จุ๋ม นุสรา อดีตนางงาม-นักแสดง เส้นทางชีวิตที่เธอสร้างเองด้วยความมุ่งมั่น!

ย้อนวันวาน จุ๋ม นุสรา อดีตนางงาม-นักแสดง เส้นทางชีวิตที่สร้างเอง เพื่อดูแลครอบครัว

ย้อนวันวาน จุ๋ม นุสรา

จากเหตุการณ์อุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ของบริษัทยักษ์ใหญ่ตกข้างสนามเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 27 ต.ค. 2561 เหตุการณ์นั้นทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย ซึ่ง 1 ในนั้นคือ จุ๋ม นุสรา สุขหน้าไม้ อดีตดารานักแสดง แต่หลังจากการเสียชีวิตของจุ๋ม ครอบครัวกลับยังไม่ได้รับการเยียวยาเลย

วีรโรจน์ สุขหน้าไม้ – สำเริง สุขหน้าไม้ พ่อและแม่ของจุ๋ม เล่าถึงจุ๋ม ลูกสาวที่เป็นเสาหลักของครอบครัวให้เราฟังว่า ตอนเธออายุ 16 ปี ได้เลือกเส้นทางวงการนางงาม เวทีแรกของเธอ คือ มิสทีนไทยแลนด์ ปี พ.ศ.2545 ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เวทีที่สอง มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สปี พ.ศ. 2548 ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 และรางวัลขวัญใจช่างภาพสื่อมวลชน จากการประกวดทั้งสองเวที ทำให้เธอถูกจับตาจากแมวมอง ก่อนจะก้าวสู่วงการบันเทิงเต็มตัว และตั้งแต่นั้นมาเธอก็เป็นคนดูแลค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ดูแลพ่อกับแม่ไม่ให้ต้องทำงานหนักอีก

ผลงานการแสดงมีละครโทรทัศน์หลายเรื่อง แต่ที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักคือเรื่อง ปิ่นมุก ชุมแพ และทอง 9

ระหว่างที่เราพูดคุยกับพ่อและแม่ ทั้งสองร้องไห้เป็นระยะ เมื่อต้องพูดถึงลูกสาวที่จากไป แต่พ่อของจุ๋มก็เล่าต่อว่า จุ๋มสนิทกับแม่มาก มีอะไรจะคุยกับแม่ตลอด ที่ผ่านมาเขาเป็นเด็กดี อัธยาศัยดี เข้ากับคนได้ง่าย พอเขาหาเงินด้วยตัวเองได้ ก็ส่งตัวเองเรียนจนจบ และดูแลครอบครัวมาตลอด บ้านเก่าเดิมเป็นบ้านไม้ชั้นบน ปูนชั้นล่าง ต่อมาจุ๋มก็สร้างบ้านให้ใหม่เป็นแบบปูนทั้งสองชั้น และก็อาศัยกันมาถึงทุกวันนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีวันนี้ก็เพราะจุ๋มเป็นคนสร้างให้

จากวงการบันเทิง จุ๋มตัดสินใจเข้าทำงานเป็นพนักงานบริษัทยักษ์ใหญ่อันดับต้นๆของประเทศ ในตำแหน่งฝ่ายจัดซื้อและสื่อสารองค์กร 4 ปีกับงานบริษัท ชีวิตการงานของเธอกำลังไปได้ดี เธอได้ไปร่วมงานใหญ่ในหลายประเทศ พ่อของจุ๋ม เล่าว่า เธอจะต้องได้ไปทำงานต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง และทุกครั้งที่ได้ไปเธอก็จะบอกแม่ไว้เสมอว่ารอบนี้ไปไหน ไปนานกี่วันและจะกลับวันไหน ซึ่งเธอจะวิดีโอคอลมาคุยกับแม่ทุกวัน

ครั้งสุดท้ายที่เธอต้องร่ำลาครอบครัว เพื่อไปทำงานในประเทศอังกฤษ พ่อเล่าทั้งน้ำตาอีกครั้ง…

“ วันนั้นวันที่เขาจะไป ผมนอนอยู่ตรงนี้ (ชี้ไปที่โซฟา) เขาก็ไม่ได้พูดอะไรเยอะ ยื่นตังค์ให้ 2,000 แล้วเขาก็ไป ”

