อีจัน Life Talk : ความลับที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง “วู้ดดี้ มิลินทจินดา”

“วู้ดดี้ – วุฒิธร มิลินทจินดา” พิธีกรเบอร์ต้น ๆ ของเมืองไทย เปิดปากเล่าเรื่องสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ อีจัน Life Talk เป็นที่แรก

พิธีกรปากกล้า คือฉายาแรกของผู้ดำเนินรายการทอล์คโชว์ นาม วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา

จากครอบครัวอาจารย์และนักการทูตที่ใช้ชีวิตวัยรุ่นในสหรัฐอเมริกา เริ่มต้นงานรายการโทรทัศน์ในเมืองไทยด้วยไฟแรง ประกาศศักดา “วู้ดดี้เกิดมาคุย” เวลานับสิบปีในวงการสื่ออย่างมีพัฒนาการ ไม่เพียงผลงานของวู้ดดี้จะแก่กล้า หากแต่ยังปรับตัวได้ในทุกแพลตฟอร์ม ประสบการณ์หล่อหลอมให้เขาโดดเด่นเป็นพิธีกรยอดนิยมแห่งยุค ใบหน้าสะอ้าน แววตาอยากรู้ แต่สุขุม ใส่ใจ และให้เกียรติ คือบุคลิกที่แขกรับเชิญของวู้ดดี้ต่างยินดีให้เขาซักถามอย่างเข้าใจความเป็นมนุษย์  

เขาบอกว่า “วู้ดดี้วันนี้ ก็ไม่ใช่วู้ดดี้เมื่อสิบปีก่อน” และ “มีอะไรอีกมากที่อยากเล่า แต่ไม่เคยเล่า

การเปิดปฐมบทรายการอีจัน Life Talk ทาง Youtube Channel จึงเป็นโอกาสอันดีที่อีจันจะขอเปิดจอ Talk แรก คุยเรื่องราวชีวิตของวุฒิธร มิลินทจินดา โดยมีนาตาเลีย เพลียแคม บุกถึง Woody World ในอาคารสูงใจกลางกรุงเทพมหานคร แล้วใช้ห้องบันทึกรายการของวู้ดดี้เป็นจุดนัดพบ

อีจัน Life Talk : สิ่งที่พี่วู้ดดี้ยังไม่เคยเปิดเผยและมันอยู่ในซอกหลืบมีอะไรบ้าง?

วู้ดดี้ : วู้ดดี้เป็นคนที่ไม่มั่นใจในตัวเอง เวลาที่อยู่เบื้องหลัง ก่อนจะถ่ายรายการก็จะรู้สึกประหม่าและก็ตื่นเต้น ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ก็ยังต้องถามทีมงานว่า โอเคไหม ดีไหม แต่พอมานั่งอยู่ในฉาก นับ 5 4 3 2 ความมั่นใจก็จะค่อย ๆ มา เหมือนเรามีสองร่าง ร่างที่ออกสื่อ กับร่างที่อยู่บ้าน ส่วนตัว ซึ่งเป็นคนที่ขี้กังวลมาก นอยด์มาก  และนี่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้พี่กลายเป็นโรคแพนิกก่อนหน้านี้ ซึมเศร้า มีปัญหาทางจิตเวช เพราะพอมีสองร่างมันตีกัน

ถ้าปีที่ผ่านมาคุณดูโพสต์ของพี่ มันจะเกี่ยวข้องกับเรื่องจิตเวชต่าง ๆ นานา แล้วก็มีหลายโพสต์ที่เราได้แชร์เกี่ยวกับตัวเราเองแล้วกลายเป็นว่าเราได้มีโอกาสพูดคุยกับหลาย ๆ คนที่ต่างจากความปกติของทุกคนที่เข้าใจว่าเป็น และเราก็เห็นว่าในตัวเราทุกคนมันมีเรื่องจิตเวชไม่มากก็น้อยอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเราจะจับมันได้หรือเปล่าเท่านั้นเอง อันนี้คือสิ่งที่ไม่เคยพูดอย่างเป็นทางการ บางทีอาจจะเคยโพสต์ในโซเชียล แต่ไม่เคยให้สัมภาษณ์ว่าเรามีเรื่องนี้นะ

