ภารกิจ 3 วัน 2 คืน ลอบจับ กัมพูชาตัดไม้
นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) ร่วมลาดตระเวนกับเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา หลังพบมีการเคลื่อนไหว กลุ่มขบวนการตัดไม้พะยูงและไม้มีค่า บริเวณพลาญตีนหมี ใกล้กับชายเเดน
เจ้าหน้าที่เริ่มวางเเผน วันที่ 5 พ.ย.65 แบ่งกำลังเป็น 4 ชุด เเล้วออกลาดตระเวนจากหน่วยพิทักษ์ป่าทะนำเจ็น ไปยัง บริเวณพนมตีนหมี พลาญไผ่
อุปสรรคของเจ้าหน้าที่อันตรายถึงชีวิต เพราะ เส้นทางที่ออกลากตระเวน ไม่สามารถออกจากเส้นทางได้ เนื่องจากมีทุ่นระเบิดกระจายในพื้นที่เต็มไปหมด
เมื่อไปถึงพนมตีนหมี
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่า บริเวณนั้น พบไม้ชิงชันขนาดความโต ประมาณ 200 ซม. จำนวน 4 ต้น ถูกตัดโค่นและตัดเป็นท่อนทิ้งไว้ โดยใช้เลื่อยโซ่ยนต์ คาดว่าอีกไม่นานน่าจะมีการลักลอบเพื่อมานำไม้ที่ถูกโค่นออกไปตามช่องชายแดน เนื่องจากพฤติการณ์โดยทั่วไป มักจะลักลอบเข้ามาตัดโค่นและเลื่อยเป็นท่อนทิ้งไว้ และเข้ามาอีกครั้งเพื่อเลื่อยเป็นแผ่นและมีการเตรียมอุปกรณ์ในการตัดซอยเป็นแผนและใช้อุปกรณ์ขนย้ายคือ กระสอบเย็บติดกับผ้านวมหรือผ้าขนหนูแล้วขนย้ายโดยกำลังคนในการแบก
เมื่อตรวจสอบในบริเวณก็ช็อก เจอหัวระเบิดอาร์พี เจ้าหน้าที่คาดว่า ขบวนการทำไม้พะยูงและไม้มีค่า มีกองกำลังติดอาวุธคุ้มกัน !
ในเส้นทางที่ตรวจพบร่องรอยการเข้ามาในพื้นที่ บริเวณพลาญไผ่ โดยสังเกตุได้จากการเหยียบย่ำหญ้าที่พื้น ลักษณะร่องรอยของพื้นรองเท้ายาง คาดว่ามาหลายคนและเข้ามาไม่เกิน 1 วัน และยังไม่มีร่องรอยการเดินออก
เจ้าหน้าที่ได้วางเเผนดักซุ่ม วางกำลังจำนวน 4 ชุด ดักซุ่มใน 4 จุด ตามเส้นทางเข้าออกทุกด้าน ตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย. ต่อเนื่องถึงวันที่ 6 พ.ย. โดยพักค้างแรมในป่าบริเวณพลาญไผ่
วันที่ 6 พ.ย.65 เวลา 10.00 น.
ขณะที่เจ้าหน้าที่ซุ่มต่อเนื่อง ชุดเจ้าหน้าที่สายตรวจชุดที่ 2 ซึ่งซุ่มบริเวณป่าพลาญไผ่ พบกลุ่มคน สะพายแบกถุงคล้ายกระสอบบรรจุสิ่งของ เดินตามกันมาในพื้นป่าทึบด้านข้างพลาญป่าไผ่ ผ่านในจุดที่เจ้าหน้าที่ดักซุ่ม
เจ้าหน้าที่ได้เเสดงตัว แต่กลุ่มคนดังกล่าว ได้ทิ้งกระสอบสะพายบางส่วนแล้ววิ่งหนีไป มี 5 รายหลบหนีไปได้โดยสะพายกระเป๋ามีลักษณะยาว คล้ายเป็นอาวุธปืนไปด้วย เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ 1 ราย เป็นชาวกัมพูชา ตรวจสอบพบเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์และบาร์โซ่ พร้อมน้ำมันเครื่องเลื่อยและอุปกรณ์อื่นๆ อีกด้วย
นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 ได้เข้าตรวจสอบ และสอบถาม โดยใช้ล่ามสื่อสารกับชายชาวกัมพูชา จนได้รู้ว่า เขาชื่อนายเมาะ บุนนี อายุ 57 ปี อยู่ที่บ้านภูมิทะนอนเกง ตำบลคุ้มอัลลองเวง อำเภอสรกอัลลองเวง จังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา นายเมาะพร้อมพวก ได้ลักลอบเข้ามาทำไม้อยู่ตลอด ตามแนวชายแดน โดยจะผลัดกันขึ้นมาเป็นชุด ชุดละ 3 วัน ชุดละประมาณ 5 -7 คน ไม้ที่ต้องการคือ มะค่าโมง และชิงชัน เดินทางขึ้นมาตามช่องพรมแดนได้หลายจุด
หลังสอบถาม เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาและของกลางที่ตรวจยึดได้ เดินทางกลับจากพลาญไผ่ไปยังหน่วยพิทักษ์ป่าทะนำเจ็น เพื่อสอบถามขยายผลเพิ่มเติมและทำบันทึกแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ในระหว่างนำตัวผู้ต้องหาและของกลางมายังหน่วยพิทักษ์ป่าทะนำเจ็น นายชัยวัฒน์ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดักซุ่มอีกจำนวน 2 ชุด เนื่องจากมีข้อมูล ว่า มีขบวนการทำไม้ลักลอบเข้ามาในพื้นที่อีกหลายชุด
จากข้อมูล พบว่า การลักลอบเข้ามาทำไม้มีค่าตามแนวชายแดน ไม่เคยน้อยลงเลย และผู้กระทำผิดมีการปรับเปลี่ยนวิธีการโดยตลอด เพื่อหลบเลี่ยงการจับกุมของเจ้าหน้าที่ ปัญหาอุปสรรคที่สำคัญ คือ กับระเบิดตามแนวชายแดนและมีกองกำลังติดอาวุธคุ้มกันทีมทำไม้ โดยเฉพาะ อาร์พีจี และ ปืนอาก้า การวางแผนลาดตระเวนเพื่อคุ้มครองไม้มีค่าตามแนวชายแดนจึงต้องมีความระมัดระวังและรัดกุมเป็นอย่างยิ่ง