หลังจากประเทศจีนประกาศเปิดประเทศ โดยผ่อนคลายมาตรการโควิดสำหรับผู้เดินทางเข้าจีน ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.66 รัฐบาลเผยว่าเที่ยวบินจากจีนที่นำนักท่องเที่ยวทยอยเข้าไทยมาไฟล์ทแรกจะมาถึงตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค.นี้ เป็นเที่ยวบินที่มาจากเมืองเซี่ยเหมิน ในมณฑลฝูเจี้ยน ทางตอนใต้ของจีน ประมาณ 200 คน
และจากการประชุมคณะกรรมการด้านวิชาการตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อพ.ศ. 2558 โดยมีวาระสำคัญคือการเตรียมรับสถานการณ์เดินทางที่จะเพิ่มขึ้นจากประเทศจีน ซึ่งมีนโยบายเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.66 เป็นต้นไป คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยประมาณ 5 ล้านคน ในปี 2566 รวมทั้งจะมีผู้เดินทางจากประเทศไทยไปประเทศจีนมากขึ้นด้วย
เพื่อเตรียมรับนักท่องเที่ยวที่กำลังจะมาถึงไทย วันนี้ (8 ม.ค.66) รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความในการเตรียมพร้อมรับมือ ว่า 8 มกราคม 2566…วันเปิดรับท่องเที่ยวจีน…
เมื่อวานทั่วโลกติดโควิดเพิ่ม 373,639 คน ตายเพิ่ม 802 คน รวมแล้วติดไป 668,193,917 คน เสียชีวิตรวม 6,710,616 คน
โดย 5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง และจีน
นพ.ธีระ ระบุว่า ส่วนตัวแล้วคาดว่าการระบาดในปีนี้ของทั่วโลก น่าจะเป็นไปในลักษณะถ้วยซุปสายพันธุ์ (variant soup) ไปเรื่อยๆ โดยมีหลายสายพันธุ์ย่อยมามีอิทธิพลในแต่ละภูมิภาคที่มากน้อยต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสัดส่วนของผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ย่อยที่มีในพื้นที่นั้น การป้องกันตัวระหว่างใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงความครอบคลุมของการได้รับวัคซีนและเงื่อนเวลาที่ได้รับ
ส่วนเหตุผลที่โอมิครอนติดเชื้อแพร่เชื้อกันมาก ข้อมูลของ Wu CT และคณะ จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เผยแพร่ผลการศึกษาในวารสารวิทยาศาสตร์การแพทย์ Cell เมื่อวันที่ 5 ม.ค.66 ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า ไวรัสโรคโควิด-19 นั้นสามารถติดเชื้อ โดยจับกับตัวรับ ACE2 ที่ผิวเซลล์ โดยเข้าผ่านทางส่วนของ Motile cilia บนเซลล์เยื่อบุทางเดินหายใจส่วนบน
หลังจากติดเชื้อเข้าเซลล์ใน 24 ชั่วโมง ก็จะมีกระบวนการกระตุ้นส่วนของ microvilli ให้ขยายตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อช่วยให้เกิดการกระจายเชื้อผ่านทางผิวเยื่อบุทางเดินหายใจไปกับสารคัดหลั่ง เช่น น้ำมูก เพื่อให้เกิดการแพร่เชื้อไปให้ผู้อื่นได้
ทีมวิจัยพิสูจน์ให้เห็นด้วยว่า สายพันธุ์ โอมิครอน นั้น ติดเชื้อในเซลล์เยื่อบุทางเดินหายใจได้มากกว่าสายพันธุ์อื่นที่เคยระบาดมาก่อนทั้งเดลต้าและ D614G เราจึงไม่แปลกใจที่ โอมิครอน ทำให้เกิดการแพร่เชื้อติดเชื้อกันอย่างระเบิดเถิดเทิงตลอดปีกว่าที่ผ่านมา
ส่วนสถานการณ์โควิดของไทย
ย้ำอีกครั้งว่าจำเป็นต้องป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอ การ์ดอย่าตก
อย่าหลงไปกับคำลวงด้วยความเชื่องมงาย ที่ยุให้ทิ้งหน้ากาก ไม่ว่าจะวัยผู้ใหญ่หรือเด็ก เพราะเวลาเกิดปัญหาขึ้นมา คนที่จะต้องเผชิญกับวิกฤตินั้นคือตัวท่านและครอบครัวของท่านเอง ไม่ใช่แหล่งข่าวลวง ขอให้จดจำบทเรียนความสูญเสียตลอดสองปีกว่าที่ผ่านมาให้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง และเพราะเหตุใด
การใส่หน้ากากอย่างถูกต้อง ระหว่างใช้ชีวิตประจำวันนอกบ้าน ทั้งทำงาน เรียน และเดินทางท่องเที่ยว จะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มาก
สำหรับมาตรการด้านสาธารณสุข ในการเปิดรับนักท่องเที่ยว มีดังนี้
-ก่อนเข้าประเทศไทย ให้นักเดินทางฉีดวัคซีนโควิด 19 อย่างน้อย 2 เข็ม
-หากมีอาการป่วยทางเดินหายใจ ควรเลื่อนการเดินทางและรักษาให้หายก่อนเพื่อลดการแพร่โรค
-หากประเทศใดมีข้อกำหนดให้ผู้เดินทางต้องมีผลตรวจ RT-PCR เป็นลบก่อนกลับเข้าประเทศ ต้องให้ซื้อประกันสุขภาพเดินทางที่ครอบคลุมการตรวจรักษาโรคโควิด 19 เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพหากตรวจพบเชื้อหรือป่วย
-ส่วนมาตรการขณะพำนักในประเทศไทย แนะนำให้ผู้เดินทางป้องกันตนเองตลอดระยะเวลาที่อยู่ในประเทศ เช่น สวมหน้ากากเมื่ออยู่ในพื้นที่สาธารณะ/ขนส่งสาธารณะ ล้างมือบ่อยๆ
-หากมีอาการทางเดินหายใจ ให้ตรวจคัดกรองด้วย ATK และหากมีอาการป่วยรุนแรงขึ้นให้ไปตรวจรักษาที่สถานพยาบาล
-กรณีเดินทางออกจากประเทศไทยและประเทศปลายทางมีนโยบายตรวจคัดกรองก่อนเข้าประเทศ แนะนำให้พักในโรงแรม SHA+ ซึ่งจะมีบริการตรวจหาเชื้อโควิด 19 โดยสถานพยาบาลที่ได้รับรองมาตรฐานห้องปฏิบัติการจากรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
ถึงเวลาเปิดประเทศแล้ว เราต้องเดินหน้าใช้ชีวิต เพื่อทำมาหากิน แต่การดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันโควิด 19 ยังสำคัญมาก