เทศกาลสงกรานต์ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลายคนน่าจะสนุก และมีความสุขกันไม่น้อย แต่อย่างไรก็ตามหลังจบงานที่มีการรวมตัวของคนจำนวนมากขนาดนี้สิ่งหนึ่งที่ต้องเฝ้าระวังเลยก็ คือ โควิด-19 ที่แม้จะถูกลดระดับให้เป็นเพียงโรคประจำถิ่น เพราะมีอาการที่ไม่รุนแรงเหมือนในช่วงแรก แต่ก็เป็นเรื่องที่ต้องเฝ้าระวังอยู่ดี โดยเฉพาะคนแก่ ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มี โรคประจำตัว
โดยก่อนหน้านี้ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณะสุข ได้มีการคาดการไว้ว่า หลังสงกรานต์นี้ ยอดผู้ติดเชื้อโควิด 19 อาจเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งก็เป็นไปตามที่คาดไว้ เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 67 นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ของโรคโควิด 19 เพิ่มสูงขึ้นหลังเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งปัจจุบันโรคโควิด 19 เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังตาม พรบฺโรคติดต่อ แต่ยังไม่มีรายงานการระบาดรุนแรง แต่เพื่อให้เกิดความมั่นใจได้สั่งการทุกจังหวัดประเมินสถานการณ์และเตรียมความพร้อม กำชับทุกหน่วยงานดูแลประชาชนอย่างทั่วถึง
โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (วันที่ 14 – 20 เมษายน 2567) พบผู้ป่วยโรคโควิด 19 ที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลจำนวน 1,004 ราย เฉลี่ย 143 รายต่อวัน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามที่คาดการณ์ ไว้ โดยพบผู้ป่วยมากขึ้นในพื้นที่กรุงเทพ ปริมณฑล และจังหวัดท่องเที่ยวหลายแห่ง และมีผู้ป่วยอาการรุนแรงปอดอักเสบ 292 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 101 ราย และเสียชีวิต 3 ราย โดยผู้เสียชีวิตทุกรายเป็นกลุ่มผู้สูงอายุหรือมีโรคเรื้อรัง (608)
ส่วนเหตุที่ทำให้มีการติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นนั้น เนื่องจากส่วนใหญ่ผู้ที่ป่วยจะมีอาการเหมือนไข้หวัด ทำให้ไม่ระวัง ป้องกันตนเองส่งผลให้มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น และจากการติดตามเฝ้าระวังสายพันธุ์ที่กำลังระบาดในประเทศไทย โดยข้อมูลจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบว่ายังคงเป็นสายพันธุ์รุ่นลูกของโอมิครอน ผู้ป่วยจะมีลักษณะอาการคล้ายหวัด เช่น ไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดเมื่อย ตามตัว ปวดศีรษะ มีน้ำมูก โดยยังไม่พบว่ามีระดับความรุนแรงของโรคเพิ่มขึ้นจากสายพันธุ์โอมิครอนเดิมในปีที่ผ่านมา
นายแพทย์ธงชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคโควิด 19 ขณะนี้มีลักษณะเหมือนโรคประจำถิ่น สามารถพบผู้ป่วยได้ตลอดทั้งปี เพียงแต่จะมีจำนวนมากหรือน้อยแล้วแต่ช่วงเวลา ขณะนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกับโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจทั่วไป อาทิ โรคไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัด ทั้งนี้โรงพยาบาลทุกแห่งมีความพร้อมทั้งด้านบุคคลากร เตียงรองรับผู้ป่วยเวชภัณฑ์ ตลอดจนมีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ แม้ความรุนแรงของโรคโควิด 19 จะไม่รุนแรงเหมือนในช่วงแรก แต่เราควรดูแลตนเอง รักษาสุขอนามัย เช่นการสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ต้องเดินทางไปในสถานที่ที่มีผู้คนจำนวนมาก โรงพยาบาล หรือที่สาธารณะต่างๆ หากมีอาการคล้ายไข้หวัด ควรตรวจ ATK ด้วยตนเอง หากขึ้น 2 ขีด ควรสวมหน้ากากอนามัยไว้ตลอดเวลา และหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับกลุ่มเสี่ยง 608 พร้อมรับประทานยารักษาตามอาการ
ส่วนในกลุ่มเสี่ยง 608 หรือ คนแก่ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว รวมถึงผู้ที่ไม่เคยฉีดวัคซีนเลย หากมีอาการป่วยคล้ายหวัด และผลตรวจ ATK เป็นบวก 2 ขีด ควรสวมหน้ากากและรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษา เพื่อลดโอกาสในการเกิดอาการรุนแรง หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อสายด่วนของกรมควบคุมโรคได้ที่ 1422
ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมควบคุมโรค
คลิปอีจันแนะนำ
พ่อครับ… ผมเจอมือคน? เสียงความกลัว