ก็อยากแชร์วันนี้ เพราะอยากจะบอกทุกคนว่า เวลาเรารู้สึกว่าเรามีปัญหา อย่ามองว่ามันเป็นปัญหา มองว่ามันเป็นพร ฟังดูอาจจะแปลก ๆ นิดหนึ่ง ที่ให้เรามาเรียนรู้ ให้เราอยู่กับมัน เพราะเมื่อเราอยู่กับมันและยอมรับมัน มันจะค่อย ๆ เบาลง แต่ถ้าเรายอมรับมันไม่ได้ เรารู้สึกว่าทำไมมันเกิดขึ้นกับเรา มันจะยิ่งปะทุ มันจะยิ่งใหญ่

แต่ในมุมกลับกัน พอเราอยู่หน้ากล้องใครจะไปรู้ว่าภายใต้ความสนุกสนานที่เรากำลังมอบให้ผู้คน กำลังมอบข้อคิดดี ๆ ต่าง ๆ มันมีความกดดันซ่อนอยู่ แล้วมากไปกว่านั้นคือมันต้องสู้กับตัวเอง เพื่อที่จะกลั่นให้มันเกิดความสุขมากที่สุดและส่งต่อให้คนดู

ก่อนหน้านี้ที่มันมีภาพของการสัมภาษณ์ที่มันมั่นมาก แล้วเวลาคนบอกว่าคนนี้มั่น ในใจพี่แบบ ไม่ใช่ ฉันไม่ได้มั่น ตอนนั้นมันตีกันอยู่ เพราะเราเป็นคนนอยด์มาก แต่พอในภาพออกไปมันมั่น มันก็เลยขัดกัน แล้วใจเราไม่โอเค รู้สึกแย่ รู้สึกเศร้า จนกระทั่ง ก็ต้องเลือกว่าเราจะเอายังไง เราจะเปลี่ยนภายในตัวเรา หรือเราจะเปลี่ยนบุคลิกภายนอก เพราะพี่ยอมรับว่าภาพก่อนหน้านี้ พี่ตั้งใจทำให้เป็นคนสัมภาษณ์ แบบแรง แบบตรง เพราะรู้สึกว่ามันเป็นของแปลกแล้วมันจะเด็ด ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่เราอยากเป็น แล้วก็อยู่กับคาแร็กเตอร์นั้นหลายปีมาก จนมันเกิดความซึมเศร้าว่าเราไม่รู้สึกเป็นตัวของตัวเอง เราไม่ได้อยากจะแบบ อันนี้เราไม่รู้สึกว่าเป็นเรา หรืออาจจะเป็นร่าง 3 ร่าง 4 ของเราลึก ๆ แล้ว ที่อยากจะถามแทนคน ในอารมณ์ที่มันตรงไปตรงมา แล้วพอพี่งงกับตรงนั้น คนรอบข้างก็แบบ เป็นอะไรมากไหม แล้วมันก็ใช้หลายปีจนกระทั่งมันกรอง มันจูนกันเรียบร้อย ตอนนี้พี่รู้สึกว่า พี่ที่นั่งอยู่ตรงนี้ กับพี่ที่บ้าน มันคือคนเดียวกัน มันอาจจะมีบางอย่างที่โอเวอร์นิดหนึ่ง เรามีกล้อง มีไฟอยู่ พี่อาจจะยังคุ้นชินกับการ มีความเยอะในการสื่อสาร เพราะอยู่ที่บ้านก็อาจจะไม่ได้คุยแบบนี้  แต่เอาตรง ๆ ไปนั่งกับเพื่อน ทุกคนบอกว่า เหมือนนั่งอยู่ในรายการเลย

อีจัน Life Talk : แต่อารมณ์มันได้จริง ๆ นะพี่วู้ดดี้ ขนาดหนูนั่งอยู่นี่ หนูเหมือนกำลังถูกพี่วู้ดดี้สัมภาษณ์

