พล.อ. สุจินดา คราประยูร อดีตนายกฯ คนที่ 19 ถึงแก่อสัญกรรม

พล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 19 ถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบ ด้วยโรคชรา สิริอายุ 91 ปี 10 เดือน 4 วัน

วันนี้ (10 มิ.ย. 68) เฟซบุ๊ก ข่าวทหาร รายงานว่า พล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 19 ถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบด้วยโรคชรา เมื่อเวลา 01.57 น. ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า สิริอายุ 91 ปี 10 เดือน 4 วัน

สุจินดา คราประยูร หรือ สุ เกิดเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2476 มีบ้านเกิดอยู่ที่ตำบลบ้านช่างหล่อ อำเภอบางกอกน้อย จังหวัดธนบุรี โดยครอบครัวเป็นข้าราชการกรมรถไฟ 

การศึกษา

สุจินดาเข้ารับการศึกษาระดับประถมศึกษา จากโรงเรียนปิยะวิทยา แล้วเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนทวีธาภิเศก หลังจากนั้นเข้าศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมปีที่ 4 – 5 ที่จังหวัดหนองคาย ต่อมาได้กลับเข้ามาศึกษาต่อในกรุงเทพมหานครจนจบการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 6 ที่โรงเรียนวัดราชบพิธ และได้เข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนอำนวยศิลป์จนจบมัธยมปีที่ 8 สอบเข้าเรียนเตรียมแพทย์ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรียนได้เพียง 1 ปีก็ไปสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารและเข้าเรียนต่อโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 5

โดยมีเพื่อนร่วมรุ่นได้แก่ 1. พล.อ. อิสระพงศ์ หนุนภักดี 2. พล.อ. ศัลย์ ศรีเพ็ญ 3. พ.อ. ณรงค์ กิตติขจร หลักสูตรเวสท์ปอยต์ รุ่นที่ 5 ตามลำดับ

ต่อมาได้ศึกษาต่อจนจบหลักสูตรผู้บังคับกองพันทหารปืนใหญ่จากค่ายซิลส์ (Fort Sill’s) รัฐโอคลาโฮมา ประเทศสหรัฐฯ สำเร็จหลักสูตรเสนาธิการทหารบกรุ่นที่ 44 เป็นอันดับที่ 1 สำเร็จการศึกษาหลักสูตรเสนาธิการทหารบกสหรัฐจากค่ายลีเวนเวิร์ธ (Fort Leavenworth)

ราชการทหาร

สุจินดาเริ่มเข้ารับราชการทหารตั้งแต่ปี พ.ศ. 2496 ได้รับพระราชทานยศ “ว่าที่ร้อยตรี “ เมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2501 ดำรงตำแหน่งผู้บังคับกองร้อย กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 21 และก้าวหน้าในหน้าที่ราชการ เช่น

  • อาจารย์โรงเรียนเสนาธิการทหารบก
  • เจ้ากรมยุทธการทหารบก
  • ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก ฝ่ายยุทธการ
  • รองเสนาธิการทหารบก
  • ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก
  • รองผู้บัญชาการทหารบก

และวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2533 ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก จนเมื่อถึงวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2534 จึงได้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด ต่อจาก พล.อ. สุนทร คงสมพงษ์ ที่เกษียณอายุราชการ

