
วันนี้ (8 ก.ค.68) เวลา 09.00 น. รายงานจาก สมาคมค้าทองคำ ประกาศปรับราคาขึ้น 250 ทำให้ทองคำแท่งรับซื้อที่บาทละ 51,200 บาทต่อบาททองคำ ขายออกบาทละ 51,300 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่ราคาทองคำรูปพรรณ รับซื้อบาท 50,179.60 บาท และขายออกบาทละ 52,100 บาท

ขณะเดียวกัน ช่วงระหว่างวัน ราคาทองปรับ ดังนี้

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์แม่ทองสุก จำกัด (MTS Gold) เผยภาพรวมตลาดทองคำ ดังนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่า อย่างน้อย 14 ประเทศ จะเริ่มถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมนี้ โดยบางประเทศอาจต้องเผชิญกับอัตราภาษีที่สูงขึ้นเป็นพิเศษ สำหรับ ประเทศไทย จะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 36% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์เคยประกาศไว้เมื่อวันที่ 2 เมษายน ขณะที่ ลาว จะถูกเรียกเก็บภาษี 40% ลดลงจากเดิม 48%
นอกจากนี้ สินค้าจาก ญี่ปุ่น จะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 25% เพิ่มขึ้นจาก 24% ที่ประกาศเมื่อวันที่ 2 เมษายน ส่วน เกาหลีใต้ ยังคงถูกเก็บภาษีที่ 25% ไม่เปลี่ยนแปลง ด้าน มาเลเซีย, คาซัคสถาน และตูนิเซีย ที่ส่งออกสินค้ามายังสหรัฐฯ จะต้องเสียภาษีในอัตรา 25% ขณะที่สินค้าจาก แอฟริกาใต้ และบอสเนีย จะถูกเก็บภาษีนำเข้า 30% และสินค้าจาก อินโดนีเซีย จะถูกเรียกเก็บภาษี 32%
ราคาทองคำยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้เพิ่มการถือครองทองคำในระบบทุนสำรองของประเทศติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 ปริมาณทองคำสำรองของจีนอยู่ที่ 73.90 ล้านออนซ์ เพิ่มขึ้นจาก 73.83 ล้านออนซ์ ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มการเคลื่อนไหวของทองคำในระยะยาวปีนี้ YLG มองว่าทองคำยังมีโอกาสขึ้นไปแตะ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์
และหากสถานการณ์ความกังวลต่าง ๆ ยังไม่คลี่คลายก็มีโอกาสที่จะไปได้ถึง 3,650 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำในประเทศนั้น มีโอกาสขึ้นไปแตะ 53,800 บาทต่อบาททองคำ และแนวต้านถัดไปที่ 56,200 บาทต่อบาททองคำ (โดยคาดการณ์ที่ค่าเงินบาทระดับ 32.45 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ)
ส่วนนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในทองคำแต่มีเงินลงทุนเริ่มต้นจำกัด YLG ได้เปิดให้บริการ Gold Wallet บริการซื้อขายทองคำแท่ง 99.99% ด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง ด้วยราคาเรียลไทม์ ซื้อขายทองต่อครั้งด้วยขั้นต่ำ 0.1 ออนซ์ สูงสุดแบบเต็มเพดาน ได้สูงสุดถึง 700 ออนซ์ หรือ 20 กิโลกรัม
“ส่วนนักลงทุนรายย่อยที่ต้องการลงทุนระยะยาวนั้นแนะนำสะสมแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน DCA (Dollar-Cost-Average) เป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจ เพราะจะทำให้นักลงทุนสามารถสร้างวินัยการสะสมทอง และเข้าถึงราคาทองได้หลากหลาย อีกทั้งปัจจุบันยังสามารถตั้งเวลาซื้อล่วงหน้าได้อีกด้วย”นางพวรรณ์กล่าว