วู้ดดี้ : ทุกคนที่เจอพี่จะพูดอย่างนี้ พี่แค่คิดว่าพี่แค่อยู่กับปัจจุบันกับเขาคนนั้น พี่ฟังเขา 100% พี่อยู่กับคนที่อยู่ต่อหน้า 100% ไม่ได้ลอยไปในอนาคตหรือในอดีต ไม่ได้คิดอะไรนอกจาก ถ้าเราไม่ได้เจอคนคนนี้อีกแล้ว เราคงเสียดายมากถ้าเราพูดอะไรผิด หรือว่าเราไม่ได้ฟังเขา ดังนั้นพี่จะให้ความสำคัญกับปัจจุบันมาก แต่อันนี้มันต้องฝึกนะ เพราะว่าไม่ใช่อยู่ดี ๆ จะทำได้เลย

อีจัน Life Talk : ช่วงที่ผ่านมา มันมีมุมมองความรักของพี่วู้ดดี้โผล่เข้ามาด้วย นอกจาก work life balance แล้ว มันเป็น work love balance ยังไง

วู้ดดี้ : ทุกวันนี้พี่ก็หากินกับแฟนพี่เยอะพอสมควรนะ เพราะทีมโซเชียลมีเดียเขาบอกว่า พี่ต้องถ่ายคลิปกับพี่โอ๊ตบ่อย ๆ คนชอบคิดว่าคลิปของพี่กับพี่โอ๊ต คนชอบเพราะเขาเห็นมุมของพี่ ที่เขาไม่เห็นเขาจะเห็นมุมพิธีกร สมมุติดูคลิป “สวัสดีครับทุกคน..”

 มันก็เป็นวู้ดดี้ ที่เป็นพิธีกรมาก ๆ แต่พอเขาเห็นพี่กับพี่โอ๊ต พี่ก็จะตัวเล็กพี่ก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ อ้อนเอิ้น อะไรแบบนี้ และในชีวิตความสัมพันธ์เรา พี่ว่ามันก็เหมือนทุกคู่ พี่ไม่ได้มองว่าชีวิตความสัมพันธ์พี่มันหวานชื่น สมบูรณ์แบบ มันก็มีวันที่หนัก ไม่คุยกัน ทะเลาะกัน พอเราคบกันมายาวนาน 16 ปี เราต้องยอมรับก่อนว่า โอ๊ตในวันแรกที่พี่คบ ก็ไม่ใช่โอ๊ตในวันนี้ เพราะว่าคนเราเปลี่ยนทุกวัน เราจะไปคาดหวังว่าเขาจะยังเป็นคนเดิมในวันนั้นไม่ได้ เช่นเดียวกับพี่ พี่ก็ไม่ใช่วู้ดดี้ในวันนั้นที่เขาคบ วันนี้พี่ก็เปลี่ยน เมื่อเราเห็นว่าต่างคนก็ต้องต่างเปลี่ยนไป ไม่รู้จะใช้คำว่าพัฒนา หรือเปลี่ยนแปลงมันก็คือ ปรับจูนไปกับโลกและสังคม และกับประสบการณ์ เราก็ต้องยอมรับในความต่างตรงนี้อันนี้พี่คิดว่าเป็นสิ่งที่มันจะต้องใช้เซ้นส์เยอะมาก เพราะสิ่งที่เขาชอบสมัยก่อน อยากให้เราอ้อน วันนี้อาจจะไม่ได้ชอบ หรือว่าบางที เขาอาจจะชอบเซอร์ไพรส์สมัยก่อน แต่เดี๋ยวนี้อาจจะไม่อยากให้เซอร์ไพรส์ เราต้องจูนกันไปเรื่อย ๆ อันนี้แค่ยกตัวอย่างหนึ่งให้ฟัง

แต่เราจะต้องรู้ทุกเรื่องที่มันจะทำให้เราอึดอัดใจ และหลีกเลี่ยงเพราะเราเลือกคนคนนี้เป็นคู่ชีวิตเราแล้ว มันก็เป็นทีมเวิร์ค ก็ต้องไปด้วยกัน ส่วนความหวานก็คือ ตื่นมา กอด ฟัด หอม พูดภาษาต่างดาว งุงิงุงิงุงิ ระหว่างวันก็ส่งคลิปหมาแมวในอินสตาแกรม อาจจะไม่คุยกันตอนกลางวัน เพราะพอเข้าสู่โหมดทำงาน ก็จะหลีกเลี่ยงไม่คุยกันมากเพราะรู้ว่าตอนทำงานจะจริงจัง จะคุยกันแบบเพื่อนร่วมงาน และเอเนอร์จี้มันจะเป็นอีกแบบ แล้วก็ไปเจอกันตอนเย็นใหม่ ก็จะพูดภาษาเอเลี่ยนใหม่

