สื่อออสเตรเลีย รายงานว่า แพทย์ผู้ที่ตรวจสุขภาพและประเมินสภาพร่างกายและจิตใจของเด็ก ๆ และเป็นผู้ที่ “อนุมัติขั้นสุดท้าย” ว่าทั้ง 13 คน พร้อมสำหรับภารกิจครั้งสำคัญ ก่อนจะถูกพาตัวดำน้ำออกมานั้น ได้แก่ นพ.ริชาร์ด แฮร์ริส แพทย์จากเมืองแอดิเลด ออสเตรเลีย ซึ่ง นพ.แฮร์ริส เป็นบุคคลซึ่งเหมาะสมสำหรับภารกิจกู้ชีพภายในถ้ำ
ภาพจากอีจัน
จากการมีประสบการณ์ดำน้ำมานานกว่า 30 ปี ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักดำน้ำมือ 1 ของโลก
นอกจากนี้ทาง นพ.แฮร์ริส ก็ยังเคยเข้าช่วยเหลือภารกิจสืบสวนอุบัติเหตุในถ้ำมาแล้วหลายประเทศอีกด้วย
สื่อออสเตรเลีย ยังรายงานอีกว่า นพ.ริชาร์ด แฮร์ริส เป็นหนึ่งในนักดำน้ำ ที่สามารถใช้วิธีการดำน้ำ แบบเทคนิค rebreather (รีบรีทเธอร์)
ภาพจากอีจัน
ทั้งนี้ ผู้ใช้เทคนิค rebreather (รีบรีทเธอร์) เป็นวิธีการที่ใช้ในการปฏิบัติการใต้น้ำที่ใช้ระยะเวลายาว ๆ ซึ่งนักดำน้ำชาวอังกฤษ คือ นายจอห์น โวลันเธน และ นายริชาร์ด สแตนตัน ซึ่งใช้เทคนิค รีบรีทเธอร์ เช่นกัน ในการดำน้ำเข้าไปถึงตัวเด็กทั้ง 13 คน ที่เนินนมสาว แต่เทคนิค รีบรีทเธอร์ จะไม่ใช้กันทั่วไป เป็นการวิธีการดำน้ำที่ค่อนข้างอันตราย แต่จะใช้ในการปฏิบัติการทางทหาร หรือ นักวิทยาศาสตร์ใต้น้ำเท่านั้นภาพจากอีจัน
รีบรีทเธอร์ ก็คือ ระบบการหายใจ อากาศซ้ำ เมื่อนักดำน้ำหายใจออกมาเป็น คาร์บอนไดออกไซด์ เครื่อง รีบรีทเธอร์ ก็จะเปลี่ยนจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้กลับมาเป็นออกซิเจนอีกครั้ง ซึ่งนักดำน้ำก็จะใช้ในการหายใจใหม่ ซึ่งค่อนข้างอันตราย เพราะถ้าใช้ รีบรีทเธอร์ ในการหายใจไปนาน ๆ โดยที่ไม่มีฟองอากาศ อาจจะเป็นสาเหตุทำให้เกิด ก๊าซไนโตรเจน ซึ่งอาจทำให้นักดำน้ำเสียชีวิตได้ จากภาวะการน๊อคน้ำ โดยเครื่อง รีบรีทเธอร์ จะติดตั้งไปกับอุปกรณ์ดำน้ำแบบ SCUBA ซึ่งเครื่องนี้จะทำงาน เมื่อระบบการหายใจแบบปกติอิ่มตัว โดยเครื่อง รีบรีทเธอร์ จะทำงานทันที และนักดำน้ำที่สามารถใช้ระบบนี้ได้ ต้องเป็นนักดำน้ำที่มีความชำนาญในการจัดการกับเครื่องมือเสริม รีบรีทเธอร์ ตัวนี้ ได้ ทั้งนี้เมื่อเครื่องนี้ทำงานจะทำให้สามารถดำน้ำได้ในระยะยาว ๆ จึงเป็นเหตุผลหลักที่ การกู้ชีพ 13 ชีวิตในครั้งนี้ จะต้องใช้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการดำน้ำจากต่างชาติถึง 13 คนในภารกิจครั้งนี้