ไทยป่วยไข้เลือดออก พุ่ง 6,156 ราย ตาย 4 ราย สูงกว่าปีก่อน 6.6 เท่า

คนไทยป่วยไข้เลือดออก พุ่ง 6,156 ราย ตาย 4 ราย สูงกว่าปีก่อน 6.6 เท่า คาดสัปดาห์นี้เพิ่มอีก กรุงเทพฯ พบผู้ป่วยมากสุด

โรคไข้เลือดออก อันตราย วางใจไม่ได้

วันนี้ (7 มี.ค.66) กรมควบคุมโรค เปิดข้อมูลสถานการณ์โรคไข้เลือดออก ในปี 2566 ระหว่างวันที่ 1 ม.ค.- 1 มี.ค.66 หรือ 2 เดือน พบผู้ป่วยจำนวน 6,156 ราย เสียชีวิต 4 ราย

กลุ่มอายุที่พบว่าป่วยมากที่สุด 3 อันดับ คือ 5-14 ปี, 15-24 ปี และ 0-4 ปี คิดเป็น ร้อยละ 27.81, 16.39 และ12.76 ตามลำดับ อัตราส่วนเพศหญิงต่อเพศชายเป็น 1:1

โดย 10 พื้นที่พบอัตราป่วยสูงสุด คือ กรุงเทพฯ, ภาคใต้, ภาคกลาง, ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คิดเป็นร้อยละ 23.84, 16.33, 14.07, 4.60 และ1.51 ตามลำดับ

ทั้งนี้ จำนวนผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกรายเดือนในปี 2566 เมื่อเทียบกับปี 2565 พบว่า ในเดือนมกราคมมีผู้ป่วยมากกว่า ปีที่แล้ว 6.6 เท่า

กรมควบคุมโรค คาดว่าในช่วงนี้มีแนวโน้มพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น และจากข้อมูลการสำรวจลูกน้ำยุงลาย ผ่านแอปพลิเคชัน อสม./อสส. ออนไลน์ จำนวนบ้าน 394,045 หลังคาเรือน พบบ้านที่มีลูกน้ำยุงลายจำนวน 33,661 หลังคาเรือน และได้ทำการสำรวจภาชนะจำนวน 4,332,352 ชิ้น พบภาชนะที่มีลูกน้ำยุงลายจำนวน 208,425 ชิ้น (ข้อมูล ณ วันที่ 18 ก.พ.66)

สำหรับการป้องกันโรคส่วนบุคคล ให้นอนในมุ้งหรืออยู่ในห้องติดมุ้งลวด ใส่เสื้อผ้ามิดชิด ทาโลชั่นกันยุง และปฏิบัติตามมาตรการ “3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค” ได้แก่ เก็บบ้านให้ปลอดโปร่งไม่ให้ยุงลายเกาะพัก จัดเก็บเสื้อผ้าใส่ตู้ให้เป็นระเบียบ เก็บขยะ เศษภาชนะไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ เช่น กะลา กระป๋อง ถุงพลาสติก ควรเก็บทิ้งหรือถม เก็บแหล่งน้ำ ปิดให้มิดชิด เปลี่ยนถ่ายน้ำทุกสัปดาห์ไม่ให้ยุงลายวางไข่ ภาชนะขังน้ำขนาดเล็กหมั่นเปลี่ยนน้ำทุก 7 วัน

นอกจากนี้ หมั่นสังเกตอาการของตนเองและครอบครัว โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเล็ก หรือผู้ใหญ่ที่มีโรคประจำตัว และผู้สูงอายุ หากมีอาการไข้สูงเฉียบพลันนานเกินกว่า 2 วันร่วมด้วยกับอาการอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดเมื่อย เบื่ออาหาร หน้าแดง ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม ไม่ควรซื้อยากินเอง

คลิปอีจันแนะนำ
นาทีหนีตาย ก่อนเหตุสลด