เปิดปูม “ ชิเกฮารุ ชิเรอิ” หัวหน้าแก๊งยากูซ่า สิ้นลายหนีคดีซุกไทย

เปิดปูม “ ชิเกฮารุ ชิเรอิ” หัวหน้าแก๊งยากูซ่า สิ้นลายหนีคดีซุกไทย

เปิดปูม “ ชิเกฮารุ ชิเรอิ”  หัวหน้าแก๊งยากูซ่า สิ้นลายหนีคดีซุกไทย

ภาพจากอีจัน
รู้จักชิเกฮารุ ชิเรอิ Shigeharu SHIRAI ก่อน ชายชราวัย 74 ปี ผู้มีรอยสักเต็มหลังนี้ คือ ใคร ? ชิเกฮารุ วันเกิด 18 มิ.ย. 2486 สัญชาติ ญี่ปุ่น อดีต คือ หัวหน้ากลุ่มโคโดไก ซึ่งเป็นสาขาของแก๊งยามากูจิคุมิ แก๊งยากูซ่าอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น
ภาพจากอีจัน


เฟซบุ๊กชื่อ ธนากร ใจสุขสกุลดี ให้ประเทศญี่ปุ่นมีแก๊งยากูซ่าใหญ่ๆรวมทั้งหมด 4 แก๊ง คือ

แก๊งยามากูจิคุมิ ( 山口組 )

แก๊งอินาคาว่าไค ( 稲川会 )

แก๊งสึมิโยชิไค ( 住吉会 )

แก๊งโคเบยามากุจิคุมิ ( 神戸山口組 )


ชิเกฮารุ คือ หัวหน้าของกลุ่มโคโดไก ดูแลพื้นที่หากินโยไกชิ yokishi ซึ่งสังกัดแก๊งยามากูจิคุมิ

แต่ช่วงปี 2546 เกิดมีเรื่องขัดแย้งกับ หัวหน้ากลุ่มคามิยะ (Kamiya family ) ซึ่งอยู่พื้นที่นาโยย่าจึงมีคำสั่งเก็บ


วันที่ 24 ก.ค. 2546 เวลา 08.22 น. (เวลาญี่ปุ่น) ชิเกฮารุและลูกน้อง 7 คน

ฆ่านายคาซึฮิโกะ โอโตเบะ Kazuhiko OTBE หัวหน้ากลุ่มคามิยะ (ข้อมูลจากตำรวจ)

