ตัวแทนผลิตภัณฑ์คาโอะ ร้อง ผบ.ตร. เอาผิดเครือเมจิกสกิน หลังถูกหลอกจองเซรั่มหน้าเรียว
วันนี้ (10 มิ.ย.) ทนาย รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ได้พาผู้เสียหายจากผลิตภัณฑ์ คาโอะ ของเบรนด์ตรีชฎา ผลิตโดยเครือบริษัท เมจิก สกิน เข้าพบ พล.ต.อ.ดร. วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. เพื่อร้องเรียนกรณีที่ตกเป็นเหยื่อถูกหลอกให้สั่งจองเซรั่มหน้าเรียว
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์ คาโอะ มีการโฆษณาตามสื่อต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ เช่น รายการผู้หญิงถึงผู้หญิง และมีการว่าจ้างนางเอกสาว จั๊กจั่น อคัมย์สิริ สุวรรณศุข เป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาสินค้า โดยอ้างว่าในผลิตภัณฑ์มีสารสกัด จากเยื่อไผ่ญี่ปุ่นและเห็ดญี่ปุ่น ที่ช่วยลดการเกิดแบคทีเรียใต้ชั้นผิวหนัง ช่วยเติมเต็มริ้วรอยบนใบหน้า และทำให้หน้าเรียวเป็นวีเชพได้ มีการนำเสนอภาพถ่ายรีวิว ก่อนและหลังใช้ผลิตภัณฑ์ให้เห็นถึงความแตกต่าง เมื่อทางบริษัทเปิดรับสั่งจองผลิตภัณฑ์ คาโอะ จำนวน 5 ล้านซอง กลุ่มผู้เสียหายได้ติดต่อไปสั่งของกับแม่ข่าย โดยได้ชำระเงินค่าสินค้าล่วงหน้าไปตั้งแต่เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2560 คนละ 30% หรือเกือบ 1 ล้านบาทภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ผู้เสียหายยังบอกอีกว่า มีคนหลงเชื่อเข้าไปสั่งจองสินค้า เฉพาะในกลุ่มของตนกลุ่มเดียวประมาณ 130 กว่าคน ยังไม่รวมกลุ่มอื่นๆ อีกหลายกลุ่มที่ตกเป็นเหยื่อด้วยเหมือนกัน ซึ่งทางบริษัทแจ้งว่าสินค้าทั้ง 5 ล้านซองได้ถูกสั่งจองหมดแล้ว ก่อนว่าจ้างให้บริษัท เมจิก สกิน เป็นผู้ผลิตสินค้าให้ และจะได้รับสินค้าภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 จนกระทั่ง วันที่ 9 ม.ค. 61 เครือข่ายเมจิก สกิน ได้ถูกตำรวจเข้าจับกุมและเปิดเผยว่าเป็นโรงงานเถื่อน ทำให้ผลิตภัณฑ์คาโอะ ต้องย้ายฐานการผลิตไปยังโรงงานใหม่ แต่ต่อมาก็มีเว็บไซต์เพจเฟซบุ๊กรายหนึ่งออกมาแฉว่า โรงงานที่ย้ายฐานการผลิตใหม่นั้นไม่มีอยู่จริง ทำให้ต้องย้ายโรงงานอีกครั้ง ไปใช้ของบริษัท ฮานิว โคเรีย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทให้เครือเมจิก สกินอีกเช่นเคย ต่อมาบริษัทดังกล่าวได้ถูกตำรวจและสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เข้าจับกุมอีก ผู้เสียหายจึงได้ติดต่อขอเงินคืนจากทั้งแม่ข่ายและเจ้าของผลิตภัณฑ์ แต่ก็ไม่ได้เงินคืน จึงได้มาร้องเรียนต่อ พล.ต.อ.ดร.วิระชัย ที่รับผิดชอบคดีเมจิก สกิน ในวันนี้ภาพจากอีจัน
พล.ต.อ.ดร.วิระชัย เผยว่า ได้ส่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์คาโอะไปตรวจสอบกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้ว พบว่าผลิตภัณฑ์คาโอะ ไม่มีสารสกัดจากเยื่อไผ่ญี่ปุ่นและเห็ดญี่ปุ่นเป็นส่วนผสม จึงเข้าข่ายเป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานในคดีฟอกเงินอีกด้วย ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดอาจต้องถูกยึดทรัพย์สินต่างๆ ที่ได้มาจากการกระทำผิด และหากมีผู้ใดช่วยซุกซ่อนทรัพย์สินของผู้กระทำผิดก็อาจมีโทษไปด้วย ทั้งนี้ ต้องเปิดเป็นคดีใหม่ เนื่องจากเป็นการกระทำความผิดต่างกรรม ต่างวาระ จึงไม่นำไปรวมไว้ในคดีเมจิก สกิน ที่พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามได้มีความคืบหน้าในการดำเนินคดีไปมากแล้ว แต่เนื่องจากในปัจจุบัน กองปราบมีงานล้นมือแล้ว เกรงว่าจะทำคดีใหม่นี้ล่าช้า จึงจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรับดำเนินการต่อไปภาพจากอีจัน