ทนายแอ๋มยื่นอุทธรณ์ต่อศาล ขอประหารชีวิตทีมเปรี้ยวฆ่าหั่นศพ

จากเหตุการณ์สุดสะเทือนขวัญ .. ฆ่าหั่นศพน้องแอ๋ม หรือ น.ส.วริศรา กลิ่นจุ้ย พนักงานสถานบันเทิงแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น ถูกหั่นแยกร่างฝังดินในป่า บ้านโนนสง่า อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 60 ที่ผ่านมา

โดยมีผู้เกี่ยวข้องกับการตายของน้องแอ๋ม 5 คน คือ เปรี้ยว -น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย ,เอิร์น -น.ส.กวิตา ราชดา ,แจ้ – น.ส.อภิวันทน์ สัตยบัณฑิต ,เบนซ์- น.ส.จิดารัตน์ พรหมคุณ และนิว-นายวศิน นามพรม

และคดีนี้ ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาไปแล้ว เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 61 คือจำคุกตลอดชีวิต โดยเปรี้ยว – เอิร์น และ แจ้ รับโทษฐานฆ่าโดยเจตนา แต่ให้ยกฟ้องฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ทั้งนี้คำให้การของจำเลย เป็นประโยชน์ ศาลจึงพิจารณาลดโทษให้ 1 ใน 3

ในส่วนของเปรี้ยว และ เอิร์น รวมกับความผิดฐานลักทรัพย์-ซ่อนเร้นทำลายศพ รวมทั้งหมดต้องรับโทษจำคุก คนละ 34 ปี 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา

แจ้ไม่โดนข้อหาลักทรัพย์ แต่รับโทษในข้อหาเสพแอมเฟตามีนเพิ่ม รวมทั้งหมดโทษจำคุก 33 ปี 9 เดือน

นิวมีความผิดฐานสนับสนุน-ซ่อนเร้นศพ-ลักทรัพย์ จำคุก 23 ปี 4 เดือน 20 วัน

ส่วนเบนซ์ รับโทษในข้อหารับของโจรข้อหาเดียว จำคุก 1 ปี ไม่รอลง อาญา

วันนี้ 9 ส.ค.61 นายนพดล สีดาทัน ทนายความฝ่ายโจทก์ หรือแอ๋ม น.ส.วริศรา กลิ่นจุ้ย เหยื่อ เปรี้ยวฆ่าหั่นศพ !! เข้ายื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้น เนื่องจากเห็นว่าศาลตัดสินเบากว่าข้อเท็จจริง เพราะจำเลยมีพฤติการณ์ในการกระทำความผิดที่สมควรได้รับโทษสูงสุดคือประหารชีวิต จึงได้เดินทางเข้ามายื่นอุทธรณ์ ใน 3 ประเด็น

ประเด็นแรก คือ อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้น จำเลยที่ 1 คือ น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือ เปรี้ยว จำเลยที่ 2 น.ส.กวิตา ราชดา หรือเอิร์น และจำเลยที่ 5 น.ส.อภิวันทน์ สัตยบัณฑิต หรือ แจ้ ฆ่าคนตายโดยเจตนา และจำเลยที่ 4 เป็นผู้สนับสนุน ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลว่าทั้ง 4 คนนี้ ร่วมกันฆ่าคนอื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งมีโทษประหารชีวิต

ประเด็นที่ 2 โจทก์ร่วมเห็นพ้องที่ศาลได้มีคำพิพากษาว่าจำเลยทั้ง 4 ให้การที่เป็นประโยชน์ จึงลดโทษให้ 1 ใน 3

แต่ฝ่ายโจทก์ไม่เห็นด้วย ว่าจำเลยทั้ง 4 ให้การเป็นประโยชน์ แต่ให้การเพื่อประโยชน์ของตัวเอง และต่อสู้คดีเพื่อให้ตัวเองได้รับเพียงโทษ การทำร้ายร่างกายแล้วทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายเท่านั้น ทนายนพดลจึงยื่นอุทธรณ์ตามคำฟ้องเดิม ในความผิดร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

ประเด็นที่ 3 เรื่องชดใช้ค่าไร้อุปการะ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1-5 ร่วมกันชดใช้เงินแก่โจทย์ จำนวน 1,070,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อย 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม ที่เริ่มกระทำผิด จะยื่นอุทธรณ์ตามคำร้องเดิม คือ 10,300,000 บาท เพราะผู้ตายมีรายได้เลี้ยงดูมารดาอย่างต่อเนื่อง เดือนละประมาณ 50,000-100,000 บาท

เหตุผลหลักๆ 3 ประเด็นที่ยื่นอุทธรณ์ต่อศาล เพื่อพิจารณาแก้คำพิพากษาของศาลชั้นต้น

ขณะที่นายบุญยง แก้วฝ่ายนอก ทนายความฝ่ายจำเลยขอขยายกำหนดเวลายื่นอุทธรณ์ออกไปอีก 1 เดือน โดยให้เหตุผลว่า คดีนี้มีเอกสาร รายละเอียดต่างๆมากมาย ต้องมีการตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดให้รอบคอบ แล้วจึงจะดำเนินการยื่นอุทธรณ์ต่อศาล