ตำแหน่งราชการ

ทหาร

  • พ.ศ. 2501 : ประจำกองร้อย กรมนักเรียนโรงเรียนทหารปืนใหญ่ ศูนย์การทหารปืนใหญ่ต่อมารักษาราชการ ผู้ช่วยนายทหารฝ่ายยุทธการและการฝึก กองบังคับการทหารปืนใหญ่ กองพลที่ 4
  • พ.ศ. 2502 : รักษาราชการนายทหารสื่อสาร กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 1 และรับพระราชทานยศ “ร้อยตรี”
  • พ.ศ. 2503 : รักษาราชการผู้บังคับกองร้อยบังคับการและบริการกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 21
  • พ.ศ. 2504 : รับพระราชทานยศ “ร้อยโท”
  • พ.ศ. 2505 : ผู้บังคับกองร้อยปืนใหญ่ กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 21 และรับพระราชทานยศ “ร้อยเอก”
  • พ.ศ. 2507 : ครูกองการศึกษา โรงเรียนทหารปืนใหญ่ ศูนย์การทหารปืนใหญ่
  • พ.ศ. 2510 : รักษาราชการอาจารย์โรงเรียนเสนาธิการทหารบก และรับพระราชทานยศ “พันตรี”
  • พ.ศ. 2513 : หัวหน้าฝ่ายยุทธการกองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน
  • พ.ศ. 2514 : รองผู้ช่วยทูตทหารบก ประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน และรับพระราชทานยศ “พันโท”
  • พ.ศ. 2517 : หัวหน้าแผนกกรมข่าวทหารบก
  • พ.ศ. 2518 : รักษาราชการนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำกรมข่าวทหารบกและรับพระราชทานยศ “พันเอก”
  • พ.ศ. 2522 : หัวหน้ากอง กรมข่าวทหารบก
  • พ.ศ. 2524 : รองเจ้ากรมยุทธการทหารบก
  • พ.ศ. 2525 : เจ้ากรมยุทธการทหารบก และรับพระราชทานยศ”พลตรี”
  • พ.ศ. 2528 : ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก ฝ่ายยุทธการ และรับพระราชทานยศ”พลโท”
  • พ.ศ. 2529 : รองเสนาธิการทหารบก
  • พ.ศ. 2530 : ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และรับพระราชทานยศ”พลเอก”
  • พ.ศ. 2532 : รองผู้บัญชาการทหารบก
  • พ.ศ. 2533 : ผู้บัญชาการทหารบก
  • พ.ศ. 2534 : ผู้บัญชาการทหารสูงสุด

ราชการพิเศษ

  • พ.ศ. 2512 – 2513 : ราชการสงครามเวียดนาม ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายยุทธการ กองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน
  • พ.ศ. 2525 : ราชองครักษ์เวร
  • พ.ศ. 2526 : นายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์
  • พ.ศ. 2528 : ราชองครักษ์เวร ต่อมาเป็นราชองครักษ์พิเศษ
  • พ.ศ. 2532 : นายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์, นายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์, นายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์, นายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารราบ ที่ 2 รักษาพระองค์, นายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารปืนใหญ่ กองพันที่ 21 รักษาพระองค์ และนายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน กองพันที่ 1 รักษาพระองค์

การเมือง

สุจินดาเป็นบุคคลสำคัญในคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ที่เข้ายึดอำนาจการปกครองจากพลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ เมื่อวันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 จนกระทั่งหลังการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2535 พรรคการเมือง 5 พรรค คือ พรรคสามัคคีธรรม พรรคชาติไทย พรรคกิจสังคม พรรคประชากรไทย และพรรคราษฎร ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลและสนับสนุนให้สุจินดาเป็นนายกรัฐมนตรี ก่อนหน้านั้น พรรคร่วม 5 พรรคประกาศสนับสนุนณรงค์ วงศ์วรรณ หัวหน้าพรรคสามัคคีธรรม ซึ่งมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากที่สุด แต่โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐแถลง ข่าวว่า ณรงค์ วงศ์วรรณ ติดบัญชีดำ ถูกห้ามเข้าสหรัฐอเมริกา เนื่องจากพัวพันกับขบวนการค้าสารเสพติด

ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

สุจินดาได้รับพระบรมราชโองการให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 19 ของประเทศไทยเมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2535 เมื่อเข้าดำรงตำแหน่งกล่าวว่า “เสียสัตย์เพื่อชาติ” ทั้งที่เคยพูดว่าจะไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ สุจินดาได้แต่งตั้งพลเอก อิสระพงศ์ หนุนภักดี เลขาธิการ รสช. ซึ่งเป็นพี่ชายของภรรยา ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จึงถูกคัดค้านจากกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองหลายกลุ่ม เนื่องจากเป็นการสืบทอดอำนาจเผด็จการ รสช. จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ไม่สงบภายในประเทศ หรือพฤษภาทมิฬ ขึ้นระหว่างวันที่ 17-20 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 ก่อนที่ สุจินดาจะลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 เพื่อแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง และเพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปโดยอิสระ

“อีจัน” ขอแสดงความเสียใจมา ณ โอกาสนี้ครับ