ชีวิต ด.ช.บุญรอด 6 ขวบ ป่วยโรคไขกระดูกฝ่อ กับกำลังใจจากสังคมอีจัน

เรื่องราวของ ด.ช.บุญรอด 6 ขวบ ป่วยโรคไขกระดูกฝ่อ กับเรื่องราวบีบหัวใจ หลังจัน ส่งกล่องกำลังใจ ถึงบ้าน

นี่สินะ ประโยคที่ว่า “เด็กเอ๋ยเด็กน้อย”

6 ขวบ โชคร้าย เขาป่วยเป็นโรคประหลาด ไขกระดูกฝ่อ 5 คน ใน 1 ล้านเท่านั้นที่จะเป็น

6 ขวบ ไร้เดียงสา เขารู้สึกไม่สบาย เเต่เขาไม่รู้ ว่าโรคที่เป็น คืออะไร

6 ขวบ ร่าเริง เเต่ 2 ชีวิต ที่ฟูมฟักทุกข์หนักที่สุด

ทั้งหมดนี้ คือชีวิตของ ด.ช.บุญรอด เด็กน้อยวัยกำลังสดใส ที่เเสนโชคร้าย ป่วยเป็นโรคไขกระดูกฝ่อ โรคเกี่ยวกับภูมิคุมกันบกพร่อง

จันได้รับเรื่องราวนี้ จากสังคมอีจัน ที่ขอรับกล่องกำลังใจให้กับครอบครัวนี้ พร้อมเขียนข้อความบรรยายเพียงไม่กี่ประโยคว่า

“ด.ช. วัย 6 ขวบ 11 เดือน น้องเป็นโรคไขกระดูกฝ่อ มา 2 ปี พ่อน้องมีอาชีพรับจ้างกรีดยาง แต่ตอนนี้พ่อของน้องไม่ได้ทำงานเพราะต้องคอยดูแลน้องอยู่ตลอดเวลาบางครั้งน้องมีอาการเลือดออกทางจมูก เวลาที่น้องไปหาหมอคุณพ่อต้องพาน้องนั่งมอเตอร์ไซค์ระยะทางประมาณ 80 กม.”

ทันทีที่จันได้รับเรื่องราว แม้โครงการกล่องกำลังใจจะปิดเฟสเเรกไปเเล้ว เเต่ความทุกข์นี้ยังต้องการคนช่วยซับ ทีมงานวางเเผน ติดต่อพ่อน้อง หอบกล่องกำลังใจเเละนมพร้อมของเล่นไปให้น้อง ที่ อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา

3 ชม. ที่เราเดินทาง จนไปถึงบ้านพักคนงาน ที่ ด.ช.บุญรอด เเละครอบครัว อาศัยอยู่ เด็กชายท่าทางร่าเริง วิ่งปรี่ออกมารับจัน เขาดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ เพราะรู้ว่าจะมีเเขกมาเยี่ยม

ภายนอกครอบครัวนี้เหมือนไม่มีทุกข์ ความเป็นอยู่ การใช้ชีวิตเหมือนยังสุขอยู่เสมอ เเต่ใครจะไปรู้ว่า

4 ชีวิต ในบ้านพักคนงานนี้ มีเเต่ทุกข์ที่สุมอก

ความในใจที่คนเป็นพ่อเเละเเม่พรั่งพรูกับจัน ทำให้จันรู้ว่า ภาพที่สวยงาม อาจไม่ใช่ความสุขเสมอไป นับตั้งเเต่ที่ครอบครัวนี้รู้ว่า ลูกชายของเขาต้องเจอกับโรคที่หมอก็บอกไม่ได้ว่าจะหายขาดหรือเปล่า

