าก็ตาม และยังถือเป็นการบีบความคิดและทรมานสิทธิเสรีภาพของคนไทยอย่างทารุณ ไม่ต่างกับการตอกเล็บบีบขมับ ซึ่งเป็นวิธีการลงทัณฑ์ผู้เห็นต่างทางการเมืองในยุคโบราณ

ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ยังเป็นมะเร็งร้ายที่กัดกินประชาธิปไตยไทยมาโดยตลอด ในช่วงทศวรรษแห่งความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา มาตรา 112 ถูกใช้เป็นอาวุธทิ่มแทงทำร้ายฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองมานับครั้งไม่ถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลัง พ.ศ. 2557 ซึ่งเป็นปีที่เผด็จการประยุทธ์ จันทร์โอชาอ้างเหตุแห่งการปกป้องสถาบันกษัตริย์ก่อรัฐประหารล้มล้างรัฐบาลประชาธิปไตย มีผู้คนหลายร้อยคนที่รักชาติ หวงแหนประชาธิปไตย และไม่ยอมจำนนต่ออำนาจเผด็จการ และยังถูกศาลจองจำในนามสถาบันกษัตริย์ และถูกปฏิเสธสิทธิในการประกันตัวไปสู้คดี ทั้งที่ยังไม่ถูกพิพากษาให้มีความผิดตามข้อหาใด ๆ

ข้าพเจ้าขอตั้งคำถามต่อท่านผู้พิพากษาผู้ทรงเกียรติว่า ในเมื่อสถาบันตุลาการมีหน้าที่ระงับความขัดแย้งโดยการอำนวยความยุติธรรมให้ประชาชน เพราะเหตุใด ท่านจึงสร้างความขัดแย้งโดยการร่วมกับเผด็จการปล้นความยุติธรรมไปจากมือประชาชน และในเมื่อศาลสถิตยุติธรรม เป็นสถานที่แห่งความจริงที่จะต้องนำความจริงมาพิสูจน์ เหตุใดท่านจึงจองจำความจริงไว้ ไม่ให้ความจริงได้ประกันตัวออกไปพิสูจน์ตนเอง หรือพวกท่านจะเกลียดชังและหวาดกลัวความจริงจนต้องรีบนำความจริงไปคุมขังไว้ให้เกิดความทรมาน และหวังว่าความทุกข์ทรมานนั้นจะสามารถบดขยี้ความจริงให้แหลกสลายไปได้

แต่ความจริงย่อมเป็นความจริง ไม่ว่าจะอยู่ในกรงขัง ในเครื่องทรมาน หรือที่หลักประหาร ความจริงก็ยังคงเป็นความจริง ไม่ว่าท่านจะจับข้าพเจ้าไปคุมขังให้เกิดความทุกข์ทรมานมากเพียงใด ความทุกข์ทรมานนั้นก็ไม่อาจทำลายความจริงได้ ข้าพเจ้าจึงยินดีที่จะรับความทุกข์ทรมานที่พวกท่านจะยัดเยียดให้ และจะยังขอทรมานตนเองเพิ่มด้วย ดังนั้น นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าพเจ้าจะขออดอาหาร ประทังชีพด้วยน้ำ น้ำหวาน และนมเท่านั้น ไปจนกว่าท่านจะคืนสู่สามัญสำนึกโดยการคืนสิทธิประกันตัวสู้คดีให้กับข้าพเจ้า ให้กับผู้กล่าวหาคดีมาตรา 112 และให้กับผู้ถูกกล่าวหาทางการเมืองทุกคน หรือจนกว่าชีวิตของข้าพเจ้าจะหาไม่

ข้าพเจ้าไม่ได้มีเจตนาจะปลิดชีวิตของตน แต่จะขอทรมานตนเอง เพื่อให้ความทรมานที่เกิดกับข้าพเจ้าเป็นประจักษ์พยานแห่งความอยุติธรรมที่เกิดขึ้น เป็นประกายไฟสะกิดมโนสำนึกของพวกท่าน และเป็นข้อพิสูจน์ว่าความจริงไม่เกรงกลัวต่อความทุกข์ทรมานใด ๆ หากข้าพเจ้าต้องสละชีวิตลง ข้าพเจ้าก็ยินดีสละ เพื่อวันหนึ่งประเทศของเราจะไม่มีกฎหมายมาตรา 112 ไม่มีใครต้องตกเป็นนักโทษทางการเมือง และ 3 ข้อเรียกร้องจะบรรลุเป็นจริง ประเทศไทยจะได้เป็นของคนไทยทุกคนอย่างเสมอภาคโดยสมบูรณ์ “