เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร นักปั้นพันล้าน กับบทชีวิตลิขิตเอง

ป๋อ ปู โน้ต วิน เวียร์ อั้ม ณเดชน์ หมาก ทั้งหมดนี้ดังได้เพราะผ่านมือ “เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร” นักปั้นมือทองคนนี้ทั้งนั้น เอ ศุภชัย นักปั้นพันล้าน

อีจัน Life Talk สัปดาห์นี้ พาไปคุยกับ “เอ-ศุภชัย ศรีวิจิตร” นักปั้นพันล้าน บทชีวิตลิขิตเอง

เมื่อจบมัธยมปลายที่บ้านเกิด ศุภชัย ศรีวิจิตรหอบความฝันอยากเป็นดารา นั่งรถไฟสายใต้จากนครศรีธรรมราชมาสมัครเรียนที่มหาวิทยาลัยรังสิต หวังจะได้อยู่ใกล้กองถ่ายละครเพราะเห็นหอพักนักศึกษาในทีวี เข้าสมัครเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ แต่ไปสนุกกับผู้คนที่คณะนิเทศศาสตร์มากกว่า

“มาเรียน ม.รังสิต มาเจอพี่ยุ้ย ปัทมวรรณ (เค้ามูลคดี) พี่ยุ้ยเขามีน้าเป็นโมเดลลิ่งหาตัวประกอบ พี่เอก็สมัครไปเป็นตัวประกอบได้วันละ 300 ส่งค่าเทอม บวกกับกู้ กยศ. พ่อมาเซ็นกู้ให้ บอกถ้าไม่จบไม่ต้องพูดกัน พี่เอก็เลยไม่พูดกับทางบ้านเลย 2 ปี จนจบ”
เอ ศุภชัย

เรื่องราวระหว่างเป็นตัวประกอบโฆษณาของพี่เอ สนุกเศร้า เฮฮากันอย่างที่ได้เห็นในรายการอีจัน Life Talk เมื่อวันเสาร์ที่ 10 มิถุนายน 2566 แต่ที่เรียกน้ำตาจนใช้กระดาษทิชชูแทบหมดกล่องคือเรื่องความพยายามไม่ให้ถูกบูลลี่ โดยเฉพาะ “ป้าข้างบ้าน” ที่มักเอาความร้อนหูร้อนใจไปให้ที่บ้าน

“แคร์พ่อแม่ แคร์โรงเรียนเก่า แคร์ข้างบ้าน แคร์หมดเลย” พี่เอเล่าความรู้สึกนั้นทั้งน้ำตา แม้ผ่านมานานแล้วก็ยังจำความเจ็บปวดได้

“เหมือนเพลงหนาวแสงนีออนของตั๊กแตนเลยละค่ะ นั่งอยู่ในห้องคนเดียวแล้วเปิดไฟ จะโทรหาพ่อแม่ก็ไม่ได้ เพราะเขาก็อยากได้ความเป็นลูกผู้ชายกลับไป เราก็เลยต้องแข็งกับตัวเอง ว่าถ้าชนะตัวเองได้ก็ชนะทุกอย่าง คิดว่าถ้าไม่ได้ดีก็จะไม่กลับไป เหมือนเพลงละค่ะ ต้องแข่งกับตัวเองเพื่อให้กลบเพศสภาพที่เขาบูลลี่ ถ้ากลับไปบ้านนอกโดยไม่มีอะไร เขาก็จะบอกว่าเพราะมึงเป็นแบบนี้ไง มึงก็เลยไม่มีอะไร เราก็เลยต้องกลับไปพร้อมกับเงินพันล้าน”

 เส้นทางผู้จัดการนักแสดงหรือนักปั้นดาราเริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจัง โดยมีเงินและเพื่อนเป็นแรงดึงดูด อย่างที่เราทราบกัน ว่าเมื่อพูดถึงพี่เอ ก็จะต้องคิดถึงอั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ ซึ่งพี่เอบอกว่า

