สาวสุดช้ำ! กู้เงิน 3 แสน จัดงานแต่ง แต่วิวาห์ล่ม เจ้าบ่าวเท หายเงียบ

สาวสุดช้ำ! กู้เงิน 3 แสน จัดงานแต่ง แต่วิวาห์ล่ม เจ้าบ่าวเท หายเงียบ แข็งใจตักบาตรรับแขกคนเดียว

ปราจีนบุรี สาวโรงงานถูกเจ้าบ่าวอ้างตัวเป็นทหาร หลอกให้จัดงานแต่งสุดท้ายไม่มาตามนัดเจ้าสาวต้องควักเงินตัวเองจ่ายเกือบ 3 แสน

เมื่อวันที่ 4 พ.ค 65 ผู้สื่อข่าวปราจีนบุรีได้รับแจ้งร้องทุกข์ จาก น.ส.น้ำทิพย์ เป็นสาวโรงงานแห่งหนึ่งในพื้นที่เขตนิคมอุตสาหกรรมกบินทร์บุรี ได้ร้องทุกข์ว่ามีผู้ชายคนหนึ่งอ้างว่าเป็นทหารชื่อ จ.ส.อ.เอก (จ่าเอก) สุวรรณหงส์

ได้ตกลงกับ น.ส.น้ำทิพย์ และพ่อแม่ ว่าจะมาจัดพิธีมงคลสมรสในวันที่ 1 พ.ค.65 จึงตกลงกันพอถึงวันพิธีแต่งงาน ทางด้านเจ้าสาวได้จัดเตรียมงาน ทั้งมีทั้งพิธีทางศาสนา โต๊ะจีน พร้อมเครื่องดื่มจำนวน 50 โต้ะ สำหรับเลี้ยงแขก

พอถึงเวลาแขกเริ่มเข้ามาภายในงาน ซึ่งเจ้าสาว และ ญาติได้ต้อนรับแขก พอถึงเวลาเข้าพิธีรอเจ้าบ่าว มาแต่เวลาผ่านไปไม่พบว่าเจ้าบ่าวจะมาเข้าพิธี ติดต่อไปก็ไม่รับสาย จึงรู้ว่าถูกหลอกให้งานแต่ง จึงเสียใจอย่างมาก แต่ก็ต้องทนยืนรับแขกที่มาร่วมพิธีคนเดียวโดยไร้เงาเจ้าบ่าวจนเสร็จงาน ทั้งทุกข์ระทมใจเป็นอย่างมาก

และที่สำคัญคือตอนนี้ตนและครอบครัวเป็นหนี้เกือบ 300,000 บาท เป็นเงินที่นำมาใช้จัดงานทั้งหมด และที่มาร้องนักข่าวแม้เวลาจะล่วงเลยมา 2-3 วันแล้ว ก็ยังไร้เงาเจ้าบ่าวที่อ้างเป็นทหารมารับผิดชอบกับเรื่องนี้

ทีมข่าวอีจัน จึงได้เดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่ง ตั้งอยู่ หมู่ที่ 6 บ้านสระจาน ตำบลนาดี อำเภอก นาดี จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อพบกับพบกับ นางสาวน้ำทิพย์ พบว่ายังคงอยู่ในอาการที่เหม่อลอยทุกครั้ง เมื่อกลับจากงานที่ทำงานมาอยู่บ้าน

ทางญาติเองก็ยังคงให้กำลังใจตลอด ทางครอบครัวยังคงเก็บหลักฐานไว้โดยเฉพาะดอกไม้ ที่ประดับในพิธีรดน้ำสังข์ ป้ายชื่อ เจ้าบ่าว เจ้าสาว นอกจากนั้นที่บริเวณลานที่จัดสำหรับโต๊ะจีน เพื่อรองรับแขกที่มาร่วมงาน ยังมีร่องรอย ให้เห็นว่ามีการจัดเลี้ยงแขกจริง หลังจากนั้นทาง นางสาวน้ำทิพย์ ยังได้นำภาพถ่าย ที่ตนเองต้องจัดงานพิธีสมรส โดยไม่มีเจ้าบ่าวมาให้ดู พร้อมกับบิลค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมๆแล้วเกือบ 300,000 บาท ซึ่งตนและครอบครัวจะต้องหามาใช้หนี้

นางสาวน้ำทิพย์ เล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ” ตนกับแฟนหนุ่ม ที่อ้างตัวเป็นจ่าสิบเอก ได้คบหาดูใจตั้งแต่เดือน ธันวาคม 64 โดยตลอดเวลาที่คบกัน เขาได้บอกกับตนว่าเขาเป็นทหารยศจ่าสิบเอก และยังอ้างว่าเป็นบอดี้การ์ดให้กับนักการเมืองท้องถิ่น ในพื้นที่ตำบลนาดี ด้วยความบุคลิกการแต่งกาย และ การพูดจา ตนจึงเชื่อแฟนหนุ่มว่าเป็นทหารจริง และเป็นบอดี้การ์ดของนักการเมืองท้องถิ่นจริง

จึงไม่ได้สอบถาม เพิ่มเติม ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมา ชายคนดังกล่าวนั้นเป็นคนที่นิสัยดี เสมอต้นเสมอปลายเข้ากับคนที่บ้านพ่อแม่พี่น้องได้ดี โดยจะคอยทำอาหารกับข้าวภายในบ้านและดูแลทุกอย่างแทบจะทุกวัน โดยก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ทิ้งงานแต่งนั้น ทางแฟนของตนได้มาพูดคุย บอกว่าอยากจะขอแต่งงาน แต่เนื่องจากตนเคยแต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่งจึงบอกกับแฟนของตนว่า ไม่ต้องจัดงานใหญ่ก็ได้เพราะว่าตนเคยแต่งงานมาแล้ว แต่ทางแฟนของตนบอกว่า อยากได้งานใหญ่นิดนึง เพราะว่าตนเป็นทหาร และยังเป็น บอดี้การ์ดของ นักการเมืองท้องถิ่น และมีบุคคลที่รู้จักใหญ่โตอีกหลายคน จึงตามใจแฟนโดยไม่ได้ห้ามอะไร หลังจากนั้น ทางแฟนของตนก็ได้คุยกับพ่อแม่