อีจัน Life Talk : ถ้าวันนี้มันมีปาฏิหาริย์ พี่วู้ดดี้ได้เป็นนายกรัฐมนตรี สิ่งที่พี่วู้ดดี้จะทำเป็นลำดับต้น ๆ คือเรื่องอะไรบ้างคะ

วู้ดดี้ : ผมว่าถ้ากลุ่มของเรา เรื่องการสมรส จดทะเบียน ความเป็นคู่ชีวิตมันต้องเกิดขึ้น เพราะมันจะเป็นสัญญาณ ที่บอกว่า กลุ่มนี้ก็เหมือนคนอื่น แล้วพอมันเหมือนคนอื่น กฎหมายอื่นมันก็จะตามมาอันนี้คืออย่างแรกที่พี่คิดว่ามันต้องเกิดขึ้น

แต่ถ้าอย่างที่ 2 ไม่ได้เน้นเรื่อง LGBTQ+ พี่ก็จะปรับโครงสร้างข้าราชการทั้งหมดเพราะพี่รู้สึกว่านี่คือปัญหาพื้นฐาน พี่ว่าข้าราชการควรได้เงินเดือนเยอะมาก และพี่เชื่อว่าข้าราชการดี ๆ มันล้นเยอะมาก แต่รายได้ของเขามันยังน้อย โครงสร้างมันต้องปรับ แล้วพอมีรายได้ที่มากขึ้น มันก็จะลดปัญหาที่ตาม ๆ เพราะมันผูกกันหมด

อีจัน Life Talk : คอร์รัปชัน

วู้ดดี้ : ใช่ คอร์รัปชันเป็นต้น เพราะนี่คือปัญหาพื้นฐาน คือมีคนบอกว่า โอ๊ย แก้ไม่ได้หรอกปัญหาประเทศนี้ เฮ้ย ทุกปมมันแก้ได้หมดนะ ขึ้นอยู่กับว่าคนที่จะแก้ คนที่จะเป็นผู้นำ มีความกล้าหาญในการแก้แบบเบ็ดเสร็จหรือเปล่า พี่มีเพื่อนคนหนึ่งเป็นนักการเมือง เขาบอกว่า การโกงกินเป็นเรื่องปกติพี่ มันเป็นอย่างนี้ แต่เรามีความคาดหวังว่า คนรุ่นใหม่ไม่น่าจะคิดอย่างนี้ พี่เลยบอกว่า ถ้าระบบมันเปลี่ยนได้ ถ้าพี่เป็นนายกฯ พี่จะทำสิ่งนี้เป็นอันดับแรกเลย พี่จะเอาโซเชียลมีเดียเข้าไปให้คนทั้งประเทศได้เห็น ว่ารัฐมนตรีคนไหนกำลังทำอะไรอยู่ พี่จะให้การประชุมวาระสำคัญ ๆ มันถ่ายทอด ตรวจสอบได้ พี่จะให้ทุก ๆ การเซ็นการจ่ายเงินถ่ายทอดสด เพราะเรามาจากโซเชียลมีเดีย เรารู้ว่าถ้ามันเกิดขึ้นมันจะเกิดความตั้งใจไม่ให้มีเรื่องผิดเกิดขึ้น และสังคมสามารถที่จะตรวจสอบได้

อีจัน Life Talk : เมื่อทุกคนอิ่ม มันก็ไม่มีความโลภ เมื่อไม่มีความโลภ คอร์รัปชันมันก็ไม่มา