วันที่ 27 ต.ค. 2561 วันนั้นคือวันเกิดเหตุ ฮ.ตก แม่ของจุ๋มเล่าว่า หลานอยู่ที่ดอนเมืองโทรมา บอกว่า ฮ. ของบริษัทที่จุ่มทำงานด้วยตก ไม่รู้มีจุ๋มด้วยหรือเปล่า ในใจตอนนั้นไม่คิดว่ามี พ่อกับแม่ก็นั่งดูข่าว พ่อยังไม่เชื่อว่ามีจุ๋ม เพราะได้ยินเขาว่าเป็นสตาฟ ก็ไม่คิดว่าจะมีลูกอยู่บนนั้นด้วย แต่ตอน 20.00 น. เวลาไทย มีตำรวจอังกฤษโทรศัพท์มาบอก ว่าจุ๋มคือ 1 ในผู้เสียชีวิตด้วย ตอนนั้นแม่ช็อกไปเลย ทำอะไรไม่ถูก ส่วนพ่อก็อึ้งไปเลย แต่ก็คิดว่าอย่างน้อยๆลูกก็เป็นพนักงานของบริษัทใหญ่ และไปเสียชีวิตในระหว่างการทำงาน เชื่อมั่นว่าบริษัทนายจ้างจะไม่ทอดทิ้งครอบครัว

พ่อเล่าต่อว่า ช่วงที่มีพิธีบำเพ็ญกุศล บริษัทนายจ้างได้ให้ความช่วยเหลือในการจัดงาน เป็นเวลา 5 วัน และใส่ซองเป็นปัจจัยถวายพระ ในใจก็คิดว่าลูกน่าจะได้รับเงินช่วยเหลือด้วยจากบริษัท แต่ก็คิดว่า ฮ. ลำที่ตก ยังไงก็มีประกัน ครอบครัวคงได้รับเยียวยาสิทธิตามกรมธรรม์ประกันภัยด้วย แต่หลังเสร็จสิ้นงานศพ มีตัวแทนฝ่ายกฎหมายนำเอกสารมาให้เซ็นต์ บอกว่าเป็นค่าเยียวยาเบื้องต้น แต่เป็นภาษาอังกฤษทั้ง 3 หน้า ในตอนนั้นพ่อรู้สึกเอะใจ คุยกันที่ไทย ดำเนินการที่ไทยทำไมไม่ทำเอกสารเป็นภาษาไทย เพราะพ่อก็อ่านไม่ออก จึงตัดสินใจไม่เซ็นต์เอกสารฉบับนั้น พร้อมทั้งบอกให้ตัวแทนฝ่ายกฎหมายไปแปลเป็นภาษาไทยมาให้อีกครั้ง แต่พ่อเองก็ได้นำเอกสารมาปรึกษากับทีมทนายความ และได้นำไปแปลเอง ถึงได้รู้ว่าตัวแทนฝ่ายกฎหมายนั้น มาจากบริษัทนายจ้าง ส่วนเนื้อหาในเอกสารระบุเรื่องเงินเยียวยาที่เขาเสนอให้มา 25,000 ดอลลาห์สหรัฐ ตกเป็นเงินไทยประมาณ 760,000 บาท แต่มีเงื่อนไขว่าทายาท ซึ่งก็คือพ่อและแม่ของจุ๋ม ต้องสละสิทธิ์ต่างๆที่จะได้รับตามกรมธรรม์ประกันภัยจากอุบัติเหตุ ฮ.ตก

เมื่อได้รู้เนื้อหาของเอกสาร พ่อกับแม่ก็รู้สึกได้ถึงความ ไม่เป็นธรรม ต่อมาก็ได้รับข้อเสนอเป็นเงินเยียวยาเพิ่ม 50,000 ดอลลาห์สหรัฐ แต่ยังมีเงื่อนไขในการสละสิทธิ์เรื่องกรมธรรม์ประกันภัยเหมือนเดิม ทำให้พ่อกับแม่ตัดสินใจยื่นฟ้องทางบริษัทนายจ้าง จนเป็นข่าวดังเมื่อปี 2562

แต่จนถึงทุกวันนี้ ผ่านมา 2 ปี 6 เดือน ครอบครัวของจุ๋มก็ยังไม่ได้รับการเยียวยาใดๆ และยังคงตามหากรมธรรม์ประกันภัยของลูกสาว เพื่อเรียกรับสิทธิตามกรมธรรม์ แต่ก็ยังไม่คืบหน้า…

ติดตามกันต่อนะคะ กับการต่อสู้เพื่อทวงความเป็นธรรมจากการตายของ จุ๋ม นุสรา