ชัยวัฒน์ ชี้! การเผาป่า มีแรงจูงใจจากการเมือง ตั้งแต่ท้องถิ่นถึงประเทศ

ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ ติดตามภารกิจดับไฟป่า จ.เชียงใหม่ พบ มีไฟป่าสูงขึ้นจากปีก่อน พร้อมระบุว่า การเมืองเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนเผาป่า

อีจัน เกาะติดภารกิจดับไฟป่าเชียงใหม่ ซึ่งกินเวลายาวนานกว่า 4 เดือน คนเชียงใหม่ต้องทนจมฝุ่นพิษ

นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ ได้ลงพื้นที่ติดตามการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่า ทีมเสือไฟ และอาสาสมัคร ในเขตอุทยานแห่งชาติ ที่ จ.เชียงใหม่ ได้แก่ อช.ดอยสุเทพ-ปุย อช.ผาแดง อช.ศรีลานนา อช.ดอยผ้าห่มปก อช.ดอยอินทนนท์ และ อช.แม่วาง โดยมีการรับฟังการสะท้อนปัญหาจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
และบิน ฮ.สำรวจพื้นที่ป่า ที่เกิดจุดความร้อน และเกิดไฟป่า

โดยวันนี้ (11 เม.ย. 67) นายชัยวัฒน์ฯ ได้ให้สัมภาษณ์กับทางอีจันว่า จากการลงพื้นที่รับฟังปัญหาแต่ละหน่วย พร้อมการสำรวจด้วยตนเอง พบว่า ใน จ.เชียงใหม่ มียอดการเกิดไฟไหม้ป่า เพิ่มขึ้นจากปี 2566 มากถึง 78% ซึ่งทะลุเพดานตัวชี้วัด โดยปัญหาของการเกิดไฟป่า มีอยู่หลักๆ ได้แก่

1.การทิ้งก้นบุหรี่
2.ความขัดแย้งระหว่างชุมชนกับเจ้าหน้าที่ ทำให้เกิดการเผาป่า
3.การเผาพื้นที่ทำการเกษตร ในเขตรอบๆ ป่าอนุรักษ์ เผาป่าวัชพืช เผาจากความเชื่อ
4.การจงใจเผาป่า เพื่อให้เกิดปัญหา
5.การจงใจเผา เพื่อหาของป่าและสัตว์ป่า


และปัจจัยสุดท้าย ที่เสี่ยงต่อการเกิดการเผาป่ามากที่สุดคือ ปัญหาความขัดแย้งในการเมืองท้องถิ่น ไปจนถึงระดับชาติ

ที่มั่นใจว่ามีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นแรงจูงใจในการเผาป่า คือ จากการบิน ฮ.สำรวจ พบว่า ป่าบางจุด เป็นป่าไม่ไม่ผลัดใบ ไม่สามารถเกิดไฟป่าเองได้ ต้องเกิดจากการเผา และการเผาป่าบางจุด จะเห็นได้ว่า ตั้งใจเผาในที่ป่าดิบชื้น และใช้ใบไม้สุมให้เกิดควันเท่านั้น ไม่ได้จงใจให้มีเชื้อเพลิง

ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เพราะว่าเกิดจากปัญหาการเมือง ยกตัวอย่าง หากผู้นำชุมชน มีปัญหากับคนในชุมชน มีคนคัดค้านผู้นำ ก็มักจะมีการเผาป่าเกิดขึ้น จงใจก่อให้เกิดความวุ่นวาย “ตรงไหนมีถนนตรงนั้นมีไฟป่า ตรงไหนมีชุมชนตรงนั้นก็มีไฟป่า” เป็นการทำเพื่อแสดงให้เห็นถึงการบริหารงานที่ไม่สำเร็จ ของผู้นำ หรือทีมบริหาร โดยการจุดไฟการเมืองนี้ อาจจะมาจากทั้งการเมืองท้องถิ่น ไปจนถึงการเมืองระดับประเทศ

นายชัยวัฒน์ ยังกล่าวอีกว่า การจุดไฟการเมืองแบบนี้ เป็นการทำเพื่อกระตุ้นให้เห็นความล้มเหลวของการบริหารก็จริง แต่คนรับกรรม คือ ประชาชน เศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว เพราะการจุดไฟเผาป่า เป็นต้นเหตุของการเกิดฝุ่นควัน PM2.5 ปกคลุมทั่วเมือง ส่งผลเสียทั้งด้านสุขภาพ และเศรษฐกิจ คนเชียงใหม่และจังหวัดเชียงใหม่ จึงถือเป็นเหยื่อที่น่าสงสาร ซึ่งไม่เป็นธรรมกับพวกเขาเลย อยากให้เกิดการพูดคุยกัน และไม่อยากให้สร้างปัญหาให้กับคนที่ไม่รู้เรื่อง

และฝากถึงคน เชียงใหม่ ขอให้ดูแลสุขภาพตนเอง ปัญหาที่เกิดขึ้น ทางเจ้าหน้าที่ต้องพิจารณาด้านการบริหารจัดการต่อไป ทั้งงบประมาณ และวิธีการ หากทุกอย่างเป็นไปตามแนวทางที่ถูกต้อง จะสามารถการจัดการปัญหานี้ได้ดีแน่นอน


คลิปอีจันแนะนำ

เสี่ยงตายดับไฟ ส่งกำลังใจให้ฮีโร่