หลายคนอาจคิดว่า แค่ “โรคเชื้อราที่เท้า” หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า “ฮ่องกงฟุต” จะอันตรายอะไรนักหนา
ก็แค่อาการคันเท้า มีตุ่ม เดี๋ยวก็หาย
หยุด! ความคิดนี้สักครู่ แล้วมาอ่านข้อมูลกันค่ะ “อีจัน แข็งแรง” จะเล่าให้ฟัง
รู้ไหมว่า “โรคเชื้อราที่เท้า” เกิดจากเชื้อราบนผิวหนังที่เพิ่มจำนวนขึ้นมากจนทำให้เกิดการติดเชื้อ โดยเชื้อราเหล่านี้เจริญเติบโตดีในสภาพแวดล้อมที่อับชื้น โดยเฉพาะบริเวณง่ามนิ้วเท้า
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดเชื้อราที่เท้า คือ
-ปล่อยให้เท้าเปียกชื้นและสกปรกอยู่บ่อยๆ เช่น ลุยน้ำท่วมช่วงฝนตก ทำงานที่เท้าต้องแช่น้ำตลอดเวลา
-สวมใส่รองเท้าและถุงเท้าที่อับชื้น
-สวมรองเท้าที่ไม่ระบายอากาศ ทำให้เท้าร้อนและมีเหงื่อออก
-เดินเท้าเปล่าในบริเวณที่มีความอับชื้นและเสี่ยงต่อการติดเชื้อรา เช่น ห้องอาบน้ำรวม และโรงยิม เป็นต้น
-ใช้ผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้า ถุงเท้า หรือรองเท้าร่วมกับผู้อื่น
ขณะที่อาการคันยิบๆ นี่หล่ะตัวร้าย เมื่อใจพ่ายแพ้ความคันจนต้องใช้มือเกาอย่างเมามันก็จะทำให้เชื้อราที่เท้าแพร่กระจายไปส่วนต่างๆ ของร่างกาย ถ้ามือที่ใช้เกาเท้าไม่สร้างให้สะอาดแล้วไปโดยส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมทั้งบริเวณขาหนีบก็เป็นจุดเสี่ยงติดเชื้อรา เนื่องจากเมื่อเช็ดตัวหลังอาบน้ำ ผ้าเช็ดตัวที่มีเชื้อราติดอยู่อาจไปสัมผัสขาหนีบได้
ในกรณีติดเชื้อรุนแรง! เพราะไม่รักษาหรือปล่อยปละละเลยเพราะคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก ๆ แผลที่เกิดจากเชื้อราอาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียจนทำให้มีภาวะเซลล์เนื้อเยื่ออักเสบ ส่งผลให้เท้าบวมแดงและแสบร้อน โดยการติดเชื้อแบคทีเรียอาจก่อให้เกิดหนองและมีของเหลวไหลออกมาจากบริเวณที่ติดเชื้อ ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษา เชื้อแบคทีเรียอาจแพร่กระจายเข้าไปในระบบน้ำเหลืองและเกิดการติดเชื้ิอภายในทางเดินน้ำเหลืองหรือต่อมน้ำเหลืองได้
ถ้าไม่อยากให้อาการคันยิบๆ ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อราที่เท้า ลุกลามใหญ่โตจนแก้ไขได้ยาก ก็ต้องรีบรักษาและดูแลเท้าตั้งแต่เริ่มมีอาการ ล้างเท้าให้สะอาดด้วยสบู่ และเช็ดให้แห้ง ใส่ถุงเท้าที่สะอาดไม่เปียกชื้น ใช้ครีมกันเชื้อราหรือโรยแป้งฝุ่นที่เท้า
ซึ่งจะยิ่งดีมากๆ ถ้าป้องกันเท้าไม่ให้เชื้อราได้มีโอกาสมากล้ำกราย โดยใส่ถุงเท้าและรองเท้าที่แห้ง เช็ดเท้าให้แห้งเสมอโดยเฉพาะซอกเท้าหลังอาบน้ำ ควรมีรองเท้า 2 คู่ ใส่สลับกัน ไม่ควรใส่รองเท้าคู่เดิมทุกวันเพราะรองเท้าอาจอับชื้น
เมื่ออ่านถึงตรงนี้ น่าจะพอรู้แล้วว่า “โรคเชื้อราที่เท้า” ไม่ใช่แค่อาการคันเท้า มีตุ่ม แล้วหายเองได้ แต่ต้องรักษาให้ถูกวิธี
วิธีป้องกัน “โรคเชื้อราที่เท้า” นอกจากรักษาความสะอาดตามที่บอกไปข้างต้นแล้ว อีกวิธีที่ทำได้ง่ายๆ คือ การใช้สเปรย์ “จันหอม” ฉีดตรงที่เท้า หรือใส่ถุงเท้าแล้วฉีด เพื่อลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุให้เกิดโรคเท้าเป็นรู หรือโรคเชื้อรากัดกินเท้า โดยสาร Tannin ที่ได้จากลูกพลับญี่ปุ่น ช่วยทำให้รูขุมขนเล็กลง และลดการเกิดเหงื่อบริเวณที่ฉีดสเปรย์ระงับกลิ่น “จันหอม” เป็นการแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้นเหตุ
นอกจากนี้ “จันหอม” สเปรย์ระงับกลิ่นเท้า ยังมีสารสกัดที่อ่อนโยนจากธรรมชาติจะที่จะช่วยบำรุงเท้าของเราให้ชุ่มชื่น กระจ่างใส ไม่แห้งกร้าน อย่าง น้ำมันโรสแมรี่ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต, น้ำมันยูคาลิปตัส ช่วยฆ่าเชื้อโรค มีกลิ่นหอมสดชื่น, น้ำมันลาเวนเดอร์ ช่วยต้านเชื้อรา มีกลิ่นหอมช่วยให้ผ่อนคลาย และสารสกัดจากตะไคร้หอมที่จะช่วยลดการสะสมของแบคทีเรีย โดยฉีด “จันหอม” เพียงฉีด 1 ครั้ง ก่อนหรือหลังใส่ถุงเท้าก็ได้ สามารถป้องกันกลิ่นไม่พึ่งประสงค์ได้ยาวนานถึง 24 ชม.
เริ่มดูแลเท้ากันเลย อย่าให้อับชื้น เพื่อห่างไกลโรคเชื้อราที่เท้านะคะ
สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
Line OA : @junhom หรือคลิก https://lin.ee/No5ZAhz
Facebook : https://www.facebook.com/JunhomSP
Tiktok : https://www.tiktok.com/@junhomofficial