เสียงคุณพ่อเริ่มเล่าให้จันฟังอย่างใจเย็น

“ครอบครัวผม มี 4 คนครับ มีผม มีภรรยา มีลูกชายคนโต เเละน้องบุญรอด หรือเบ็นเทน ที่เปลี่ยนชื่อเพราะเขาป่วยบ่อย เลยเเก้เคล็ด เราเป็นคนต่างถิ่นทั้งคู่ เลยไม่มีญาติที่นี่ มาสร้างครอบครัวที่นี่ ยึดอาชีพรับจ้างกรีดยาง ทำสวนยาง เเต่ก่อนมีความสุขมากๆครับ ไม่มีเงิน เเต่เรามีครอบครัวเราอยู่กันได้ เเต่ความสุขมันเริ่มหายไปตอนที่ บุญรอด อายุ 4 ขวบ ลูกเริ่มมีรอยช้ำเป็นจุดๆตามตัว ผมคิดว่าลูกเล่นกับเพื่อนทะเลาะกับเพื่อน ก็ไม่ได้คิดอะไร เเต่จู่ๆ หน้าร้อนเมื่อ 2 ปีที่เเล้ว ลูกก็มีกำเดาไหลออกมาไม่หยุด เลยอุ้มลูกขี่มอเตอร์ไซค์ ไปขึ้นรถตู้โดยสาร ไปหาหมอในเมือง เลือดก็ไหลเต็มรถโดยสาร เราก็ยกมือขอโทษรถตู้ เเต่เขาก็ใจดี พาไปส่งถึงโรงพยาบาล ตอนเเรกคิดว่าลูกป่วยไข้เลือดออก เเต่อาการไม่ใช่ หมอส่งตัวไปโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ เเละก็รู้ว่าลูกเป็นโรคไขกระดูกฝ่อ ตั้งเเต่นั้นมาชีวิตก็เปลี่ยนไป เราไม่รู้เลยว่าเขาจะทรุดวันไหน ร่าเริงวันไหน จู่ๆก็เลือดไหล อ้วกเป็นเลือด เดินไม่ได้ หลับไปเลย แม้เเต่หมอก็ยังตอบไม่ได้ ว่าลูกจะหายขาดหรือเปล่า”

ทุกวันนี้คุณพ่อบอกว่า จะต้องพาลูกไปเติมเลือดที่โรงพยาบาลในเมืองทุกๆ 3-4 วัน ไปครั้งหนึ่งก็ต้องนอนดูอาการ 3 วันขึ้นไป ทำให้คุณพ่อต้องหยุดงาน เเละให้แม่ทำงานคนเดียว เพราะเเม่ไปเฝ้าลูกไม่ไหว ทนเห็นลูกเจ็บไม่ได้

“เราเห็นเขาทรมานไม่ได้ สงสารลูกมากๆ บางครั้งคุณหมอก็พูดว่าให้เเม่ทำใจ อนาคตไม่เเน่นอน เราได้ยินประโยคนั้นก็ทำใจไม่ได้ ให้พ่อเขาไป เราขอทำงานเพื่อหาเงินเป็นค่าใช้จ่ายค่าเดินทางดีกว่า บางวันต้องออกไปกรีดยางดึกๆคนเดียว เจองูเจอช้างป่าก็ต้องเสี่ยงไป ถ้าไม่ทำก็ไม่รู้จะไปทำอะไร “

ประโยคสุดบีบหัวใจ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด คนเป็นพ่อเป็นเเม่เเทบขาดใจ เมื่อเห็นลูกเจ็บ ในขณะที่ ด.ช.บุญรอด ยังไร้เดียงสา เขาไม่รู้ด้วยซ้ำแม่ร้องไห้เพราะอะไร

พ่อกับเเม่ย้ำกับจันว่า เเม้วันนี้มันจะทุกข์สุมอกเเค่ไหนก็ตาม เเต่ก็ยังจะสู้ สู้เพื่อคนที่ชื่อว่าลูก ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไงก็ตาม

การมาส่งกล่องกำลังใจครั้งนี้ ไม่ใช่เเค่การมาซับทุกข์ เเต่คือการมารับพลังบวกไปพร้อมๆกัน พวกเขายังพูดว่าสู้ แม้ร่างกายเเละหัวใจจะเหนื่อยล้าเเค่ไหนก็ตาม

สู้ๆนะคะเเล้วทุกข์จะผ่านไป