วู้ดดี้ : ถูกต้อง เมื่อทุกคนอิ่มแล้วทุกคนมีโอกาส มันก็จะไม่มีสิ่งสิ่งนี้เกิดขึ้น พี่ไปที่เวียดนามแล้วเห็นเด็กรุ่นใหม่ เขาอยากทำอะไรเขาก็ได้ทำ ได้โต ประเทศเขาไปเร็วมาก พี่ก็กลับมาดูของบ้านเรา คุณเรียนจบมาสูงขนาดไหน แต่สวัสดิการมันน้อยนิดมาก ระบบมันไม่ได้เอื้อไง ถ้าเราไม่มีฐานของคนรุ่นใหม่ที่มีความแข็งแกร่ง และมีโอกาสที่จะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง มันก็จะหมดหวัง พอมันหมดหวังมันก็จะเริ่มไปทำอะไรอย่างอื่นที่ไม่ถูกต้อง แล้วมันก็จะกลายเป็นปัญหาอีก วนลูปเดิม ๆ

ประเทศเรามันมีความซับซ้อน มันมีความซับซ้อนด้วยระบบ มันมีความซับซ้อนด้วยหลายปัจจัย แล้วก็ไม่มีใครอยากจะเผชิญ แต่พี่ว่ามายด์เซ็ตนี้น่าสนใจนะ เพราะว่าอีกไม่นาน มันจะมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่มาก ทุกวันนี้ เราเห็นหลากหลายมิติของการเปลี่ยนแปลง มันต้องสุด พี่ขอบอก อีจัน Life Talk เป็นคนแรกว่า พี่อยากเล่นการเมืองมานานมาก เพราะคิดว่าถ้าเราเกิดมาเป็นคนไทย เป็นเกย์ ได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มพิกัดหรือยัง เปรียบเทียบกับชาติอื่นแล้วการเป็น LGBTQ มันได้ความทัดเทียมหรือยัง รู้สึกว่าถ้าเกิดมาแล้วเราไม่สามารถที่จะใช้พลัง ใช้ความสามารถเรามันเหมือนกับเสียชาติเกิด แล้วมันก็ติดในตัวพี่มานานมาก

แต่..เหตุผลที่พี่ไม่มีโอกาส เพราะพ่อกับแม่บอกว่า “รับไม่ได้ เพราะว่าประเทศนี้คือมันแซะ มันขุด มันสาดกันสกปรก” แม่บอกว่าถ้าแม่ยังมีชีวิตอยู่ แม่ขอร้อง พี่รักแม่พี่มาก แล้วพี่รู้สึกว่า โอเคเราไม่จำเป็นต้อง เล่นการเมืองก็ได้ เราเอาแพลตฟอร์มนี้ โซเชียลมีเดียของเรา ใช้พื้นที่ของเรา ทำเพื่อคนไทยของเรา แล้วถ้ามีโอกาสอะไรก็ตาม ที่พี่ได้พูดคุย เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนนักศึกษา เขามีความฮึกเหิมที่จะคิดไกลไประดับโลก พี่ว่าอย่าให้กติกาของประเทศนี้ ในวันนี้มันเป็นกรอบให้เราไม่อยากพูดออกไป เพราะวันนี้ถ้าอยู่คิดว่าประเทศนี้มันลำบากมาก บางทีระหว่างที่เราพยายาม ที่จะแก้ไขตรงนี้ เราคิดว่าเราเป็นชาวโลกก็ได้ นั่นหมายความว่าเราสามารถค้าขายได้ทั่วโลก อย่าไปยึดติดว่า เราต้องอยู่กับ แค่ประเทศไทย หรือว่าต้องทำงานกับคนไทยเท่านั้น แล้วมิติมันก็จะเปลี่ยนเพื่อที่จะทำให้เราเดินหน้าต่อไปได้ ไม่งั้นเราจะถูกฉุดรั้งมากเลย ที่จะรอให้ระบบมันเปลี่ยน เพราะว่าเรา ต้องการให้ระบบดีขึ้น แต่ถ้าเราไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ปรับเปลี่ยนระบบ เราเองจะทำอะไรบ้าง ให้มันเดินหน้าต่อ ดีกว่าอยู่เฉยๆ แล้วก็ รอให้มันมีการเปลี่ยนแปลง

อีจัน Life Talk : คนนึงจะต้องมีอยากไปสักที่หนึ่ง ช่วงนี้ยูเอฟโอก็เยอะ คนอาจจะอยากไปดาวอังคาร

