“บิ๊กเต่า” ยัน! มีอำนาจสอบคดี มินนี่ ทำตามคำสั่ง สตช.

“บิ๊กเต่า” ชี้แจงมีอำนาจสอบสวนและให้ข่าวคดีเว็บพนัน มินนี่ ตามคำสั่ง สตช. ไม่เกี่ยวชั้นยศ ยืนยันตำรวจมีอำนาจสอบสวนคดีนี้ ย้ำทำตามพยานหลักฐาน ไม่มีเบื้องหลัง

วันนี้ (22 ก.พ. 67) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก ในฐานะโฆษกคณะพนักงานสอบสวนคดีเว็บพนันมินนี่ ตอบคำถามสื่อมวลชนจากกรณีที่ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. หรือ บิ๊กโจ๊ก แถลงข่าวโต้กลับจากการให้สัมภาษณ์เรื่องการร้องทุกข์กล่าวโทษนายตำรวจ 5 นายเพิ่มเติมในคดีเว็บพนันมินนี่

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เรื่องของอำนาจการสอบสวนแม้ยศของตนเองจะต่ำกว่านั้น เป็นอำนาจตามคำสั่งที่ตนได้รับการแต่งตั้งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เป็นรองหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนวนคดีนี้ รวมถึงมีการลงความเห็นให้ตนเป็นโฆษกของคดีด้วย โดยการที่ผู้บัญขาการตำรวจแห่งชาติตั้งคณะทำงานขึ้นมา ถือเป็นคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมาย

ส่วนกรณีที่อีกฝ่ายบอกว่า คดีนี้มีมูลฐานความผิดฟอกเงินมากกว่า 300 ล้านบาท จึงต้องเป็นคดีพิเศษ เป็นอำนาจของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ไม่ใช่อำนาจของตำรวจนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ชี้แจงว่า จำนวนเงิน 200-300 ล้านบาท ที่เป็นยอดรวมนั้น เป็นเงินจากหลายเว็บที่เชื่อมโยงกัน แต่ก็ถือเป็นคนละกรณีกัน โดยในส่วนของเว็บพนันที่เกี่ยวข้องกับมินนี่นั้น มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 70 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งยังอยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะพนักงานสอบสวน

ส่วนเรื่องพยานหลักฐานในการตั้งข้อหานั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า “ไม่อยากจะพูดแล้ว” ขอให้ไปพูดกันในศาล ศาลเท่านั้นที่จะตัดสินได้ว่าถูกหรือผิด และการที่ตำรวจทำคดี สุดท้ายก็ต้องไปถึงศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซึ่งก็ใช้ระบบไต่สวนเหมือนกัน และบอกอีกว่า โดยพื้นฐานคนทั่วไป ไม่ค่อยมีใครอยากให้คดีเข้าไปที่ดีเอสไอ หรือ ป.ป.ช. เพราะมีการตรวจสอบเข้มข้น เจาะข้อมูลเชิงลึก ส่วนใหญ่คนจะชอบให้คดีอยู่กับตำรวจ เพราะอัยการสามารถสั่งไม่ฟ้องได้

ส่วนที่บอกว่าต้องการดึงคดีกลับมาทำ ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้ง แต่มองเห็นว่าเป็นเรื่องเดียวกัน เป็นเครือข่ายของมินนี่เหมือนกัน จึงขอความเมตตาไปว่า ขอให้ส่งเรื่องนี้กลับมา เพื่อประโยชน์ต่อรูปคดีในการสืบสวนต่อเนื่อง แต่ก็เป็นสิทธิของ ป.ป.ช. ที่จะให้หรือไม่ ยืนยันไม่ได้เป็นการกดดัน ทุกอย่างมีกระบวนการ ป.ป.ช. รับเรื่องใหญ่มากมาน เรื่องนี้แค่เด็กๆ

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยังฝากถึงทุกคนที่ถูกดำเนินคดีว่าให้ไปคุยกันในศาล ศาลจะให้ความเป็นธรรม ตนเองไม่มีสาเหตุโกรธเคือง ไม่กลั่นแกล้ง ไม่ทำนอกเหนือพยานหลักฐาน ขอให้มั่นใจในคณะพนักงานสอบสวน แต่ถ้ากลุ่มผู้ต้องหามีการข่มขู่เจ้าหน้าที่ บอกจะฟ้องหรือทำให้หวั่นไหว ซึ่งเป็นการทำร้ายองค์กร ตนก็ไม่ยอม

“ผมจะเดินหน้าชนทุกรูปแบบ แต่จะชนด้วยหลักฐานและความถูกต้อง โปรดอย่าทำร้ายองค์กร โปรดอย่าทรยศองค์กรตัวเอง เหมือนที่ท่านทรยศเจ้านายมาแล้วหลายๆ คน”
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.

