ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. แถลงสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ครั้งที่ 12/2564 วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม 2564 โดยระบุถึงข้อเสนอในการปรับมาตรการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ว่า
1.ทุกพื้นที่ คงระดับพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร และตามมาตรการเดิม ตั้งแต่วันที่ 18-31 สิงหาคม 2564
2.การเพิ่มมาตรการและการจัดการขององค์กร ดังนี้
2.1ดำเนินมาตรการ Test-Trace-Isolate อย่างต่อเนื่อง ดังนี้
-เพิ่มการตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อโดยใช้ ATK ใน กทม.และปริมณฑล
-เตรียมทีม CCRT ให้เพียงพอ และจัดระบบการนำเข้าสู่ HI CI หรือ รพ.
2.2มาตรการองค์กร สำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด
-เน้น WFH ต่อเนื่อง และพนักงานของภาครัฐ/เอกชน ที่จำเป็นต้องมาปฎิบัติงาน ให้มีการคัดกรองด้วย ATK ทุกสัปดาห์ เพื่อให้มีความพร้อมก่อนการคลายล็อกดาวน์
-เตรียม Company Isolation สำหรับหน่วยงานที่มีพนักงานเกิน 50 คน และเตรียมความพร้อมของงานบุคลากร ในการติดตามการคัดกรองด้วย ATK และลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ HI-CI รวมทั้งกำกับติดตาม DMHTTA
2.3มาตรการควบคุมโรคเฉพาะสถานที่ สำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
-โรงงาน สถานประกอบการที่มีพนักงานเกิน 100 คน พิจารณาดำเนินการ BB&S เต็มรูปแบบ
-ตลาด (ค้าส่ง ขนาดใหญ่) ให้คัดกรอง ATK ผู้ค้า แรงงาน ทุกสัปดาห์ และสุ่มตรวจผู้มาใช้บริการเป็นระยะ รวมทั้งกำกับมาตรการ DMHTTA
2.4มาตรการลดการเสียชีวิต
-เร่งรัดการฉีดวัคซีน ให้ความครอบคลุมของวัคซีน กลุ่ม 608 อย่างน้อย 80% ใน กทม. อย่าง 70% ใน 12 จังหวัด และอย่างน้อย 50% ในพื้นที่อื่น
-เพิ่มอัตราการหมุนเวียนการรับผู้ป่วยสีเหลือง สีแดง เพื่อลด Backlog ผู้ป่วยอาการหนักใน รพ./รพ.สนาม และไม่ให้ค้างในชุมชน ควรต้องมีระบบรองรับที่มีประสิทธิภาพ
-เร่งจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ สำหรับผู้ป่วยสีเขียว ทั้งในระบบ HI และ CI
-ประชาชน องค์กร สถานประกอบการ สามารถตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยตัวเองได้ โดยรัฐควรสนับสนุนให้มีการใช้โดยไม่เป็นภาระประชาชน เช่น จำหน่ายราคาถูก จัดหาได้ง่าย
-มีระบบการดูแลรักษารองรับ เมื่อตรวจพบเชื้อ และเน้นย้ำให้ประชาชนป้องกันตนเองทุกกรณี และสื่อสารให้ทุกคนปฎิบัติตามหลักการ Universal Prevention
-หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำแนวทางการดำเนินงานให้สอดคล้องกับข้อกำหนดเดิมที่มีอยู่ต่อไป รวมทั้งพิจารณาร่วมจัดทำ Thai Covid Pass ให้เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดประเทศ
3.การปรับมาตรการจำหน่ายสินค้าจำเป็น/กิจการจำเป็น ในห้างสรรพสินค้า เพื่อกระจายช่องทางการใช้บริการ และอำนวยความสะดวกให้ประชาชน ขอเปิดกิจการธนาคาร/สถาบันการเงิน โดยมีมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด 26 ข้อ ตามที่สมาคมศูนย์การค้าไทยจัดทำไว้
ขณะที่นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพ ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงกรณีที่ ศบค.เห็นชอบให้คงมาตรการควบคุมโรคที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ไปจนถึง 31 สิงหาคมนี้ รวมถึงการผ่อนปรน ให้ธนาคาร และสถาบันการเงิน ในห้างสรรพสินค้า สามารถเปิดให้บริการได้