“พี่ไม่ได้ปั้นอั้มนะ อั้มเขาปั้นพี่ เพราะอั้มเขาประกวดสาวแฮ็คส์ จากนั้นก็เล่นละครมณีเนื้อแท้ นางนาค เขาก็พาพี่ไปที่โรงถ่ายลาดหลุมแก้ว ให้ช่วยดูแล เพราะเราเป็นเพื่อนกัน เขาให้พี่เดือนละแปดพัน ตอนนั้นพี่ตกงาน แปดพันเยอะมากนะ แต่เราก็กินไม่พอ อั้มก็บอกว่าเธอก็ไปหาคนอื่นมาปั้นสิแล้วเธอก็จะได้อีกคนละแปดพัน ๆ  พี่เอก็บอกว่าถ้าไม่ใช่อั้มชั้นจะคิดเป็นแสน”

จากนั้นก็มีนักแสดงคนแรกที่พี่เอพาเข้าวงการ คือพี่ป๋อ ณัฐวุฒิ สะกิดใจ “เพราะพี่เรียนวิศวะก็ลอกข้อสอบพี่ป๋อไง เลยสนิทกัน จากนั้นก็ไปทาบทาม ปู ไปรยา แองจี้ เฮสติ้ง โน้ต วัชรบูลย์ วิน เวียร์ เราจะปั้นไม่ทิ้ง gen เลยค่ะ พอวินเวียร์ กำลังดังเราก็ไปเดินเชียงใหม่ เดินขอนแก่น เจอกับ ณเดชน์ คูกิมิยะ เจอหมาก ปริญญ์ ..” พี่เอให้อีจันดูรูปรวมดาราที่พี่เอปั้นนับจำนวนไม่หวาดไหว

ฝ่าฟันอุปสรรคทั้งการเงิน ค่านิยม และความยากของงานมาจนวันนี้ที่มีลูกเต็มบ้าน รางวัลเต็มห้อง อีจันชวนพี่เอทบทวนความความหลัง กับเคล็ดวิชาที่พี่เอบอกว่า สูตรสำเร็จคือคิดว่าทุกคนคือลูก

“จริง ๆ ต้องคิดเลยว่าเขาเป็นลูก เป็นน้อง เป็นครอบครัวที่เราต้องดูแลเขาตลอดชีวิต  อย่ามองว่าเป็นสินค้า ให้มองเป็นญาติ เพราะถ้ามองเขาเป็นสินค้า เราจะคิดว่าถ้าทุ่มให้เขาเสร็จแล้ววันหนึ่งเขาจะหนีจากเราไป เราจะไม่ได้อะไร เราจะไม่กล้าทุ่มหมดหน้าตัก แต่ถ้าคิดว่าเขาเป็นลูก แล้ววันหนึ่งเขาอาจจะทรยศพ่อแม่ไปไหน แต่อย่างหนึ่งคือเขาเป็นสายเลือด เรารักเขา เพราะฉะนั้นเวลาพี่เอปั้นใคร พี่เอทุ่มหมดเลย ทั้งศัลยกรรม ส่วนสูง ดัดฟัน พาไปทำหน้าเกาหลี จมูก ตา หน้าผาก บางคนยังไม่รู้เลยอนาคตจะเป็นยังไง แต่พี่ทุ่มให้ทั้งหน้าทั้งตัวแล้ว บางคนที่เพอร์เฟคแล้วอย่างอั้ม ณเดชน์ พี่ป๋อ เวียร์ ก็ไม่ต้องทำอะไร

แล้วอีกอย่างคือการศึกษา เพราะเขาไม่ได้จะอยู่กับเราตลอดชีวิต ถ้าวันนี้เราให้เขาออกจากโรงเรียน จากมหาวิทยาลัย แล้ววันหนึ่งช่วงชีวิตที่เหลืออีก 50 ปีของเขาหลังจากวงการบันเทิงแล้วถ้าเขาไม่มีความรู้ล่ะ เราก็ไม่ชอบแบบนั้น เขาต้องเป็น Someone นะ เพราะฉะนั้นการศึกษาและความรู้สำคัญมาก พี่ก็ให้เด็กทุกคนเรียนหนังสือ ใครเรียนรังสิตก็ส่งไปให้พี่นิดที่ดูแลพี่เอมา ให้ช่วยดูน้อง ๆ ต่อนะคะ หรืออย่างริชชี่สอบได้ก็เข้าจุฬาฯไป ใครเข้าไม่ได้ก็ไปอินเตอร์ คุณต้องเป็นทรัพยากรที่ดีของประเทศ หลังจากออกจากบ้านหลังนี้ ”