วู้ดดี้ : อย่านะ พี่แอบกลัวนะ พี่นอยน์ดูหนังไว้เยอะ แล้วส่วนใหญ่อย่างฮอลลีวูด มันจะเป็นไปตามนั้น พี่ก็ไม่อยากโดนเอเลี่ยนฆ่านะ แล้วผมก็ต้องสร้างห้องลับในบ้านยังไงที่แบบเอเลี่ยนจะไม่มา อะไรอย่างเงี้ย

อีจัน Life Talk : แล้วเกิดสมมุตว่าเอเลี่ยนมาแล้วมันมีที่ ๆ  นึงที่แบบว่าน่าจะเป็นที่ความสุขสุดท้าย พี่วู้ดดี้จะไปที่ไหน

วู้ดดี้ : มันมีเมืองอยู่เมืองที่พี่ชอบมากเลยหลวงพระบาง ที่ลาว พี่ว่าเอเลี่ยนคงไม่บุกหลวงพระบาง

อีจัน Life Talk : ทำไมล่ะมันเข้าข้ามโขงไม่ได้หรือไงคะ

วู้ดดี้ : เขาคงไม่มา  หลวงพระบางเป็นเมืองเล็ก ๆ น่ารักนะ ที่พี่มีที่มีความหลังเยอะที่นี่ เป็นเมืองที่ไปแล้วถือว่าพี่ผูกพัน แล้วก็เมืองนี้จะเป็นเมืองน่ารักน่ารักพี่เอเลี่ยนไม่แตะ อันนี้คิดแบบในเชิงบวกเนอะ เอเลี่ยนคงจะไปนิวยอร์ก ไปกรุงเทพฯ ถึงเวียงจันทน์อาจจะไป แต่ว่าหลวงพระบางมันเล็ก มันชิล ๆ ไม่เหมาะเอเลี่ยนหรอก มันก็มีหลายประเทศที่ยังไม่ได้ไป แต่ถามว่าอยากไปจริง ๆ ไหม ไม่ไปก็ได้ เพราะตายโดยที่แบบไม่ต้องไปก็ได้ อยากเดินทางในมากกว่าตอนนี้ วันหนึ่งนิตยสารหนึ่งเขาติดต่อมาเขาบอกว่า ตอนนี้กำลังมีโปรเจคอะไรที่น่าสนใจบ้าง แล้วนิตยสารเล่มนี้มันเกี่ยวกับเรื่องของสังคม ไลฟ์สไตล์อย่างนี้น่ะครับ เราก็เขียนตอบไปว่า เออ ตอนนี้เราเดินทางใน ชอบเดินทางในอะไรอย่างเนี้ย แล้วเขาก็ส่งข้อความกลับมาว่า เอ๊ะ คุณวู้ดดี้เขียนมาผิดหรือเปล่าคุณจะเขียนว่าเดินทางภายในประเทศหรือเปล่า นี่ก็บอกว่าไม่ใช่ ก็คือเดินทางภายใน ซึ่งมันเป็นคอนเซปต์ที่บางคนอาจจะไม่สนใจหรือไม่เก็ต แต่พี่ว่าวันเนี้ยพี่สนใจมาก พี่อยากจะไปเจอจิตตัวเอง พี่อยากค้นหามากเลยว่าไอ้ตัวเราภายในเราเนี่ยมันเป็นยังไง ก่อนจะมาเป็นวู้ดดี้อย่างนี้ มันเป็นยังไง เราเกิดมากับจิตเดิมแท้ที่มันบริสุทธิ์ แล้วพอเราโตขึ้นมาปุ๊บเราก็จะถูกพ่อแม่ครอบครัวสังคมแบบเติมให้เราว่า เราต้องเป็นอย่างโน้นเป็นอย่างนี้

วู้ดดี้ที่นั่งอยู่วันนี้มันไม่ใช่จิตเดิมแท้ไง แต่มันเป็นวู้ดดี้ที่ถูกหล่อหลอมโดยทุกอย่างที่เติมมาให้กับเราตั้งแต่เราเกิด พี่ก็ศึกษาปฏิบัติเยอะ ไม่ใช่เหมือนเข้าวัดอะไรอย่างงี้นะ แต่ว่าก็เป็นการเสิร์ช ค้นหาคนที่เชี่ยวชาญการเดินทางในหรือเรื่องความตาย ตอนนี้พี่สนใจเรื่องความตายมากที่สุด ที่สุดในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เจอโควิดมาแล้วมองว่าชีวิตมันไม่แน่ไม่นอน พี่ก็มีคำถามว่า ถ้าเกิดว่าพี่โดนรถชนเลยเนี่ย แล้วพี่กำลังจะตาย แล้วพี่รู้ว่าพี่กำลังจะตายพี่ต้องคิดยังไง พี่ต้องวางใจยังไง ถ้าเกิดว่าเชื่อว่าชาติหน้ามีจริง พี่จะไปยังไงต่อ ทำไมเราจะไม่ศึกษาล่ะว่าเราจะ exit แล้ว mindset ต้องเป็นยังไงเพื่อจะไปยังไงต่อ

