พิษ…ชู้รัก หักสวาท

กลายเป็นเมียใช้กิ๊กไปลอบฆ่าสามี

พิษ…ชู้รัก หักสวาท

จากเหตุคนร้าย ซุ่มดักรอ ใช้มีดแทง โชเฟอร์รถตู้เสียชีวิต เพราะความโกรธแค้น ที่ถูกว่า ด่าทอ เมื่อตำรวจสืบสวนเรื่องกลับพลิก กลายเป็นเมียใช้กิ๊กไปลอบฆ่าสามี

เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2561 โดยคนร้ายใช้อาวุธมีดแทงนายศุภกร ยาวิชัยย์ อายุ 45 ปี โชเฟอร์รถตู้เสียชีวิต บริเวณทางเข้า-ออกลานจอดรถ เอสอาร์คอนโดมิเนียม ตำบลหนองป่าครั่ง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน


ชุดสืบสวน สภ.แม่ปิง ลงพื้นที่หาข่าวจนทราบชื่อคนร้าย และ สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุได้แล้ว คือ นายบรรลือ อู่บุญมา อายุ 33 ปี ชาวจังหวัดอุดรธานี โดยจับกุมได้ขณะหลบหนีไปที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ในคืนวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2561


สอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การว่า ได้เดินทางมาที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2561 จากนั้นก็มาดักรอนายศุภกรบริเวณ เอสอาร์คอนโดมิเนียมทุกวัน กระทั่งวันเกิดเหตุเห็นนายศุภกรขับรถตู้เข้ามาจอดจึงเดินไปหา และใช้อาวุธมีดแทงไม่ยั้ง จนนายศุภกรล้มลงเสียชีวิตคาที่

ภาพจากอีจัน


จากนั้นจึงวิ่งไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่โรงเรียนวัดหนองป่าครั่งและหลบหนีไปขึ้นรถโดยสารสายอีสาน ซื้อตั๋วเดินทางไปจังหวัดร้อยเอ็ด แต่ระหว่างทางได้ลงรถที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ก่อนจะถูกตำรวจจับกุมตัวได้

ส่วนสาเหตุผู้ต้องหา ให้การเพียงว่า โกรธแค้นที่ถูกด่าว่าอย่างรุนแรง รับสารภาพว่าเป็นคนลงมือฆ่าโดยไม่ได้ซัดทอดถึงใคร แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ เพราะจากพฤติการณ์มีการวางแผนไว้เป็นอย่างดี เพราะผู้ต้องหามาดักรอผู้ตายยังคอนโดที่พักหลายวันแล้ว

จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า ผู้ต้องหาไม่เคยเดินทางมาที่จังหวัดเชียงใหม่จึงไม่น่าจะรู้จักกับผู้ตายมาก่อน ขณะที่การก่อเหตุก็มีการวางแผนไว้เป็นอย่างดี รวมทั้งยังมีการฉีกทำลายหลักฐานสมุดบัญชีเงินฝาก และบัตรเอทีเอ็ม เจ้าหน้าที่คาดว่าอาจมีผู้บงการวางแผนฆ่าและจ้างวานให้นายบรรลือเป็นคนลงมือ โดยสาเหตุยังไม่แน่ชัดว่าเกิดจากความขัดแย้งเรื่องใด ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังมุ่งประเด็นไว้หลายสาเหตุ ทั้งขัดแย้งเรื่องส่วนตัว ขัดแย้งในวงการธุรกิจรถตู้

ระหว่างที่ ปมคดีการฆ่าโชเฟอร์รถตู้ ยังคงไม่ชัดเจน ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ในจุดเกิดเหตุ โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และสายตรวจหลายสิบนายกันพื้นที่ไม่ให้ญาติและชาวบ้านเข้าใกล้ระหว่างการทำแผน เพราะเกรงจะเกิดการรุมประชาทัณฑ์ผู้ต้องหา