โดยใช้ปืนสั้นยิงที่ศีรษะจำนวน 2 นัด เสียชีวิต กลายเป็นข่าวใหญ่ในญี่ปุ่น

ภาพจากอีจัน
ต่อมา ศาลอาญาที่ญี่ปุ่น ออกหมายจับชิเกฮารุ ซึ่งตอนนั้นเชื่อว่าเขาน่าจะหนีซุกในประเทศไทยแล้ว ข้อมูลจาก ตม.ไทยพบว่า ชิเกฮารุ เดินทางออกจากญี่ปุ่นครั้งสุดท้าย วันที่ 25 พ.ค.2548 หรือเมื่อ 12 ปีก่อน หลังเกิดคดีปีกว่าๆ โดยเดินทางจากท่าอากาศยานคันไซ (Kansai) เข้าประเทศไทยวันเดียวกัน แต่หลังจากนั้น ก็ไม่พบ ข้อมูลการเดินทางและข้อมูลขออยู่ต่อในไทย ตรวจสอบข้อมูลต่อ พบภรรยาชื่อนางวิไลวรรณ ชิเรอิ Vilaiwan SHIRAI วันเกิด 28 ก.ย. 2522 อายุ 48 ปี สัญชาติไทย มีข้อมูลว่า ทั้งสองแต่งงานกัน วิไลวรรณ เดินทางออกจากญี่ปุ่นล่าสุด วันที่ 16 พ.ค.2548 จากท่าอากาศยานชูบุ (Chubu) เดินทางเข้าไทยในวันเดียวกัน และมีที่อยู่ในไทยที่ ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
ภาพจากอีจัน
มารู้จักกับ วิไลวรรณ สาวไทยที่ตอนนี้เธอกลายเป็นเพียงอดีตภรรยาของ ชิเกฮารุ ตรวจสอบประวัติ ทะเบียนราษฎร์ เธอใช้ชื่อวิไลวรรณ อายุ 49 ปี สถานภาพสมรส สืบลึกลงไปก็พบข้อมูล แปลกๆ สมเป็นอดีต ภรรยายากูซ่าระดับสูง อีจันพบข้อมูลการเปลี่ยนนามสกุลหลายครั้ง
ภาพจากอีจัน
เดิมนามสกุล ชิไร ตั้งแต่กันยายน 2534 – ม.ค.2551 จากนั้นเปลี่ยนนามสกุลเป็น ชูสุวรรณ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 และเดือนกุมภาพันธ์ 2552 เธอ เปลี่ยนนามสกุลอีกครั้งเป็น วิไลวรรณ ฮามาชิกิ ก่อนที่จะถูกขึ้นทะเบียนเป็นบุคคลที่ถูกจำหน่ายตามระเบียบข้อ 110 โดยสงสัยว่าจะมีการสวมบัตรประชาชน เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2554 ล่าสุด เพจอีจันตรวจพบ ว่า อดีตภรรยานายชิเกฮารุ มีพฤติกรรมสวมหน้า ในบัตรประชาชนคนอื่น และมีประวัติอาชญกรเคยต้องโทษจำคุกถูกดำเนินคดีที่ สภ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง เลขคดีที่ 418/2556 ข้อหาแจ้งความอันเป็นเท็จต่อเจ้า พนักงานโดยการแอบอ้างสวมตัวเป็นบุคคล อื่นทำบัตรประจำตัวประชาชน โดยศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.2558 จำคุก 6 เดือน ล่าสุดทราบว่า เธอมีชื่อจริงว่านางอริศรา อรานุเวชภัณฑ์ อายุ 61 ปี แต่ไปสวมหน้าในบัตรประชาชนของ นางวิไลวรรณ ซึ่งเป็นคนพิการ แค่ประวัติอดีตภรรยาก็ซับซ้อนจนกว่าจะหาตัวจริงเจอ เหงื่อแทบตก สืบต่อไป พบว่าคนจ.ลพบุรี เห็นสามีภรรยา คู่นี้มาที่นี่หลายปีแล้ว ในความรู้สึกสำหรับผู้พบเห็น คือ อิสรา เป็นคุณนายเศรษฐีเมียญี่ปุ่น ซึ่งดูมีฐานะ ต่อมา อิสราก็ทำหอพักที่ตกแต่งในสไตล์ญี่ปุ่นเป็นอาชีพหลักที่ทุกคนรับรู้
ภาพจากอีจัน
หลังจากนั้นเกิดความขัดแย้งบางอย่างขึ้น ชิเกฮารุ ก็ถูกทิ้งกลายเป็นคนเร่รอนไม่มีที่ซุกหัวนอนเขามาของานทำที่โกดังเก็บข้าวในจังหวัดลพบุรี
ภาพจากอีจัน
นายธวัชชัย หรือ กบ เจ้าของโกดังเล่าว่า เจอนายชิเกฮารุเมื่อประมาณ 1 ปีก่อน ชิเกฮารุเรียกตัวเองว่า ชิไร บอกเพียงทะเลาะกับนางอริสราแฟนสาวจึงต้องหอบกระเป๋าออกจากบ้านมาของานทำ สภาพในวันนั้น คือ หน้าตาบวมปูด พูดง่ายๆ คือ ถูกทำร้ายจนต้องนั่งรถเข็น ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วตนเองรู้จักกับ ครอบครัวของนางอริสราแฟนของนายชิเกฮารุดี ขณะเดียวกัน นายชิเกฮารุ บอกตนเอง มีพาสปอร์ตแต่อีก 2 ปีจะหมดอายุ จึงตัดสินใจรับนายชิเกฮารุมาช่วยงานและให้ที่พักพิง โดยให้นอนที่ซอกด้านหลังของ โกดังเก็บข้าว ซึ่งเป็นซอกไม่มีประตูปิด
ภาพจากอีจัน