พี่อยากตายแบบ เย้! พร้อมโว้ยยย ป่ะตายแล้ววันนี้ดีใจมาก ทำไมเราต้องตายแบบโอ้ยตาย โถ่พลัดพราก ๆ ๆ คิดถึงพ่อแม่คิดถึงทุกอย่าง เราเรียนรู้แล้วเราก็ค้นพบว่าโอ้โห ถ้าเราไม่เริ่มปล่อยวางจากทุกความผูกพันเราจะตายแบบทุกข์มากนะ ถ้าเรายังยึดติดกับความรักของทุกคนในชีวิตแล้วมองว่าขาดไม่ได้ ถ้าเราไม่ซ้อมตั้งแต่วันนี้ ว่าความตายเป็นเรื่องธรรมดาตอนไปมันจะทรมานมาก พี่ก็ไม่อยากจะประมาทพี่อยากไปด้วยความสบายใจ ก็เลยเตรียมตัวแล้วก็คิดเสมอว่าถ้าจะไปในที่ที่ดีขึ้นกว่าเดิมมันต้องเป็นยังไง สมัยก่อนที่เค้าบอกว่าไม่อยากกลับมาเกิดใหม่ ทำไมอ่ะ กลับมาเกิดสิ กลับมาเป็นคนรวย ชาติหน้ามีจริงหู้ยยยขอกลับมาเป็นแม่ พี่ กลับมาเจอแฟนคนเดิม เดี๋ยวนี้พี่กับแฟนพี่บอกว่าชาติหน้าไม่เจอกันนะ เพราะว่าเจอแล้วทุกข์อะไรก็ทุกข์ไปหมด กลับมาอยู่บนโลกมันมีแต่ความทุกข์ก็แบบ ทุกวันนี้พอยิ่งเรียนไปยิ่งแบบโอ้ สมัยก่อนไม่จริงอ่ะ เดี๋ยวนี้มองจากมุมใหม่ เราคิดว่าแบบอยู่ดีดีมันก็ไม่ได้แบบว่าบู้มมมบิ๊กแบงมาแล้วก็มีไดโนเสาร์ หายไป คนเกิด พี่เชื่อว่ามันมีอะไรลึกซึ้งกว่าที่เรามองไม่เห็น ที่สำคัญเลยก็คือเราอย่างมงายในวิทยาศาสตร์ เพราะวิทยาศาสตร์ก็เปลี่ยนไปกับกาลเวลา เดี๋ยวนี้พี่จะเปิดกว้างมาก จะไม่เชื่อว่าอะไรคือคำตอบสุดท้าย

