จันเชื่อว่า หลายคนคงเคยเห็นข่าว คนดัง ผู้มีชื่อเสียง ผู้ที่มีฐานะดี หรือแม้กระทั่งคนธรรมดา ถูกผู้ไม่หวังดีปลอมเฟซบุ๊ก สวมรอยไปหลอกคนอื่นเพื่อหวังผลประโยชน์
เคสนี้ก็เช่นเดียวกันค่ะ คราวนี้เป็น ซีอีโอสาวสวยค่ะ เจน วิรสุรางค์ ศศิอานนท์ กรรมการบริหาร และผู้ถือหุ้น บริษัท บางกอกเพย์ จำกัด ผู้ให้บริการระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่และตู้เติมเงิน AJ และ CEO บริษัท ศศิอานนท์ ผลิตภัณฑ์น้ำหอม LaMus ถูกมิจฉาชีพปลอมเฟซบุ๊ก โดยใช้ชื่อและนามสกุลเดียวกันกับตัวเอง คือ “FB : วิรสุรางค์ ศศิอานนท์”
เมื่อเข้าไปตรวจสอบพบว่า เฟซบุ๊กปลอมมีการโพสต์ภาพ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาพโชว์หวิวของผู้หญิงเซ็กซี่ ซึ่งสันนิษฐานได้ว่า ผู้ปลอมเฟซบุ๊กอาจเป็นสาวสวยคนนี้ หรือมีบุคคลอื่นนำภาพของสาวสวยคนนี้มาโพสต์ โดยที่เจ้าตัวไม่ทราบ
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตามแต่ เรื่องนี้ทำให้ เจน วิรสุรางค์ ได้รับความเสียหายและเสียชื่อเสียง เจ้าตัวจึงได้เข้าร้องเรียน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) และสถานีตำรวจนครบาลคันนายาว กทม. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด
เจน วิรสุรางค์ เผยว่า ต้องขอขอบคุณกัลยาณมิตรที่รีบติดต่อมาหาตน เพื่อแจ้งเรื่องการถูกปลอมเฟซบุ๊ก พอทราบเรื่องจึงรีบเข้าไปดูเฟซบุ๊กปลอม เพื่อให้แน่ใจว่า เป็นชื่อและนามสกุลของตนเอง เมื่อเช็กว่าเป็นชื่อและนามสกุลของตนเองอย่างถูกต้องแล้ว ก็รู้สึกตกใจมาก เพราะเคยเห็นแต่คนอื่นถูกปลอมเฟซบุ๊ก ไม่คิดว่าจะโดนกับตนเอง การที่เขาปลอมเฟซบุ๊กของตนถือว่าเขามีเจตนาที่ไม่ดีอย่างแน่นอน และไม่รู้ว่าปลอมมานานแค่ไหน รวมถึงไปหลอกลวงสร้างความเสียหายกับใครมาบ้าง ซึ่งในส่วนนี้ทำให้ตนเสียหายและเสียชื่อเสียงเต็ม ๆ
ก่อนที่จะเข้าแจ้งความกับ ปอท. และที่ สน.คันนายาว ได้พยายามติดต่อไปยังผู้ปลอมเฟซบุ๊กรายนี้ เมื่อติดต่อได้แล้วจึงร้องขอให้เลิกทำ และลบเฟซบุ๊กปลอมออกไป ปรากฏว่า ไม่ได้รับความร่วมมือแต่อย่างใด พร้อมยังโพสต์ภาพไปในทางเซ็กซี่และยวนยั่ว อีกทั้งยังแอดเฟซบุ๊กกับเพื่อนๆ ในเฟสบุ๊กของเรา ซึ่งเพื่อนของเราบางคนก็ทักไปถามว่า เราเปลี่ยนเฟซบุ๊กใหม่หรือ คนปลอมเฟซบุ๊กก็ตอบว่าใช่ เมื่อเป็นแบบนี้จึงต้องเข้าแจ้งความ เพราะชื่อนามสกุลของใครใครก็รักและหวงไม่ต้องการให้คนอื่นนำไปสร้างความเสียหายให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเจน วิรสุรางค์ กล่าว
ในส่วนของทางคดีนั้น ตนได้แจ้งความดำเนินคดี ฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามมาตรา 328 และ 397 ให้ได้รับโทษตามกฎหมายจนถึงที่สุดต่อไป เพื่อไม่ให้ไปกระทำกับบุคลอื่นใดๆ อีก และเพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปอย่างรวดเร็ว ป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ทั้งต่อตนเองและต่อผู้อื่นในอนาคต ตนจึงตั้งรางวัลชี้เบาะแสจนกระทั่งเข้าสู่กระบวนการนำจับ เป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท
หากใครได้เบาะแส สามารถติดต่อมาที่ไอดีไลน์ : @lamus
