เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 18 ก.ย.2561 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 จ.ขอนแก่น พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุระชัย ควรเดชะคุปต์ ผบช.ภ.4 ประชุมร่วมทีมพนักงานสอบสวนและชุดสืบสวน คลี่คลายคดีการทุจริตโครงการรวมหนี้และโครงการบริหารหนี้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย
เพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดีและการจัดเตรียมทีมพนักงานสอบสวนในการสอบปากคำข้าราชการตำรวจที่มีส่วนพัวพันกับคดีดังกล่าว
หลังจากที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจ 15 นายที่มีส่วนพัวพันในคดีและเกี่ยวข้องกับ พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช อดีต รอง ผบช.สกพ. (รองผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปฎิบัติราชการที่ศูนย์ปฎิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยที่ในขณะนี้ ข้าราชการตำรวจทั้ง 15 นายนั้นได้ทยอยเดินทางไปรายงานตัวตามคำสั่ง ผบ.ตร.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว
พล.ต.ท.สุระชัย ควรเดชะคุปต์ ผบช.ภ.4 กล่าวว่า คดีความดังกล่าวมีความคืบหน้าทางคดีไปมาก ซึ่งขณะนี้สำนวนการสอบสวนในคดีการทุจริตโครงการรวมหนี้และโครงการบริหารหนี้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลยนั้น ได้มีการส่งมอบสำนวนจากคณะทำงานของ บช.ภ.4 ให้กับคณะทำงาน ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้นได้แต่งตั้งขึ้นมา
ส่วนข้าราชการตำรวจ 15 นาย ที่มีรายชื่อให้ไปช่วยราชการที่ ศปก.ตร.นั้นส่วนใหญ่เป็นข้าราชการตำรวจในพื้นที่ บช.ภ.4 ซึ่งเมื่อผู้บังคับบัญชาสูงสุดของ ตร. ได้มีคำสั่งมาทุกคนก็พร้อมที่จะปฎิบัติตาม และขณะนี้ได้ทยอยเดินทางไปรายงานตัวที่ ตร.แล้ว
ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าตำรวจทั้ง 15 นายนั้นมีรายชื่อปรากฎเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกับคดี บางคนเป็นผู้เสียหายในคดีนี้เพราะถูก พล.ต.ต.สุทิพย์ หลอก ซึ่งเราต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่ายและทุกคนสามารถที่จะชี้แจงในเรื่องที่เกิดขึ้นได้
โดยคณะกรรมการตรวจสอบที่ ตร.แต่งตั้งขึ้นนั้นจะทำการสืบสวนสอบสวนในภาพรวมอีกครั้ง”
ผบช.ภ.4 กล่าวต่ออีกว่า การเข้าให้ปากคำของข้าราชการตำรวจทั้ง 15 นายนั้น จะมีการประสานงานไปยัง ศปก.อีกครั้ง เพื่อให้การดำเนินงานนั้นคู่ขนานไปตามแนวทางการสอบสวน โดยคณะทำงานได้ยืนยันในการเร่งสำนวนคดีส่งให้กับพนักงานอัยการให้ได้ภายใน 1 เดือนต่อจากนี้ เพื่อเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีในภาพรวมทั้งหมด
ซึ่งขณะนี้มีผู้ต้องหาในคดีแล้วรวม 17 ราย ทั้งหมดได้เดินทางเข้ามอบตัวและพบกับพนักงานสอบสวนแล้ว ซึ่งมีทั้งข้าราชการตำรวจ,เจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมและนักธุรกิจ สำหรับการติดตามยึดทรัพย์และยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับคดีที่ขณะนี้ตรวจยึดคืนมาได้ 140 ล้านบาท ซึ่งมีทั้งการคืนเงินสดให้กับพนักงานสอบสวน รวมทั้งการตรวจสอบเส้นทางทางการเงินรวมกับ ปปง. ทั้งหมดจะถูกอายัดไปจนกว่าการดำเนินคดีจะสิ้นสุด ซึ่งก็จะถูกขายทอดตลาดและนำเงินมาคืนให้กับผู้เสียหาย ที่เข้าแจ้งความในคดีดังกล่าวรวมกว่า 200 ล้านบาท