อีจัน Life Talk : เป็นการเตรียมตัวตายดี

วู้ดดี้ : ใช่ เดี๋ยวนี้มันมีสมุดเบาใจ ดีมากเลย มันเขียนเลยว่าแบบว่า จะตายที่โรงพยาบาล หรือตายที่บ้าน ถ้าเกิดว่าต้องต่อท่อ จะต่อไหม จะฝากอะไรไว้ ลองไปเสิร์ชดูนะ ให้ทุกคนกรอกไว้ แล้วก็บอกที่บ้านให้หมดเลยว่าเนี่ยเอาเป็นแบบนี้ พี่น่ะคิดถึงขั้นที่จะจัดตั้งองค์กรหนึ่งเพื่อการดีไซน์งานศพ พี่คิดว่าเราควรจะออกแบบแม้กระทั่งงานศพตัวเอง เลือกเลยว่ากี่วันคุณจะไปวัดไหน เพราะบางคนบอกไง โอ้ยตายไปแล้วไม่ต้องคิดอะไรหรอก เฮ้ยคุณจะทิ้งภาระให้คนอื่นได้ยังไง คุณเกิดมาในชีวิตอ่ะคุณต้องจัดการบริหารชีวิตตัวเองถึงนาทีสุดท้ายรวมไปถึงงานศพของตัวคุณเอง คุณต้องดีไซน์ทั้งหมดแล้วคุณต้องออกแบบให้มันเสร็จเขียนเป็นพินัยกรรมแล้วจบ ไม่งั้นญาติพี่น้องก็ทะเลาะกันตายเลยสวด 3 วัน สวด 7 วัน เผาไม่เผา ของพี่นี่ระบุชัดเจนว่าแช่โลงเย็นไม่ฉีดฟอร์มาลีน เพราะพี่อยากให้เขาเห็นหน้าของพี่เหมือนเดิม มันก็ต้องระบุว่าจะเอาแบบไหน แต่บางคนก็ช่างมันเถอะ ตายแล้วไม่ต้องไปสนใจ ไม่ได้นะพี่ว่าเราต้องคุยให้มันจบ แล้วพอจบปุ๊บ มันอาจจะไม่เป็นแบบที่ยูต้องการ 100% อย่างน้อยคนที่ตามมาเค้าก็ไม่ต้องไปนั่ง worry ไง แม้กระทั่งค่างานศพคุณก็ต้องออกไปก่อนล่วงหน้า ทำสัญญากับออแกไนเซอร์ วัด ให้มันเสร็จเรียบร้อย คุณก็ต้องจ่ายค่างานศพตัวเอง พอมันเสร็จแล้วมันเบา มันหมดความกังวล แล้ววินาทีที่ต้องไปด้วยอุบัติเหตุ หรือแค่ด้วยตามธรรมชาติเนี่ยมันจะไปแบบเบา พี่เชื่อว่าเวลามันไปแบบเบามันจะลอยขึ้นไป แต่ถ้ามันไปแบบหนักมันจะลง เราก็ใช้ฟิสิกส์อ่ะมันจะขึ้นหรือมันจะลง

พี่สนใจเรื่องความตายมากเป็นพิเศษแต่ไม่ค่อยพูด

หลากหลายประเด็นที่ล้วนเป็นเรื่องไม่เคยเล่า อีจัน Life Talk บทที่หนึ่งนี้ เพลิดเพลินจนไม่อยากสั่งคัท สุดท้ายนี้ขอจบบทความด้วยคำพูดของวุฒิธร มิลินทจินดา ฝากถึงผู้อ่านและผู้ชมดังนี้ 

“วันนี้ได้แชร์หลายเรื่องที่ไม่เคยได้มีโอกาสพูดกับใคร แต่ละเรื่องที่ฟังนี่ ถกเถียงกันได้เลยนะฮะ แล้วอย่าเอาผม เป็นคำตอบสุดท้าย มันเป็นแค่ความเชื่อและความรู้สึกของวู้ดดี้ อะไรผิดอะไรถูกผมว่าถกเถียงกันได้ ไม่ต้องมีอะไรที่มันถูก หรือผิด แต่คนที่ดูจบสามารถที่จะคอมเม้นท์มาได้เลย คุณรู้สึกยังไง คุณเจออะไรบ้าง หรือคิดยังไง เพราะว่าผมเองก็อยากจะกลับมาอ่านคอมเม้นท์ดูว่า คนอื่นเขารู้สึกไงเกี่ยวกับประเด็นนี้ เพราะว่าเราไม่เคยคุยประเด็นเหล่านี้กับใคร

ขอบคุณอีจันมากที่เดินทางมาถึงวู้ดดี้เวิลด์วันนี้ แฮปปี้มาก จอยมาก ได้ทุกรสชาติเลยครับ

อีจันก็ขอขอบคุณ คุณวู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา และทีมงาน Woody World มา ณ ที่นี้เช่นกันค่ะ

สามารถติดตาม อีจัน Life Talk ได้ทุกวันเสาร์เวลา 20.00 น. ทางยูทูบอีจัน https://youtube.com/@Ejan

คลิป วู้ดดี้ กับความลับ ที่ไม่เคยถูกเปิดเผย