ที่ผ่านมาชิเกฮารุ ก็ทำงานขยันขันแข็ง ช่วยขัดข้าวและแบกกระสอบ ข้าว ได้ดีจึงให้ย้ายมาพักในห้องพักด้านหลังเป็นสัดเป็นส่วน

ภาพจากอีจัน


นายธวัชชัยจ่ายค่าจ้างเป็นรายวัน ตามแต่ว่าชิโรจะแบกข้าวแต่ละวันได้มากน้อยเพียงใด แต่ต่อมา คนงานพม่าที่โกดังถูกจับเรื่องไม่มีใบอนุญาตทำงานจึงจำเป็นต้องให้นายชิเกฮารุออกจากงาน

นายธวัชชัยยอมรับว่า เคยสงสัยรอยสักตามตัวของนายชิเกฮารุ แถมยังเห็นว่า เขาถูกตัดนิ้วก้อย ก็เคยคิดเหมือนกันว่า เหมือนยากูซ่าในหนัง ซึ่งนายชิเกฮารุบอกเพียงว่า ที่ถูกตัดนิ้วเพราะ ทำความผิด แต่ตนเองก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาเคยก่อคดีร้ายแรง

ภาพจากอีจัน
นอกจากนี้ ระหว่างที่อยู่ที่โรงสี เขา เคยเห็นมี ผู้ชายญี่ปุ่น ลักษณะท้วมเตี้ยมาหา นายชิเกฮารุครั้งหรือสองครั้งไม่แน่ใจโดยมีคนไทยที่ไปทำงานญี่ปุ่นมาด้วย หลังจากต้องออกจากงานที่โกดังเก็บข้าวก็พาตัวเร่ร่อนไปหาที่นอนจนพบศาลเจ้าลูกศร
ภาพจากอีจัน

ซึ่งมีตู้ยามตำรวจ ที่มีสภาพร้าง จึงยึดเป็นที่อาศัยหลับนอน และใช้ชีวิตที่นั่นอย่างเรียบง่ายไร้คนสนใจ

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

โดยมีกระดานหมากรุก และเพื่อนคนไทย ซึ่งไม่รู้ที่มาที่ไปของชิไร เป็นคู่หูโขกกระดานกัน ทั้งๆที่สื่อสารกันไม่ค่อยรู้เรื่อง เนื่องจาก ชิไร พูดภาษาไทยได้น้อยมาก 

ภาพจากอีจัน

จนกระทั่ง วันที่ 8 ส.ค.2560 ที่ประเทศไทย มีภาพว่อนเน็ตเป็นชายไม่ทราบชื่อ ไม่ทราบสัญชาติ มีลายสักเต็มตัว ระบุที่อยู่ คือ ลพบุรี เนื่องจากมีคนชอบลายสักของชิโร ที่เห็นตอนแกถอดเสื้อเล่นหมากรุก จึงถ่ายไปลงเฟซบุ๊ก เป็นเหตุให้ภาพของเขา ถูกแชร์ไปทั่วโลกโซเซียล

ภาพจากอีจัน
ต่อมาวันที่ 27 ต.ค.2560 สำนักงานกลางตำรวจสากล โตเกียว ประเทศญี่ปุ่นประสานตรวจสอบข้อมูล ผู้ต้องหา ชื่อนายชิเกฮารุ ชิเรอิ ตำรวจไทยเปรียบเทียบภาพระหว่างชายที่ว่อนในเน็ตกับภาพของชิเกฮารุ พบเป็นคนเดียวกันจึงเข้าจับกุมเมื่อวันที่ 10 มกราคม ที่ผ่านมา
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ล่าสุดตำรวจไทยต้องดำเนินคดีตามความผิดที่พบอย่างน้อยคือ หลบหนีเข้าประเทศ ก่อนจะเนรเทศกลับประเทศญี่ปุ่นต่อไป