อีกทั้ง ยืนยันอีกว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และไม่มีการกลั่นแกล้งใคร ตนทำงานตรงไปตรงมา ตรวจสอบประวัติได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องของพยานหลักฐาน ส่วนที่อีกฝ่ายตั้งคำถามว่า ทำไมถึงโดนอยู่คนเดียวนั้น ตนไม่รู้ ตัวเขาต้องรู้ดีที่สุด แต่ที่รู้คือ ตนสงสารน้องๆ ทุกคนที่เข้ามายุ่งเกี่ยวจนต้องโดนไปด้วย เพราะต้องทำตามผู้บังคับบัญชา ไม่กล้าบิดพริ้ว มองว่าน้องๆ ขึ้นเรือผิดลำ และเรือลำนี้กำลังจะล่ม

สำหรับประเด็นที่ถูกอีกฝ่ายตั้งคำถามว่ามีผู้อยู่เบื้องหลัง และให้ลูกน้องมาพูดแทน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่า ไม่มีหรือต่อให้มี ตนก็ไม่เกี่ยว เพียงแค่เข้าไปแล้วเห็นว่าพยานหลักฐานมันมีเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด จะปล่อยผ่านไม่ได้

ส่วนเหตุผลที่หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนซึ่งเป็นระดับ พล.ต.อ.ไม่มาชี้แจงเอง เพราะไม่ชอบให้ข่าว ชอบทำงานมากกว่า ส่วนหน้าที่การให้ข่าว ก็มอบหมายให้คนที่เหมาะสม ซึ่งในคณะฯ มีการยกมือกันให้ตนเป็นโฆษก จริงๆ ตนก็ไม่ได้อยากเป็น เดี๋ยวโดนฟ้องอีก แต่ถ้าไม่ทำ ทุกคนก็ไมสบายใจเพราะโดนขู่ทุกวัน แต่ยืนยันว่าเจ้านายปกป้องทุกคน ไม่ละทิ้ง

ทั้งนี้ ส่วนประเด็นที่อัยการสั่งสอบเพิ่มใน 7 ประเด็น ยืนยันว่าตำรวจไม่ได้ทำสำนวนไม่ดีจนอัยการต้องสั่งให้สอบเพิ่มใน 7 ประเด็น แต่ประเด็นดังกล่าวเกิดจากความไม่มั่นใจในข้อกฎหมายว่าตำรวจสามารถสอบปากคำพลตำรวจนายดังกล่าวใน 7 ประเด็น ซึ่งเคยสอบปากคำในสำนวนแรกในฐานะพยานไปแล้วได้หรือไม่ จึงส่งเรื่องให้อัยการสั่งให้ตำรวจที่ทำคดีสอบเพิ่มเอง เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดในข้อกฎหมาย ไม่ใช่การทำสำนวนไม่รู้เรื่อง

ขณะเดียวกันวันนี้ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ หนึ่งในคนที่ถูกพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ และมินนี่ และกลุ่มลูกน้องฟ้องถึง 7 คดี ได้มาพบพลตำรวจตรีจรูญเกียรติด้วย ซึ่งนายอัจฉริยะยืนยันว่าตนและตำรวจมีพยานหลักฐานชัดเจนว่าพลตำรวจเอกนายดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ของมินนี่ แต่ตนไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะอยู่ในสำนวนคดี

นอกจากนี้ยังมีหนึ่งในผู้ต้องหาของคดีดังกล่าวติดต่อมาที่ตนเองเพื่อขอไกล่เกลี่ยคดี ซึ่งตนเองได้ปฏิเสธไป พร้อมท้าให้พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ไปสาบานที่วัดหงษ์ จังหวัดบุรีรัมย์ ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ส่วนที่พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ บอกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องความขัดแย้งก็เป็นการคิดไปเอง อยากให้เอาเวลาที่มาแถลงข่าว ไปเตรียมสู้คดีดีกว่า


คลิปอีจันแนะนำ

บิ๊กโจ๊ก กับ บิ๊กเต่า พูดเรื่องเดียวกัน เเต่ไม่มีใครเอ่ยถึงใคร ?