ภาพจากอีจัน
จุดแรกเจ้าหน้าที่ให้ผู้ต้องหาชี้จุดที่มาดักรอผู้ตาย โดยนั่งดื่มเบียร์รออยู่ที่ม้าหินอ่อนหน้าอาคารพาณิชย์ใกล้ทางเข้าคอนโดมิเนียม เมื่อเห็นผู้ตายขับรถเข้ามาจอดก็เดินไปหาก่อนจะชักอาวุธมีดขึ้นมาจ้วงแทงเข้าที่ลำตัว 2 ครั้ง จนล้มลง แต่ขณะนั้นผู้ตายยังไม่สิ้นใจแล้วลุกขึ้นมา จึงใช้อาวุธมีดปาดเข้าที่บริเวณลำคอ จนผู้ตายล้มลงไปกองกับพื้นและเสียชีวิตในที่สุด
ภาพจากอีจัน
จากนั้นผู้ต้องหาได้วิ่งหลบหนีไปที่โรงเรียนวัดหนองป่าครั่ง ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 200 – 300 เมตร ก่อนจะโทรศัพท์เรียกจักรยานยนต์รับจ้างมารับ โดยผู้ต้องหาได้ถอดเสื้อผ้าที่ก่อเหตุทิ้งภายในวัดแล้วไปขึ้นจักรยานยนต์รับจ้างที่มารอรับอยู่ประตูวัดอีกด้านเพื่อไปส่งที่สถานีขนส่งอาเขต
ภาพจากอีจัน


ซึ่งตลอดการทำแผนมีญาติและชาวบ้านมามุงดูจำนวนมาก รวมถึงทางด้านภรรยาของนายศุภกร โชเฟอร์รถตู้ที่ถูกแทงจนเสียชีวิต ก็ได้มาดูนายบรรลือ ทำแผนประทุษกรรมฆ่าสามีตัวเองที่จุดเกิดเหตุเช่นกัน โดยก่อนหน้านี้ นางวาทิตาได้เดินทางมาเก็บของที่ห้องพักของสามีที่ จ.เชียงใหม่ พร้อมกับทำพิธีเชิญดวงวิญญาณกลับบ้าน

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ปมเหตุการฆ่า ยังคงไม่กระจ่าง กระทั่งศาลจังหวัดเชียงใหม่ อนุมัติหมายจับเลขที่ 133/2561 ลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ เพื่อจับกุมตัวนางสาววาทิตา หรือ พัฒน์ บุญต่อม อายุ 30 ปี ภรรยาของนายศุภกร (ผู้ตาย) ในข้อหา ”ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เดินทางไปเชิญตัว นางสาววาทิตา หรือ พัฒน์ ในงานศพของสามี ที่วัดในหมู่บ้าน เมื่อค่ำวันที่ 25 ก.พ. 61 ก่อนคุมไปตัวมาสอบปากคำที่ สภ.แม่ปิง จ.เชียงใหม่ ทั้งนี้จะมีการเผานายศุภกร ผู้เสียชีวิต ในบ่ายวันนี้ (26 ก.พ. 61) 
ภาพจากอีจัน
การจับกุมตัวนางสาววาทิตา มาจากคำซัดทอดของนายบรรลือ ผู้ต้องหา ที่บอกว่าได้ร่วมกับนางสาววาทิตาวางแผนฆ่านายศุภกรสามี โดยวันลงมือ ก่อนที่นายศุภกรจะขับรถมาที่เกิดเหตุ นางวาทิตาได้ทำทีโทรศัพท์หานายศุภกรเป็นระยะเพื่อเช็คว่าอยู่ที่ไหน ก่อนจะโทรศัพท์แจ้งนายบรรลือเป็นระยะเช่นกัน เพื่อให้มาดักรอและลงมือฆ่านายศุภกร จากการสอบสวนพบว่า ในอดีต นายบรรลือเคยเรียนหนังสือที่ อ.เชียงของ และรู้จักสนิทสนมกับนางวาทิตา แต่ภายหลังนายบรรลือได้ย้ายไปบวชเรียนที่จังหวัดอุดรธานี ส่วนนางวาทิตาได้มาพบกับนายศุภกรและแต่งงานอยู่กินจนมีลูกด้วยกัน แต่สองสามปีหลังที่นายศุภกรตัดสินใจมาขับรถตู้ที่จังหวัดเชียงใหม่เพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัว สองสามเดือนจะกลับบ้านครั้ง ทำให้นางวาทิตาเหงาและกลับไปคุยกับนายบรรลือจนมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง และทำให้สามีตัวเองกลายเป็นอุปสรรคของความรัก ไม่สามารถคบกันได้ จนมาสู่แผนลวงฆ่าสามีตัวเองครั้งนี้