โดยพ่อแม่ได้เรียกค่าสินสอดเป็นเงิน 200,000 บาท และทองคำหนัก 3 บาท เบื้องต้นทางแฟนของตนรับปากว่าไหว และจะหาเงินมาทันในงานวันแต่งแน่นอน โดยที่ตนเคยกำหนดงานไว้วันที่ 25 มีนาคมที่ ผ่านมา แต่ถ้าว่าเกิดการแพร่ระบาดอย่างหนักของ covid-19 จึงไม่สามารถจัดงานได้ จึงได้เลยมาเป็นวันที่ 1 พฤษภาคม 2556 5 โดยที่แฟนของตนนั้นเป็นคนดำเนินการเรื่อง การจัดดอกไม้จัดซุ้มอาหารดนตรีเครื่องดื่ม ด้วยตนเอง

พอถึงงานวันแต่งวันที่ 1 พฤษภาคม 2565

– เวลาประมาณ 2.00 น. แฟนของตนได้เก็บกระเป๋า แล้วบอกว่าจะไปนอนกับแม่ และ ญาติของตนซึ่งได้มาจองรีสอร์ทไว้ ใกล้เคียงกับบ้านของตน ส่วนตนนั้นต้องแต่งหน้าต่อตนจึง มอบเงินให้แฟนไว้จำนวน 20,000 บาท เพื่อนำเป็นค่าใช้จ่าย ส่วนต่างๆในระหว่างงาน หลังจากนั้นตนก็แต่งตัวแต่งหน้า

– เวลาประมาณ 6.00 น. หลานชายของตนได้มาบอกว่าน้ำแข็งในงานมาลงแล้ว จะต้องจ่ายเงินสดเขา ต้นจึงพยายามโทรหาแฟนตนว่าให้นำเงินมาจ่าย และ มาแต่งหน้าแต่งตัวเพราะว่าอีกประมาณ 1 ชั่วโมง จะมีพิธีสงฆ์ แฟนของตนจึงรับปากว่ากำลังมา

– เวลาประมาณ 7.00 น. ต้องเข้าสู่พิธีสงฆ์ตนจึงได้โทรหาแฟนตนอีกรอบ โดย แฟนตนได้บอกกลับมาว่า ตอนนี้มีปากเสียงเรื่องเงินสินสอดกับแม่ตนอยู่ขอเวลาประมาณ 07.00 น จะรีบเข้ามาให้ทันพิธี โดยหลังจากเวลาที่แฟนตนนัดแล้วตนก็โทรติดต่อแฟนหนุ่มไม่ได้อีกเลย

จึงคิดได้ทันทีว่าแฟนหนุ่มของตนนั้นได้หนีการแต่งงานไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนนั้นตนรู้สึกช็อกและเสียใจมากแต่เนื่องด้วย อย่างถูกทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้หมดแล้วตนจึงแข็งใจ ออกมาทำพิธี เช่นการ ตักบาตรเทียนคนเดียว ทำพิธีทางสงฆ์เพียงคนเดียว และต้อนรับแขกเพื่อให้งานผ่านพ้นไปด้วยดี และหลังจากเสร็จพิธีตนก็พยายามติดต่อไปยังแฟนของตน ก็ยังติดต่อไม่ได้ทนจึงได้ปรึกษากับครอบครัว และนำหลักฐานทั้งหมดเข้าแจ้งความบันทึกประจำวันแก่เจ้าหน้าที่ ให้ตามหาแฟนของตนมารับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในงานทั้งหมดด้วย

น.ส.น้ำทิพย์ ยังบอกอีกว่า ตลอดเวลาที่คบกับแฟนของตนมานั้น ก็พยายามจะไปเที่ยวบ้านแฟนตนที่อ้างว่าอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมาหลายครั้ง แต่แฟนพยายามบ่ายเบี่ยงอ้างว่าญาติติดโควิด บางครั้งอ้างว่าแม่ติดโควิด และตลอดเวลาที่คบกันตนไม่เคยได้พูดคุยกับทางญาติหรือทางพ่อแม่แฟนของตนแม้แต่ครั้งเดียว

ที่ออกมาร้องเรียกหาแฟนตนในวันนี้ ไม่ได้ร้องเรียกหาความรักแต่ร้องเรียกหาความรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ในงานที่เกิดขึ้นของความเป็นลูกผู้ชายของแฟนตน

แม้พิธีวิวาห์จะล่มไปการจัดงานสมรสแบบไม่มีเจ้าบ่าว จะผ่านมาได้ 3-4 วันแล้วก็ตาม ทางนางสาวน้ำทิพย์ เจ้าสาวพยายามทำใจ ตั้งหน้าทำงานหลักเพื่อใช้หนี้ใช้สินเงินที่ยืมมาจัดงาน แต่ทุกคนในครอบครัวยังเป็นห่วงนางสาวน้ำทิพย์ตลอดเวลา กลัวว่าจะคิดไม่ดี นอกจากนี้ยังฝากถึงเจ้าบ่าวที่อ้างตัวเป็นทหาร ให้ยืดอกออกรับมาผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดด้วย

คลิปอีจันแนะนำ
ทนายตั้ม ไร้กังวล สู้ คดีฉาวอดีตนักการเมือง เผยยังมีทีเด็ด!