มะละกอสกัดเย็นแก้วนี้ คนป่วยมะเร็งกินดี คนท้องผูกต้องกิน

อาหารเป็นยา มะละกอสกัดเย็นแก้วนี้ คนป่วยมะเร็งกินดี คนท้องผูกต้องกิน

กินมะละกอและสับปะรดล่าสุดตอนไหน บางคนคงลืมไม่แล้ว

แต่รู้มั้ย สรรพคุณของมันสุดยอดมากๆถ้าฟังจันบอกแล้ว คงทำให้หลายคนอยากกิน 2 ผลไม้นี้ก็ได้

การได้รู้จักผลไม้เป็นยาครั้งนี้ เริ่มจากที่บ้านสั่งซื้อเครื่องสกัดเย็นมา ราคาก็หลายตังค์อยู่ เลยคิดหาผลไม้มาสกัด จึงต่อสายตรงโทรหาพี่สาวที่เป็นพยาบาล พี่สาวจันเลยบอกว่า ลองกินน้ำมะละกอสกัดเย็นสิ ต้านมะเร็ง ล้างลำไส้ ได้ดีทีเดียว ตอนนแรกจันไม่เชื่อ และคิดที่ผุดขึ้นในหัวต่อจากความไม่เชื่อคือ รสชาติจะเป็นยังไงกัน

วันนั้นจึงทำให้จันกระจ่างทุกอย่าง หลังได้ฟังข้อมูลและได้ลองสกัด

พี่สาวจันร่ายยาว หลังจากที่เขาได้ไปอบรมการดูแลผู้ป่วยมาว่า

มะละกอ มีสรรพคุณทางยา มีเอนไซม์ที่ เรียกว่า พาเพนช่วยป้องกันและสลายโรคมะเร็ง ช่วยระบบขับถ่าย บรรเทาอาการท้องผูก บำรุงโลหิต บำรุงระบบประสาท และระบบสายตา นำไปทำเป็นยาช่วยย่อยสำหรับผู้ที่มีปัญหาอาหารไม่ย่อย ช่วยขับประจำเดือน ลดไข้แก้โรคเลือดออกตามไรฟัน ช่วยย่อยอาหาร ช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร ช่วยให้การทำงานของลำไส้ดีขึ้นทำความสะอาดไต ช่วยให้เลือดแข็งตัว เป็นยาระบายอ่อน

ไม่เท่านั้น จากการวิจัยพบว่า มะละกอมีสารไลโคปีน ที่จะช่วยในการต้านมะเร็งต่อมลูกหมาก บางศาสตร์การรักษา มีการนำเมล็ดมะละกอมาสกัดเพื่อเป็นยาบรรเทาอาการมะเร็

แถมสรรพคุณอีกอย่างคือช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น

เพราะมะละกอเป็นผลไม้ที่ย่อยง่าย จึงทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้นและสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของระบบย่อยอาหารได้เป็นอย่างดี

อีกทั้งสารอาหารและวิตามินในมะละกอ ก็สามารถถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย จึงให้ประโยชน์ต่อร่างกายได้เต็มที่สุดๆ

หลังจากได้ฟังสรรพคุณความกลัวในรสชาติก็ลดลง ความกล้าก็เพิ่มขึ้น

งั้นเรามาดูส่วนประกอบและทำน้ำมะละกอสกัดเย็นกินกันดีกว่า

ขั้นตอนแรกนำมะละกอห่าม ๆ หรือมะละกอดิบก็ได้ มาล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นปอกเปลือกเอาเมล็ดออก หั่นเนื้อมะละกอเป็นชิ้นใส่เครื่องคั้นแยกกาก

รสชาติที่ได้ ไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะหลายคนคิดว่ามะละกอดิบจะมียางที่มีกลิ่น แต่รสชาติกลับหวาน ไม่ค่อยมีกลิ่นแถมหอมด้วยหากเป็นมะละกอห่าม ใครที่ไม่สันทัดเรื่องกิน นำสับปะรดมาปั่นแยกกากด้วย หรือบีบมะนาวลงไปเพื่อเพิ่มรสเปรี้ยว ที่สำคัญควรดื่มทันที เพื่อสารอาหารที่ครบถ้วน

ตอนนี้ป้าของจัน ที่เพิ่งไม่ให้คีโมมะเร็งเต้านมกลับมา ก็ดื่มเป็นประจำ วันละ 1-2 แก้ว แกก็แข็งแรงดี แถมบอกว่ากินแล้วถ่ายคล่องสบายท้อง

อันนี้เป็นผลที่เกิดกับที่บ้านจัน เลยอยากนำมาแบ่งปันลูกเพจ แต่ผู้ป่วยมะเร็งที่อาการหนัก หรือมีอาการแพ้ควรปรึกษาแพทย์ และดูความเหมาะสมของร่างกายก่อนนะคะ