ตรวจสอบความผิด หนุ่มแว่นซีวิค

รอง โฆษก ตร. แจงทั้ง 2 ฝ่าย เรียกประกันไกล่เกลี่ย

จากกรณีที่มีการแชร์คลิปหนุ่มแว่นขับรถเก๋งหัวร้อน ด่าคนขับรถยนต์กระบะคู่กรณี พร้อมอ้างรู้จักผู้ใหญ่ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างแพร่หลายนั้น พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. แจ้งว่า ได้รับรายงานจาก สภ.พุทธมณฑล ภ.จว.นครปฐม ว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นวันนี้ (23 ต.ค. 62) เวลาประมาณ 11.00 น. บริเวณจุดกลับรถ ด้านหน้าพุทธมณฑล บนถนนพุทธมณฑลสาย4 ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม

ภาพจากอีจัน

โดยฝ่ายรถยนต์เก๋งขับมาจากฝั่งถนนเพชรเกษม มากลับรถบริเวณดังกล่าว ต่อมาฝ่ายรถรถยนต์กระบะได้ขับขี่มาในทิศทางตรงจากศาลายา แล้วมาถึงบริเวณจุดกลับรถจึงได้เกิดการเฉี่ยวชนกัน แล้วมีการกระทบกระทั่งและพูดจาด่าว่ากัน จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า คู่กรณีทั้งสองฝ่ายนั้นได้ใช้สิทธิกับบริษัท ประกันภัย ตกลงไกล่เกลี่ย และชดใช้ค่าเสียหายซ่อมรถที่เกิดจากการเกิดเฉี่ยวชนให้แก่กัน

ภาพจากอีจัน
ส่วนในประเด็นที่มีการด่าว่าหรือดูหมิ่นกันนั้น คงต้องมีการตรวจสอบว่าเป็นความผิดต่อส่วนตัวหรือเป็นความผิดต่ออาญาแผ่นดิน หากเป็นความผิดต่อส่วนตัวแล้ว ฝ่ายที่เสียหายจะต้องมาร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายเสียก่อน ส่วนหากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นความผิดต่ออาญาแผ่นดิน เจ้าหน้าที่รัฐก็สามารถกล่าวโทษเองเพื่อดำเนินการตรมขั้นตอนของกฎหมายได้
ภาพจากอีจัน
รอง โฆษก ตร. กล่าวต่อว่า ในกรณีที่มีการดูหมิ่นด่าว่ากันนั้นก็คงต้องมีการตรวจสอบว่าเป็นความผิดอย่างไร มีผู้หนึ่งผู้ใดเป็นผู้เสียหาย ตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม อีกทั้งตามที่ชายคนดังกล่าวได้พูดในคลิปลักษณะที่ว่า "ตนเองอายุ 24 ปี เป็นลูกเศรษฐี มีรถป้ายแดงคันละล้านสอง มีทุกอย่างที่เจ้าของคลิปไม่มี และตนไม่แคร์ตำรวจ เพราะตนรู้จักนายตำรวจใหญ่" นั้น ถึงแม้จะเป็นการพูดส่วนตัวของคู่กรณี ก็ไม่อยากให้มาพูดพาดพิงหรือส่งผลเสียต่อองค์กรอื่น หากตรวจสอบแล้วพบว่าการกระทำจากเหตุการณ์ข้างต้น เข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมายใด ก็จะดำเนินคดีตามพยานหลักฐาน ไม่มีการยกเว้นว่ารู้จักผู้ใดหรือไม่ โดยที่ผ่านมามักมีการแอบอ้างลักษณะนี้เยอะ ทำให้ประชาชนมององค์กรตำรวจไม่ดี ซึ่งในคดีลักษณะนี้มักจะเกิดการบานปลายมาจากคดีรถเฉี่ยวชน แล้วทะเลาะกัน ทำร้ายร่างกายกัน จนนำไปสู่ความสูญเสีย บาดเจ็บ ทรัพย์สินเสียหาย หรือถึงขั้นเสียชีวิต ได้
ภาพจากอีจัน

ทั้งนี้ขอฝากเตือนประชาชนว่า อย่าใช้อารมณ์ในการแก้ไขปัญหา การใช้รถใช้ถนนในบางครั้งอาจเกิดเหตุกระทบกระทั่งกันได้ จึงอยากให้ทุกคนมีสติรู้จักให้อภัยกันอย่าหวังเอาชนะกันบนท้องถนน ซึ่งเมื่อเกิดเหตุกันแล้ว จะต้องเสียเวลาเกิดความลำบาก อีกทั้งอาจจะถูกดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายด้วย

อ่านข่าวเพิ่มเติม