อีจันนั่งคุยกับพี่เอ ศุภชัย ท่ามกลางวงล้อมของน้องๆ ในบ้านพี่เอ ทำให้การพูดคุยมีบรรยากาศเหมือนนั่งเล่นในบ้านพี่เรือนน้อง

“ตรงที่เรานั่งอยู่นี่ เมื่อก่อนเป็นบ้านที่ ณเดชน์ และใครต่อใครอยู่กันค่ะ ตรงนี้เป็นครัว น้อง ๆ ก็มาสังสรรค์กันมุมนี้แหละ บางทีนะ พี่เอพาเด็กกลุ่มหนึ่งไปเกาหลี พวกที่อยู่ในบ้านก็แอบจัดปาร์ตี้โฟมกัน โอ๊ย พอพี่เอกลับมาก่อนเวลา มันหนีกันกระเจิง บางคนไปมุดอยู่ในสระน้ำค่ะ แมวไม่อยู่หนูร่าเริงไงคะ แล้วไวน์พี่เอเก็บไว้ มันก็เอามากินหมด แจกันอายุห้าร้อยปีพี่เอซื้อมาจากเชียงใหม่ ที่คนปั้นตายไปแล้วน่ะนะคะ มันเตะบอลกันแจกันพี่เอแตกหมด ..แต่พอตอนหลังก็มานั่งสารภาพว่าตอนนั้นผมเด็กครับ”
พี่เอเล่าสนุกจริง ๆ

ถ้าอยากได้อรรถรสการเล่าหัวเราะร่าน้ำตาเล็ด ขอให้ไปดู อีจัน Life Talk ใน Youtube ค่ะ ในเนื้อที่น้อย ๆ กับ Pride Month เดือนแห่งความหลากหลายทางเพศ เราขอปิดด้วยเรื่องราวส่วนตัวของพี่เอ ที่กล้าเปิดใจกับเรา ว่าทำอย่างไรพ่อแม่จึงเข้าใจเพศสภาพของพี่เอ ซึ่งใน พ.ศ.นั้น ยี่สิบกว่าปีมาแล้วไม่ง่ายเลย

“พ่อพี่น่ารัก แต่แม่เซนสิถีฟหน่อย เพราะคุยกับป้าข้างบ้านเยอะ เราก็ให้สื่อถ่ายทอดไปเรื่อย ๆ พ่อแม่ก็ซึมซับไปเอง แล้วเราก็ไปพูดกับป้าข้างบ้านว่าเนี่ยเธออย่าไปพูดให้พ่อแม่ชั้นเกลียดชั้นเสียใจสิ เธอต้องเข้าใจนะว่าชั้นเป็นคนดี ถึงชั้นจะเป็นแบบนี้ก็ไม่ทำความเดือดร้อนให้ มีแต่ซัพพอร์ตทุกอย่าง ก็เลยผ่านค่ะ”

ในวันนี้ วันที่พี่เอมีพร้อมทุกอย่างทั้งความรัก คนรัก ( หนุ่มอิตาเลียนสุดหล่อจากเกาะคาปรี) เงิน และธุรกิจใหม่คอลลาเจน A secret ที่เริ่มอยู่ตัว พี่เอมีแผนการบทสุดท้ายของการปั้นตัวเอง

“พี่จะกลับบ้านที่พรหมคีรี กลับไปช่วยเหลือชุมชน ทำให้โรงเรียนเราภาคภูมิใจ ทำบ้านขยายเพิ่มอีก ให้พ่อแม่รู้ว่าพี่จะกลับแน่ ขุดสระน้ำใหญ่ ปลูกต้นไม้เพิ่ม ให้บ้านเป็นแหล่งท่องเที่ยว Unseen เลยค่ะ ”

รับรองว่าอีจันตามไปเที่ยวแน่นอนค่ะ พี่เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร ที่รัก

คลิปอีจัน แนะนำ
อีจันชวนโหวต
var d=document,w=”https://tally.so/widgets/embed.js”,v=function(){“undefined”!=typeof Tally?Tally.loadEmbeds():d.querySelectorAll(“iframe[data-tally-src]:not([src])”).forEach((function(e){e.src=e.dataset.tallySrc}))};if(“undefined”!=typeof Tally)v();else if(d.querySelector(‘script[src=”‘+w+'”]’)==null){var s=d.createElement(“script”);s.src=w,s.onload=v,s.onerror=v,d.body.appendChild(s);}