ภาพจากอีจัน
เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 ก.ย. 61 นายประกอบ รัตนดี อายุ 54 ปีพ่อของนายถนอมศักดิ์ รัตนดี อายุ 21 ปี เล่าว่าตนและครอบครัวทำงานก่อสร้างและพักกันอยู่ในที่พักคนงานภายในโรงเรียนโรงเรียนสุเหร่าดอนเกาะกา หมู่3 ต.ดอนเกาะกา อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ในวันเกิดเหตุหลังเลิกงานขณะกำลังนั่งทานข้าวรวมกันอยู่นั้นนายถนอมศักดิ์ รัตนดีลูกชายซึ่งพิการมีอาการป่วยทางสมองเกิดอาการคลุ้มคลั่งถือมีดขึ้นมาร้องโวยวาย พ่อจึงเกรงว่าลูกชายจะทำร้ายคนอื่นจึงได้แจ้งตำรวจให้เข้ามาช่วยควบคุมสถานการณ์
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ในระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่ พ่อและญาติกล่อมลูกชายจนสงบและได้ให้พักผ่อนในห้องนอนแล้ว ในเวลานั้นตำรวจจำนวน 4 นาย เดินทางมาถึงและถามว่า ผู้ก่อเหตุอยู่ที่ไหน ? นายประกอบตอบไปว่า ลูกชายสงบสติและเข้านอนแล้ว แต่จังหวะนั้นกลับเกิดเหตุไม่คาดคิด ตำรวจเข้าไปตรวจสอบก็พบนายถนอมศักดิ์ซึ่งมีอาการตกใจเห็นตำรวจจึงวิ่งออกมาแล้วเกิดชนและล้มทับตำรวจ
ในตอนนั้นพ่อได้ยินเสียงว่า “ยิงเลย” พ่อจึงตะโกนบอกว่า อย่ายิง และวิ่งเข้ามาขวาง ในตอนนั้นมีการยิงนัดแรกเสียงปืนดังขึ้น กระสุนโดนเข้าที่นิ้วโป้งมือของพ่อ และพ่อเห็นตำรวจอีก 1 นายยิงอีก 3 นัด กระสุนเข้าหน้าท้องนายถนอมศักดิ์ลูกชายตน 2 นัด เข้าท้องด้านซ้ายและขวา ส่วนนัดที่ 3 โดนขาขวาของลูกชาย
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
หลังการชุลมุนสิ้นสุดลง ตำรวจชุดนี้ก็นำตัวลูกชายส่งโรงพยาบาลบางน้ำเปรี้ยวและส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลพุทธโสธร จ.ฉะเชิงเทรา
เวลาต่อมาพ่อได้เข้าไปแจ้งความสถานีตำรวจดอนฉิมพลีซึ่งเป็นโรงพักที่ตำรวจ 4 นายนี้ทำงานอยู่ โดยแจ้งความดำเนินคดีต่อตำรวจที่กระทำการเกินกว่าเหตุแต่เจ้าหน้าที่ยังไม่มีการลงบันทึกประจำวันโดยบอกเพียงจะสอบสวนเรื่องนี้ให้เท่านั้น นับตั้งแต่วันที่เกิดเหตุจนถึงตอนนี้ เวลาผ่านมาแล้ว 8 วัน ก็ยังไม่มีตำรวจติดต่อมาเลยจึงเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
ภาพจากอีจัน
ล่าสุดวันนี้(28ก.ย.61)ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา พ่อหรือ นายประกอบ รัตนดี พร้อมญาติได้เดินทางมายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมในกรณีเจ้าหน้าที่สถานีตำรวจดอนฉิมพลีกระทำการเกินกว่าเหตุใช้อาวุธปืนยิงลูกชาย หรือ นายถนอมศักดิ์ รัตนดี และคดียังไม่มีความคืบหน้า
ส่วนนายถนอมศักดิ์ อาการตอนนี้ปลอดภัยแล้ว แต่ยังรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลพุทธโสธร จ.ฉะเชิงเทรา
นายสมใจนึก สังข์คำพันธุ์ นิติกร ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดฉะเชิงเทราเปิดเผยว่าได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวแล้ว และจะดำเนินการประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้